ตอนที่ 8 Reunion EP.2
โคนม? นั่นถือว่าเป็นคำเหยียดอย่างหนึ่งหรือเปล่า เขาอยากให้เธอรับไม่ได้กับคำพูดต่ำๆ แบบนั้นแล้วถอดใจไปเองเหรอ
ขอโทษด้วย
เธอเหยียดยิ้ม ไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ ต่อไม่ได้มีอำนาจต่อรองอย่างที่เขาคิด อยากพาผู้หญิงคนใหม่ไปเจอพ่อแม่เหรอ ตามสบาย อยากควงใคร นอนกับใคร เรื่องของเขา เพราะเธอแค่อยากหมั้นให้ยายเห็นกับตา หลังจากนั้นจะขอผลัดไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเหนื่อยกับการใช้ชีวิตโสด ถึงตอนนั้นถ้าอยากมีครอบครัวเธอจะพิจารณาอีกครั้ง
อีกอย่างเงื่อนไขที่ต่อยกมาใช่ว่าจะเป็นเรื่องเท็จไปเสียทั้งหมด เพราะว่าตอนที่ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายคุยกัน ย่อมต้องมีข้อตกลงบางอย่างเกิดขึ้น
ผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่คนโง่ เขาไม่มีทางทำให้พ่อเลี้ยงขวัญโมโหจนอกแตกตายแน่ๆ จริงอย่างที่เขาว่า ดาหลาอาจไม่มีคุณสมบัติพอที่จะอุ้มท้องลูกของต่อ บางทีบ้านของผู้หญิงคนนั้นอาจไม่มีแบ็กอัพหนาเหมือนบ้านเธอ แต่เท่าที่ทราบมา ต่อแทบไม่เคยพูดถึงเรื่องที่บ้านเขาเลย เขาก็เหมือนคนรุ่นใหม่ยุคนี้ที่ต้องการสร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวเอง ธุรกิจที่ทำร่วมกับเก้าอี้ก็ถือว่าเป็นธุรกิจที่กำลังเจริญเติบโตไปได้ด้วยดี เพราะเทคโนโลยีที่พวกเขาคิดค้นขึ้นมาสามารถตีตลาดงานของกลุ่มองค์กรขนาดใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ ขยายไปในกลุ่มธุรกิจที่มีกำลังซื้อน้อยกว่า รวมไปถึงคนทั่วไปที่มีกำลังซื้อไม่มากนัก
สมกับที่เป็นลูกชายนักธุรกิจใหญ่ เขามีความสามารถพอที่จะยืนด้วยลำแข้งของตัวเอง ถ้าไม่นับเรื่องปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างเธอและเขา บางทีตะวันฉายอาจเลือกต่อเป็นตัวเลือกแรกในการแต่งงาน
“เรื่องนี้ฉันมีอำนาจต่อรอง อีกอย่างพ่อฉันกับพ่อนายยังไม่ได้คุยกันเรื่องรายละเอียด ขอแค่ฉันบอกพ่อว่ายินดีแน่นอนว่าพ่อเลี้ยงขวัญต้องรีบถ่อมาถึงที่เชียงใหม่อย่างแน่นอน”
ร่องรอยกระหยิ่มยิ้มย่องในดวงตาคมจางหายไปอย่างรวดเร็ว ต่อชักสีหน้าอย่างไม่คิดจะปิดบัง เมื่อเห็นว่าคำขู่ใช้กับเธอไม่ได้ผล เขาก็กระแทกแผ่นหลังกับโซฟาพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาส่งให้เธอ
ตะวันฉายมองพฤติกรรมของเขาด้วยความสงสัย
“เบอร์มือถือของเธอ”
กระทั่งคำพูดห้วนหลุดออกมาจากริมฝีปากของอีกฝ่าย เธอจึงรัวนิ้วพิมพ์ลงไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ชัดเจนขึ้น
“เธอแน่ใจแล้วใช่มั้ยว่าจะเล่นกับไฟ” เขาถาม
ตะวันฉายส่งโทรศัพท์คืน มุมปากกระตุกเล็กน้อย “นายกลัวหรือไง”
ต่อฉวยจังหวะที่เธอส่งโทรศัพท์มือถือให้รวบมือของเธอไว้มั่น ปรายตาคมมองมือเรียว มุมปากกดลึกเพราะรับรู้ถึงความเย็นเฉียบจากมือของอีกฝ่าย
ประหม่าเหรอ?
