บทที่ 01
นรินดาพาหัวจะปวด [2]
“สวัสดีค่ะคุณตา”
ถึงห้องรับรอง นรินดาก็รีบเดินเข้าไปเอาอกเอาใจคุณตาที่นั่งคุยกับนรินทิพย์รอเธออยู่ กอดเอวแน่นๆ แล้วหอมสักฟอดก็เรียกเสียงหัวเราะจากคุณตาได้สำเร็จแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณแม่”
“บอกแม่มาทีว่าเราดื้อเหมือนใคร ยัยนริน” นรินทิพย์ถามเสียงเครียดทันทีที่เห็นคนก่อเรื่องเดินหน้าระรื่นเข้ามา
“เหมือนคุณแม่ค่ะ”
“เดี๋ยวเถอะ ลูกคนนี้นี่”
“คุณตาคะ คุณแม่จะตีนรินค่ะ” นรินดาฟ้องเสียงดังแล้วซ่อนตัวอยู่ด้านหลังคุณตาอย่างรู้งาน
“ไม่เอาน่ายัยทิพย์ นรินไม่ได้พูดผิดตรงไหนสักหน่อย”
“คุณพ่อก็คอยถือหางยัยนรินทุกที เพราะถูกคุณพ่อตามใจแบบนี้ไงคะ วันๆ ถึงได้ก่อแต่เรื่อง” นรินทิพย์บ่นด้วยความอ่อนใจ มองรอยยิ้มที่ไม่ได้รู้สึกผิดกับเรื่องที่ก่อไว้ของลูกสาวแล้วถอนหายใจทิ้งแรงๆ อีกรอบ
“เริ่มกันแล้วเหรอครับคุณตา หลานสาวคนโปรดของคุณตาโดนตีหรือยัง” เพียงคุณที่เดินเข้ามาเห็นนรินดากอดคุณตาแน่นแสร้งถามอย่างรู้สถานการณ์ว่านรินทิพย์คงตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกตามเคย
“ไม่ต้องมายิ้มเลยตาคุณ เราก็อีกคน ถือหางกันเข้าไป”
“อ้าว ผมเกี่ยวอะไรด้วยล่ะครับคุณน้า”
“ถ้าคุณแม่ไม่อยากให้นรินดื้อเหมือนคุณแม่ งั้นนรินดื้อเหมือนเฮียคุณก็ได้ค่ะ”
“พอเลยยัยนริน เราจะพาเฮียซวยไปด้วยอีกคนให้ได้เลยหรือไง” เพียงคุณรีบปราม
นรินดาหัวเราะคิกคักและยังคงกอดแขนคุณตาแน่นไม่ยอมปล่อย ทว่ารอยยิ้มซุกซนของเธอพลันหายวับไปเมื่อบังเอิญสบสายตากับข้ามภพที่เดินตามเพียงคุณและบดินทร์เข้ามา
“นั่งก่อนครับคุณลุงบดินทร์ นายไปนั่งตรงโน้นเลยไอ้ภพ”
เพียงคุณทำหน้าที่เจ้าบ้านเชิญแขกนั่ง ได้ยินแล้วนรินดาแอบทำปากคว่ำ ก่อนจะรีบฉีกยิ้มแห้งๆ เมื่อบังเอิญสบสายตากับคุณตาเข้าอีกคน
“ที่นั่งอยู่นี่ มีแต่พวกยัยนรินสินะคะ”
“คุณทิพย์รวมผมด้วยเหรอครับ” บดินทร์ถามขึ้นอย่างงงๆ
“เราตกลงกันแล้วนะคะคุณลุง”
แต่เมื่อถูกนรินดาทักท้วงเพราะไม่อยากให้เขาแปรพักตร์ เขาก็ได้แต่นั่งยิ้มมุมปากอย่างเอ็นดู นรินทิพย์มองดูแล้วเรื่องนี้เธอคงจะต้องจัดการด้วยตัวเองอย่างจริงจังสักที
“คุณแม่จะไปไหนคะ” นรินดารีบถามเพราะไม่คิดว่าแม่ของเธอจะโกรธจนเดินหนี แต่ไหนแต่ไรมาถึงแม่จะบ่นแต่ไม่เคยโกรธเธอจริงจังสักหน่อย
“ก็ไปจัดการปัญหาที่เราสร้างเอาไว้น่ะสิ”
“คุณแม่จะไปบ้านนั้นเหรอคะ”
คำถามนี้ถามเพราะรู้สึกตกใจมากกว่าคำถามแรกเสียอีก
