พอเข้ามาในส่วนที่เป็นห้องพักของคามิน นัทมนจึงรู้ว่าเขานั่งตรงนี้กับลูกชายเขานั่นเอง แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับสิ่งที่เธออยากจะถามเขา
“ฉันขอเข้าเรื่องเลยนะคะ ฉันอยากรู้ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับจาคอป ลูกชายของคุณ”
เขารินน้ำส้มให้เธอแก้วหนึ่ง นัทมนมองแวบหนึ่ง “ไม่มียาอะไรอย่างที่คุณคิดหรอก” คามินกล่าว
“ฉันไม่ได้คิดอะไรสักหน่อย” นัทมนลอบเบ้ปากใส่ เกลียดที่เขารู้ทันเธอไปหมด นัทมนรับแก้วน้ำส้มมาถือแล้วก็เหลือบมองเขา คามินรินไวน์ใส่แก้วขึ้นดื่ม
“มีอะไรก็ถามมา” เขาบอก นัทมนจึงนั่งลงตาม เธออดรู้สึกไม่ได้ว่า เขาแตกต่างจากตอนที่อยู่อเมริกา ในเวลานี้เขาดูเหมือนหนุ่มอาหรับที่มีความลึกลับ เอาแต่ใจเต็มตัว
“ว่ายังไง มัวแต่คิดนาน คุณอยากรู้เรื่องไหนของจาคอปล่ะ เอาละเอียดตั้งแต่ตอนที่ผมเจอแม่ของเขาเลยไหม หรือรวบรัดเอาตรงที่จาคอปเกิดเลย”
“คุณคามิน คุณจะไม่กวนประสาทฉันสักห้านาทีจะได้ไหม”
คามินยิ้ม “ผมไม่ได้กวน แต่ผมไม่รู้จริงๆ นี่ว่าคุณอยากรู้เรื่องของจาคอปตั้งแต่ตอนไหน”
นัทมนข่มความโมโห แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“คุณคามินคะ เมื่อครู่ คุณดูออกใช่ไหมคะ ว่าจาคอปหยิกเอ่อ... ก้นฉัน”
ความเงียบของคามิน ทำให้นัทมนกลั้นลมหายใจอย่างไม่รู้ตัว
“ผมรู้ ผมมองเห็น นี่แหละปัญหาของจาคอป ที่ผมอยากแก้ไขให้หาย ถึงยอมจ่ายคุณแพงๆ ไง” คามินพูดแล้วถอนหายใจ “ส่วนหนึ่ง มันมีความผิดมาจากผม ที่ไม่มีเวลาให้แก ผมทำงานทุกวัน กลับบ้านไปแกก็หลับแล้ว เวลาส่วนใหญ่แกก็อยู่กับพี่เลี้ยง แต่พี่เลี้ยงพวกนั้นก็อยู่กับแกได้ไม่เกินสามเดือน เป็นอันลาออกไปหมดหรือไม่ก็นอนให้น้ำเกลืออยู่โรงพยาบาล”
นัทมนกลืนน้ำลายลงคอ ‘แล้วเธอจะรอดไหม มีหวังชวดเงินสิบล้านแน่เลย’ แต่คิดไปคิดมา อีกแวบหนึ่งก็อดรู้สึกสงสารเด็กน้อยคนนั้นไม่ได้
“แล้วแม่ของแกล่ะคะ ไปไหน”
คามินสบดวงตาสุกใสของนัทมน เขานิ่งงันไปชั่วขณะ ท่าทางอึดอัดใจของคามินเหมือนคนไม่อยากพูดถึงอดีตทำให้นัทมนหยุดความคิดที่จะถามต่อ ตอนแรกเธอจินตนาการว่าแม่ของจาคอป คงเลิกรากับคามินไปเพราะเข้ากันไม่ได้ด้วยเรื่องใดเรื่องหนึ่ง หรือไม่ ถ้าซ้ำร้ายกว่านั้นคงตายจากกัน
“ฉันขอโทษที่เสียมารยาทถาม”
“เรื่องนั้นผ่านมานานแล้ว ช่างเถอะ เรามาพูดถึงเรื่องของจาคอปต่อดีกว่า ผมอยากให้คุณช่วยดูแลแกให้แกปรับตัวอยู่ที่บาห์เรนให้ได้”
“มันหน้าที่ของฉันที่ต้องดูแลจาคอป แต่ที่จริงฉันเองก็ต้องปรับตัวเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะอยู่ที่บาห์เรนได้หรือเปล่า บางทีอาจเป็นฉันที่ต้องระเห็จกลับไปก่อนก็ได้” นัทมนบอกพร้อมกับหัวเราะแห้งๆ
“หมายความว่าคุณไม่เอาเงินสิบล้าน คิดจะถอนตัวเมื่อรับงานไปแล้วน่ะเหรอ?”