“ปล่อยมือฉัน”
“รู้หรือเปล่าว่าหน้าที่คู่หมั้นคืออะไร” เขาว่า ไม่ยอมปล่อยมือเธอง่ายๆ พอเห็นตะวันฉายพยายามดึงมือตัวเองออก เขายิ่งรั้งมือเล็กเธอจนเกือบเสียการทรงตัว “คู่หมั้นน่ะ บางทีก็ต้องลองว่าจะเข้ากันได้มั้ย ว่ายังไงล่ะ อยากลองหรือเปล่า”
“ลองอะไรของนาย” ตะวันฉายกัดฟันถาม
ดวงตาของต่อเป็นประกายวาววับ “ลองแบบคืนก่อนวันขึ้นดอยไง”
ตะวันฉายไม่เคยเจอใครหน้าด้านแบบเขามาก่อน ลองแบบคืนก่อนวันขึ้นดอย? หมายถึงนอนกับเขางั้นเหรอ
เธอเกือบหลุดหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องรักษาสีหน้าสงบไว้
“อยากให้ผู้หญิงนอนด้วย ต้องดูว่านายมีความสามารถนั้นมั้ย เพราะถ้าฉันไม่พอใจ ก็อย่าหวังว่าเรื่องแบบนั้นมันจะเกิดขึ้นอีก อีกอย่างกับคนที่เปลี่ยนผู้หญิงไม่ซ้ำหน้าอย่างนาย...เกรงว่าจะสะอาดไม่พอ”
ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นอาจโมโหจนขาดสติทันทีที่ได้ฟังคำพูดจากปากอิ่มสวยของคนตรงหน้า ทว่าต่อกลับยิ้มมุมปากเหมือนคิดไว้แล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้
“พนันกันมั้ยล่ะ”
“พนันอะไร” โดยสัญชาตญาณแล้ว คนที่มีความมั่นใจในตัวเองมักจะชอบรับคำท้า และยิ่งเมื่อตัวเองสามารถพลิกกลับมาถือไพ่เหนือกว่าได้ คนคนนั้นมักจะท้าคนอื่นพนัน
“ถ้าฉันสะอาด...เธอจะลองกับหรือเปล่า”
“ฉันไม่พนัน” เธอรู้ว่าเขาฉลาดพอที่จะป้องกันตัวเองทุกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าการป้องกันของเขาจะไม่เกิดความผิดพลาดเหมือนที่เคยเกิดขึ้นกับเธอเมื่อสองปีก่อน
“ป๊อด”
“ถ้านายคิดว่าใช้คำพูดแบบนี้กับฉันแล้วฉันจะยอมรับคำท้า ก็อย่าดิ้นรนให้เสียเวลาเลย”
“บางทีแล้วเราควรทำความรู้จักกันใหม่ในฐานะของว่าที่คู่หมั้น ก่อนที่จะตัดสินใจอะไรสักอย่าง เพราะอย่าลืมว่าการตัดสินใจของเราทั้งคู่มันคืออนาคตของคนสองสกุลด้วยเช่นกัน” ต่อวางนามบัตรของตัวเองไว้บนโต๊ะ “สวัสดีครับ ผม...ตฤณภพ”
...เรืองรัตนะ
ต่อแนะนำอย่างเป็นธรรมชาติ ราวกับว่าทำแบบนี้มานานหลายครั้งจนชินชาแล้ว มือข้างหนึ่งยื่นค้างมาด้านหน้า จนตะวันฉายจำต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ตะวันฉาย อนันตรา”
“มั่นใจว่าจะหมั้นใช่มั้ย” เขาถามย้ำ ไม่คิดปล่อยมือจากเธอง่ายๆ
“ฉันตัดสินใจแล้ว”
