ตอนที่ 7 Reunion EP.1
ไม่ต้องรอให้ต่อทำตัวเป็นสุภาพบุรุษด้วยการเชิญชวนให้ไปนั่งที่โต๊ะ แต่ตะวันฉายมุดลอดจากวงแขนของชายหนุ่มแล้วเดินไปหาสาวสวยคนนั้นด้วยใบหน้าอาบรอยยิ้ม เหลือเพียงกลิ่นหอมสดชื่นปนเซ็กซี่อันเป็นเอกลักษณ์ทิ้งไว้ในอากาศ เขาสติหลุดไปพักหนึ่ง เป็นครั้งแรกที่เจอผู้หญิงนิสัยยียวนกวนประสาทและคุณสมบัติที่เรียกได้ว่า...เกินต้านไหว
รูปร่าง...เซ็กซี่เป็นบ้า
หน้าตา...ระดับ S+
นิสัย...ถ้ามองในแง่ของการมิตรสหาย เธอได้คะแนนเต็ม แต่ถ้าเป็นนิสัยของผู้หญิงที่แสดงต่อเขาแล้วล่ะก็ ติดลบไปเถอะครับ
ส่วนเรื่องแบบนั้น คนที่ตรวจสอบ QC มาแล้วสองรอบอย่างเขา ต้องบอกว่าเกินมาตรฐานไปไกลสุดกู่
จนถึงตอนนี้ก็ยังลืมกลิ่นน้ำหอมของยัยนั่นไม่ได้เลย กลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่นกระปรี้กระเปร่าตลอดเวลา พอเจือกับกลิ่นเหงื่อของเธอยิ่งให้ความรู้สึกเซ็กซี่เป็นบ้า ตอนแรกเขายังคิดว่าจะสามารถลืมเรื่องนี้ได้แล้วเชียว ไม่คิดว่าโลกจะกลมขนาดนี้
พ่อนะพ่อ ถึงขั้นที่เขาพาคู่ขาไปรายงานตัวว่านี่คือลูกสะใภ้ พ่อยังไม่คิดเชื่อ แถมยังขู่อีกว่าถ้าไม่ยอมมาเจอหนูซันไชน์ของพ่อ เขาจะต้องกลับมาช่วยงานที่ไร่ชาโดยไม่มีข้อแม้
ให้ตายเถอะ เขาไม่คิดว่าหนูซันไชน์ของพ่อจะเป็นตะวันฉาย
ยัยนั่นมันบ้าเลือด ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ นิสัยเหมือนหมาบ้าแบบนั้นเขาไม่อยากเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงให้ปวดหัว
แต่ดูเหมือนจะไม่ทันแล้ว เพราะเธอนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับสาวสวยที่เขาพามาด้วย แถมยังเรียกพนักงานมาสั่งเครื่องดื่มราวกับว่าผู้หญิงอีกคนไม่ได้ส่งผลต่อความมั่นใจของเธอเลยแม้แต่น้อย
เขาเจอคนช่างตื๊อมาเยอะ แต่ตะวันฉายคือคนที่รับมือยากที่สุด เพราะเธอไม่สนเงินทอง ไม่สนชื่อเสียง สนแต่ความพอใจของตัวเองล้วนๆ
หักอกผู้หญิงคนหนึ่งน่ะง่าย แต่ต้องไม่ใช่เพื่อนสนิทของว่าที่เมียของเก้าอี้ แถมยังถือว่าเป็นผู้หญิงในกลุ่มเดียวกันอีกด้วย
ต่อพยายามตั้งสติเพื่อหาทางรับมือกับผู้หญิงคนนั้น เขาค่อยๆ สาวเท้าเข้าไปใกล้ ปรับอารมณ์และเรียกเทพแห่งไอคิวกลับมาประทับทรง เมื่อกี้เพราะตกใจเกินไปหน่อย ความฉลาดที่ไม่ค่อยเอาออกมาใช้กระเด็นกระดอนไปคนละทิศละทาง พอเจอกับคนที่รับมือยาก อย่างน้อยเขาก็ต้องพยายามดิ้นรนอย่างสุดความสามารถเช่นกัน