นัทมนรีบตอบกลับด้วยความตกใจ “ฉันทำค่ะ ฉันยังต้องการเงินสิบล้าน” ร่างเล็กที่เกือบจะถลาไปหาคนที่นั่งอีกฟาก ใบหน้าของคามินอยู่ห่างแค่ฝ่ามือกั้น
นัทมนเบิกตาโต ในระยะกระชั้นชิดนี้ เธอเห็นโครงหน้าเขาชัดเจน ใบหน้าหล่อเหลาแบบลูกครึ่งอเมริกัน-อาหรับ ช่างเป็นส่วนผสมที่ลงตัว หล่อเข้มมากๆ พอมองสบดวงตาคมเข้ม ก็แทบจะเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในดวงตาลึกล้ำคู่นั้น
นัทมนรีบดึงสติกลับมา โชคดีที่คามินไม่ทำอะไรเธอไปมากกว่านั่งหรี่ตามอง เขาคงหัวเราะเยาะเธออยู่ในใจ คิดว่าเธอเป็นยัยงก ยอมรับก็ได้ว่า งกอย่างเขาคิดจริง ๆ
“ฉันคิดว่า ฉันจะเป็นพี่เลี้ยงที่ดีของจาคอปได้ค่ะ และจะอยู่ให้ได้นานกว่าสามเดือน ฉันจะปราบเจ้าหมาป่าน้อยให้เป็นลูกแมวเปอร์เซียให้ได้ คุณคอยดูสิ”
คามินยิ้มมุมปาก “ผมจะคอยดูนะ เขาเป็นเด็กน่ารักแต่เฉพาะกับบางคน เอาแต่ใจตัวเอง พี่เลี้ยงคนล่าสุดถึงกับเข้าโรงพยาบาล เพราะถูกจาคอปเล่นงานจนสะโพกหลุด ยังไงก็ดูแลตัวเองดีๆ ”
“สะโพกหลุด นั่นเพราะพ่อทำหรือลูกทำกันแน่” เธอพึมพำในลำคอแต่ดังพอให้ใครอีกคนได้ยิน
ดวงตาคมเข้มตวัดมามองแล้วลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปหา นัทมนนั่งตัวเกร็ง
“ผมหูดีนะ สะโพกหลุดเพราะจาคอป ไม่ใช่เพราะผมแน่นอน จำเอาไว้ว่า ถ้าคุณไม่ได้ทำผ้าหลุดต่อหน้าผม ผมคงไม่มีวันทำให้คุณสะโพกหลุด” คามินพูดจบ จึงเดินกลับมานั่งที่
“คนบ้า ฉันไม่มีทางทำผ้าหลุดต่อหน้าคุณหรอก”
คามินแค่นหัวเราะ “ผ้าหลุดยังไม่เท่ากับว่า…อย่าทำหัวใจคุณหลุดลงมาใส่ผมก็แล้วกัน เพราะผมอาจจะรับผิดชอบไม่ไหว”
นัทมนเขินปนตกใจ คนอะไรหลงตัวเองเป็นที่หนึ่ง แล้วก็ผลุนผลันเดินหนีเขา แต่เครื่องบินตกหลุมอากาศพอดี ร่างบอบบางเลยเซถลาไปล้มลงบนตักคนที่นั่งอยู่พอดี
คามินรับร่างเล็กไว้ทัน เขาหัวเราะเบาๆ แล้วก้มมอง ขณะที่มือยังโอบกอดร่างเล็กอยู่ ไม่ยอมปล่อย
“ระวังหน่อยสิคุณ”
“ขอโทษค่ะ เมื่อกี้เครื่องบินตกหลุมอากาศ ฉันไม่ได้ตั้งใจอ่อยคุณนะ บอกไว้ก่อนเลย” นัทมนดันตัวลุกขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้เพราะมือแกร่งดั่งหินไม่ยอมปล่อย เธอมองมือเขาสลับจ้องตาคมกริบคู่นั้น
“ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ”
เขายอมปล่อยมือ “ขืนล้มลงมาใส่ผมบ่อยๆ ครั้งต่อไปไม่ได้ลุกง่ายๆ แบบนี้อีก”
แก้มขาวอมชมพูของนัทมนแดงระเรื่อขึ้นทันที “ถ้าเลือกได้ฉันยินดีล้มกระแทกพื้น ดีกว่าล้มไปกระแทกกับคุณ ไม่ต้องมาขู่ฉันบ่อยๆ หรอก” นัทมนพูดแล้วก็สะบัดหน้าหนี ไม่อยากพูดกับเขาอีก โดยไม่ทันสังเกตเห็นว่า สีหน้าเขาก็เขียวคล้ำไปเหมือนกันก็แม่คนตัวเล็กสะโพกใหญ่ ตัวไม่ใช่เบาๆ ล้มทับโดนเป้ากางเกงเขาอย่างจัง น้ำหนักตัวเธอนอกจากทำให้เขาเจ็บแล้วยังทำให้เขารู้สึกจุกหน่วง ๆ
“นี่คุณ ผมจะบอกอะไรให้นะ คุณควรลดน้ำหนักได้แล้ว แย่งขนมไข่มุกกินบ่อยใช่ไหม ผมว่าเพื่อสุขภาพที่ดี คุณควรลดน้ำหนักบ้างนะ” คามินพูดตามหลัง
“รูปร่างแบบฉันแค่อวบระยะปลาย ยังไม่ได้อ้วน” สาวร่างเล็กที่อวบอัดเป็นบางส่วน หันมาตอบด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด ก่อนจะหมุนตัวเดินไป
“อ้าว คุณจะรีบไปไหน คุยจบแล้วหรือ”
“ฉันไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับคุณแล้ว” เสียงใสตอบโดยไม่หันมา
ร่างเล็กเดินเร็วๆ ออกไป แต่ยังได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้าของเครื่องบินลำนี้ลอยเข้าหู นัทมนเม้มปากแน่น อยู่ใกล้คามินทีไร เป็นต้องมีเรื่องให้โมโหได้ทุกครั้ง เขาไม่เคยให้เกียรติเธอ เหมือนที่ให้เกียรติญาติผู้พี่ของเธอเลย
“ถ้าเป็นพี่เอพริลล้มทับ อีตานี่ คงร้องบอกว่าได้โปรดทับผมอีก ทับผมอีก แหวะ…หมั่นไส้ คนสองมาตรฐาน”