“ดี ต่อไปรับโทรศัพท์ฉันทุกครั้งด้วยล่ะ”
“ฉันไม่ใช่ลูกน้องหรือคนของนาย”
เขาหัวเราะเหมือนเจอเรื่องตลก “ขอโทษครับคุณผู้หญิง ตอนที่คุณบอกว่าจะหมั้นกับผม นั่นเท่ากับประกาศตัวแล้วว่าจะเป็นผู้หญิงของผม อีกอย่าง...ผู้ชายของเรืองรัตนะไม่เคยปล่อยให้ผู้หญิงของตัวเองคลาดสายตา ก่อนหน้านี้ฉันถามเธอว่ายังไงนะ อ้อ...ตัดสินใจแล้ว ขอโทษด้วยนะ ฉันส่งข้อความไปบอกพ่อเมื่อกี้ อีกสองสามวันท่านจะลงมาที่เชียงใหม่”
รอยยิ้มจากกลีบปากอิ่มเลือนหายไปแทบจะทันที ดวงตาคู่สวยเบิกกว้าง แพขนตาสั่นระริกเหมือนจะตกใจเป็นครั้งที่สองของวัน
มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ ที่จริงตอนนี้เธอควรถือไพ่เหนือกว่า แล้วทำไมตอนนี้เขาถึงมีสีหน้าเหมือนคนที่ถือไพ่เหนือกว่าล่ะ
ตะวันฉายคิดพลางกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก นั่นกลับทำให้เขายิ่งกดรอยยิ้มลึกขึ้น
“นายไม่อยากหมั้นไม่ใช่เหรอ”
เขาเลิกคิ้ว “ตอนแรกไม่ ตอนนี้อยากแล้ว”
เขาไม่ปิดบังความปรารถนาในดวงตาเลยแม้แต่น้อย จู่ๆ มีแกะเนื้อนุ่มน่ากินมาเสิร์ฟถึงที่ ถ้าเขาเล่นตัวหนักเกินไปก็คงจะอดรับประทานน่ะสิ
เดิมทีต่อไม่คิดจะยุ่งกับตะวันฉายเพราะเธอเป็นเพื่อนสนิทของหมี่ขาว ทว่าตอนนี้มีข้ออ้างแล้ว จะปล่อยไปก็น่าเสียดาย อีกอย่างผู้หญิงอย่างตะวันฉายไม่ได้อยากผูกมัดตลอดชีวิตอยู่แล้ว ถือว่าไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ เรื่องที่พ่ออยากได้หลานถือว่าเป็นเรื่องที่เขาไม่คิดจะใส่ใจมาตั้งแต่แรกแล้ว แค่อยากขู่ให้คนบางคนกลัว
ดูเหมือนเธอไม่กลัวคำขู่
แต่กลัวคนจริง
เขาปฏิเสธผู้หญิงที่พ่อจับคู่ดูตัวให้มาหลายต่อหลายคน เพราะคนเหล่านั้นพยายามทำตัวเป็นหญิงสาวที่เพียบพร้อมไปด้วยรูปโฉมและทรัพย์สมบัติ รวมไปถึงกิริยามารยาทที่ผ่านการอบรมสั่งสอนมาอย่างดี พยายามพรีเซนต์ตัวเองว่าเป็นหญิงสาวยุคใหม่ที่พร้อมเป็นแม่พันธุ์มากกว่าแม่ของลูก
โทษที...สำหรับเขาแล้วผู้หญิงที่พยายามพรีเซนต์ว่าตัวเองเป็นสาวยุคใหม่แต่กลับยอมให้ทางบ้านจับคู่ดูตัวให้ง่ายๆ เขาต้องการอะไรก็ตอบรับแทบจะทันที ผู้หญิงแบบนั้นพออยู่ด้วยกันนานเข้าก็จะเป็นเหมือนคู่ขาเก่าของเขาหลายๆ คน พอยอมให้มากขึ้น จึงเรียกร้องกันมากขึ้น สุดท้ายก็เปิดเผยตัวตนอันไม่น่ารักออกมา