“อ้อ...ลืมแนะนำตัวเลย ฉันชื่อตะวันฉายค่ะ เป็นว่าที่คู่หมั้นของคุณตฤณ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ” เธอยิ้มอย่างเป็นมิตร ประหนึ่งสาวงามที่ได้รับตำแหน่งนางงามมิตรภาพ มือเรียวเล็กยื่นให้ ‘ดาหลา’ สาวสวยที่ต่อพาขึ้นเหนือมาด้วยกัน อีกฝ่ายเหมือนทำอะไรไม่ถูก แต่ก็จำเป็นต้องยื่นมือสัมผัสกับตะวันฉายอย่างไม่มีทางเลือก
หางตาของต่อกระตุกเป็นพักๆ พยายามฝืนยิ้มแล้วนั่งลงพร้อมกับโอบไหล่ดาหลา เอียงคอพูดกับคนที่เหมือนถูกกันออกวงนอกด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
“ตกใจหรือเปล่าครับที่รัก”
ดาหลากะพริบตาถี่ๆ แล้วหันมายิ้มให้ต่อ “ตกใจนิดหน่อยค่ะ เธอเป็นว่าที่คู่หมั้นของพี่ต่อเหรอคะ”
พี่ต่อ?
ตะวันฉายหัวเราะในลำคอ วางมาดราวกับนางพญายามอมยิ้มมองชายหนุ่มหญิงสาวตรงหน้า บริกรหญิงคนหนึ่งยกเครื่องดื่มมาเสิร์ฟพอดี เธอรับมันมาพร้อมกับกล่าวขอบคุณ ก่อนจะปรายตามองคนทั้งคู่อีกครั้งอย่างไม่สะทกสะท้าน
คนทั้งคู่ต่างก็มองเธอนิ่ง ทว่าไม่ได้สะเทือนสีหน้าตะวันฉายเลยแม้แต่น้อย เธอชูแก้วกาแฟ เอ่ยชวนยิ้มๆ
“เชิญค่ะ ฉันว่าง รอพวกคุณคุยกันให้จบก่อนได้”
เหมือนเป็นคำอนุญาต ทว่าต่อกลับไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้นนอกจากกุมมือผู้หญิงที่เขาเรียกว่าดาหลาแล้วคลึงปลายนิ้วของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน หากว่าตะวันฉายมีความสนใจเขาสักนิด บางทีเธออาจรู้สึกไม่พอใจที่เขาแสดงความรักกันอย่างออกนอกหน้า แต่ในเมื่อระหว่างทั้งคู่ไม่ได้มีความรู้สึกร่วมกันสักนิด เธอก็คิดว่าเดือดร้อนไปก็ไร้ประโยชน์
เพราะเขาเป็นฝ่ายบอกเองว่าพาผู้หญิงไปหลอกพ่อกับแม่ว่าเป็นลูกสะใภ้ แต่ตะวันฉายถือไพ่เหนือกว่า เพราะคำพูดของพ่อเลี้ยงขวัญขึ้นอยู่กับความพอใจของเธอ
แสดงละครมากๆ ก็จะเบื่อไปเอง ตะวันฉายรู้ดี เธอรอให้สองคนนั้นคุยกันกะหนุงกะหนิง ยังดีที่เขามีความละอายแก่ใจมากพอที่จะไม่จูบกันต่อหน้าคนอื่น สุดท้ายแล้วคนที่หมดความอดทนก็คือต่อ เขากระซิบอะไรบางอย่างกับดาหลา หลังจากนั้นเธอก็ขอตัวออกไปโดยที่สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก
ตะวันฉายรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังแสดงละครสักเรื่อง โดยที่เธอรับบทบาทเป็นเมียตีทะเบียน ให้ความรู้สึกสะใจพิลึก โดยเฉพาะเวลาเห็นผัวเฮงซวยทำอะไรไม่ได้
เขาชักสีหน้าเย็นชาใส่ทันทีที่ดาหลาออกจากร้านไป น้ำเสียงก็เย็นเยียบไม่ต่างจากน้ำแข็ง “เธอต้องการอะไร”