หน้ากากที่สวมอยู่ทุกวัน ไม่มีทางกลายเป็นหน้าตาที่แท้จริงของคนได้
แต่กับตะวันฉายต่อมีความรู้สึกพิเศษบางอย่างในครั้งแรกที่พบเธอ อาจเป็นเซนส์ของคนที่มีอะไรบางอย่างคล้ายกัน อีกอย่างรู้จักกันมาราวสองปี อะไรที่คิดว่าไม่รู้ก็รู้อยู่แล้ว อะไรที่คนอื่นคิดว่าเขาไม่รู้ ยิ่งรู้มากกว่าตัวเธอเองด้วยซ้ำ
ผู้หญิงบ้างาน ขี้ประชดแฟนเก่า แถมยังบ้าไอดอลอย่างตะวันฉาย ทว่ากลับยอมหมั้นกับคนแปลกหน้า ถ้าไม่ใช่เพราะคนในครอบครัวแล้วเขาก็ไม่คิดว่าเป็นอย่างอื่น เพราะตลอดเวลาที่หมี่ขาวเล่าบางเรื่อง มักมีเรื่องของตะวันฉายแทรกเข้ามาเสมอ
ผู้หญิงที่แข็งนอกอย่างเธอ บางทีก็สามารถกระตุ้นสัญชาตญาณของผู้ชายออกมาได้อย่างง่ายดาย สัญชาตญาณของความเป็นผู้นำ ความอยากรู้อยากเห็น ความปรารถนา ความใคร่ ความสนใจที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ตะวันฉายเปรียบเสมือนดวงตะวันบนท้องฟ้าที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นว่าพื้นผิวที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร เพราะเธอใช้ความร้อนแรง ความสว่างที่เปล่งออกมาให้คนอื่นได้เห็นเป็นเกราะป้องกันชั้นเยี่ยม ไม่มีใครสามารถบุกเข้าไปสัมผัสกับตัวตนที่แท้จริงของเธอ ยกเว้นว่าจะเป็นคนที่เธอแคร์ อย่างเช่นเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัว
ตฤณภพ[1] มีความหมายตามชื่อ เพราะพ่อไม่อยากให้เขาเป็นต้นไม้ใหญ่ที่เติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว แต่อยากให้เขาเป็นแผ่นดินที่เต็มไปด้วยผืนหญ้า ความหมายธรรมดาของชื่อ ไม่ได้เป็นปัญหาในการใช้ชีวิตของเขา แต่บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าตั้งแต่ที่พี่สาวฝาแฝดจากโลกนี้ไป ต้นหญ้าอย่างเขาก็เหมือนจะเหี่ยวเฉาไปตั้งนานแล้ว
บางทีต่อก็คิดว่าแสงแดดอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้เขากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งก็ได้
ตามหลักวิทยาศาสตร์แล้วควรเป็นแบบนั้นหรือเปล่า
แต่ก็ต้องรู้ด้วยว่าการเล่นกับไฟดวงใหญ่หากไม่ระวังก็สามารถแผดเผาจนเขามอดไหม้เป็นเถ้าถ่านในทันที
ต่อเหลือบมองมือเล็กที่ถูกเขาจับไว้แน่น แอบคิดว่าใช้ชีวิตเหลวแหลกมาหลายปี บางทีก็อาจจะเหนื่อยเป็นเหมือนกัน
[1] ตฤณ แปลว่า หญ้า