ตะวันฉายเลิกคิ้ว “หมั้นไง ฉันว่าฉันพูดไปตั้งแต่แรกแล้วนะ”
“เงื่อนไข” เขาถาม เหมือนพยายามควบคุมอารมณ์ไม่ให้ปะทุอยู่เนืองๆ
“ฉันทำตามที่ยายต้องการ หมั้นให้ยายเห็น”
เขาแค่นเสียงหัวเราะราวกับเห็นเธอเป็นแค่ผู้หญิงที่อ่อนประสบการณ์ต่อโลก “เธอคิดว่าพ่อเลี้ยงขวัญจะเสียค่าสินสอดมากมายเพื่อให้เธอหมั้นแล้วก็ยกเลิกงานแต่งงั้นเหรอ”
“เปล่า...แต่ถ้านายไม่พอใจ แค่หมั้นก็พอแล้ว ฉันแค่อยากรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับยาย ที่เหลือดีลกันทีหลังได้”
ดวงตาคมกริบของต่อยิ่งนานยิ่งดำมืดขึ้นเรื่อยๆ “เธอรู้ไหมว่าการรับของหมั้นจากคนตระกูลฉันหมายความว่ายังไง”
“นายบอกสิ”
“สะใภ้...และลูก เธอทำได้มั้ยล่ะ คลอดหลานให้พ่อฉันน่ะ”
หญิงสาวหุบยิ้มฉับ เงื่อนไขนี้พ่อไม่เห็นบอกเธอ คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อย พยายามใช้ความคิดเพื่อหาทางหนีทีไล่ “นายบอกว่ารับของหมั้นแล้วต้องเป็นสะใภ้แล้วคลอดทายาทให้นายงั้นเหรอ ถ้าแบบนั้นฉันคืนของหมั้นให้ก็ถือว่าจบกันหรือเปล่า”
จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่พูดเรื่องเงินจำนวนมากด้วยใบหน้าเรียบนิ่งแบบเธอ เกรงว่าในโลกนี้น่าจะมีไม่ถึง 5% ด้วยซ้ำ
นี่เป็นสิทธิพิเศษของพวกคนรวย ทว่าต่อไม่ได้รู้สึกตกใจ ตรงกันข้าม เขาหัวเราะเสียงต่ำเหมือนเจอเรื่องตลกเรื่องหนึ่ง
“มันไม่ง่ายอย่างนั้น”
“ฉันจะเพิ่มดอกเบี้ยให้ นายบอกว่าแนะนำคู่นอนกับพ่อแม่ในฐานะสะใภ้ไม่ใช่เหรอ หลังจากเราหมั้นกันแล้วฉันยินดีจะบอกพ่อแม่นายว่าเราไปกันไม่รอด ขอถอนหมั้น คืนสินสอดพร้อมดอกเบี้ย ส่วนนายก็หาวิธีทำให้เธอคนนั้นท้อง พ่อนายได้หลาน ฉันได้อิสระ วินวิน”
เสียงหัวเราะของชายหนุ่มค่อยๆ จางหายไป ดวงตาคมหรี่มองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ทว่าจู่ๆ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ขยายกว้างขึ้นจนเห็นไรฟันขาวสะอาดเรียงเป็นระเบียบ เขาโน้มตัวเหนือโต๊ะตัวเตี้ยแล้วพูดเสียงเย็น
“จะว่าไปแล้ว เธอก็เป็นแม่พันธุ์ได้นี่นา น่าเสียดายนะ ฉันต้องการคนคลอดลูก ส่วนเธอต้องการแค่คู่หมั้น ความต้องการของเราสวนทางกัน ส่วนเรื่องการให้ดาหลาอุ้มท้องลูกของฉัน...เกรงว่าผู้หญิงคนนั้นมาตรฐานยังไม่ผ่านการรับรอง เว้นเสียแต่ว่าเธอ...จะอยากเป็นแม่ของลูกฉัน ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าฉันจะให้ความร่วมมือกับโคนมอย่างเธอเลย หึ”