หลังจากที่แม่ของเธอตัดสินใจย้ายออกมาจากบ้านหลังนั้น จนถึงตอนนี้ก็ยี่สิบกว่าปีแล้วที่แม่ของเธอไม่เคยกลับไปเหยียบที่นั่นอีกเลย
“ใช่”
“ไปทำไมคะ”
“บอกแล้วไงว่าไปจัดการปัญหาที่เราก่อเอาไว้ สนุกมากไหมล่ะตอนทุบรถคนอื่นเขาน่ะ”
“รถคนอื่นที่ไหนคะ นั่นรถคุณพ่อทั้งนั้น” นรินดาเถียงอย่างไม่ยอมความ นรินทิพย์ได้ยินแล้วส่ายหัวซ้ำไปซ้ำมาไม่หยุด ก่อนจะเดินหนีออกมา
“นรินไม่ให้คุณแม่ไปค่ะ” นรินดาวิ่งมาขวางทางทั้งยังกางแข้งกางขาอย่างทุ่มเทสุดตัว “คุณแม่ไม่จำเป็นต้องไปที่นั่น แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณแม่จะต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยค่ะ”
“นี่ยัยนริน”
“รถทุกคันที่นั่นเป็นของคุณพ่อ เงินของคุณพ่อก็เหมือนเงินของนริน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับคุณแม่ค่ะ”
นรินทิพย์เบิกตาโพลงเพราะไม่คิดว่าลูกสาวจะก้าวร้าวกับเธอถึงขนาดนี้
“คุณแม่สอนนรินเองนะคะว่าทุกอย่างที่เป็นของคุณพ่อก็คือของนริน เพราะฉะนั้นคุณแม่กลับไปนั่งเลยค่ะ คุณแม่จะตีนรินก็ได้แต่ นรินไม่ให้คุณแม่ไปที่นั่นเด็ดขาด ถ้าสองแม่ลูกนั่นจะเอาเรื่องก็ให้มาเอากับนรินนี่ เพราะนรินเป็นคนทุบ”
“แล้วเราจะเอาเงินไปจ่ายค่าซ่อมรถให้เขาหรือไง สองในแปดคันนั่นเป็นของหนูธิชา”
“แล้วมันเอาเงินที่ไหนมาซื้อคะถ้าไม่ใช่เงินคุณพ่อ”
“แต่หนูธิชาเขาก็เป็นลูกพ่อเราเหมือนกันนะนริน”
“แล้วยังไงคะ”
“ก็หมายความว่าหนูธิชามีสิทธิ์ในเงินของพ่อเราเหมือนกัน”
นรินทิพย์พยายามจะอธิบาย แม้จะรู้ว่าต่อให้พูดจนปากฉีก นรินดาก็ไม่มีทางยอมรับเรื่องนี้ก็ตาม
“ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณแม่ไปหย่ากับคุณพ่อเลย” นรินดาทิ้งไพ่สุดท้ายพลางหุบแข้งหุบขา ยกมือขึ้นกอดอก ยืนนิ่งรอฟังคำตอบ
“ยัยนริน!”
“เอาล่ะครับๆ ผมว่าคุณน้าใจเย็นๆ ก่อนดีกว่านะครับ นั่งครับนั่ง ยัยนริน ไปนั่งข้างคุณตาก่อนเลยเรา” เพียงคุณที่นั่งฟังอยู่นานต้องรีบลุกขึ้นมาห้ามก่อนจะดึงมือนรินทิพย์กลับไปนั่งลงที่เดิม
“ทำไมเราถึงได้เถียงคำไม่ตกฟากอย่างนี้นะนรินดา”
“เหตุผลของคุณแม่สู้นรินไม่ได้เองต่างหากค่ะ ถ้าคุณแม่บอกว่ายัยธิชามีสิทธิ์ในเงินของคุณพ่อ บ้านของคุณพ่อ ทรัพย์สมบัติทุกชิ้นของคุณพ่อเหมือนที่นรินมี คุณแม่ไปหย่าเลยค่ะ จะได้แบ่งสันปันส่วนกันให้มันจบๆ แล้วนรินสัญญาว่านรินจะไม่เหยียบเข้าไปที่บ้านหลังนั้นอีก นรินไม่ได้อยากจะมีคุณพ่อแบบนั้นเลยสักนิด”
“พอได้แล้วนริน” คุณตาปรามเสียงเข้มพร้อมกับตบฝ่ามือลงบนหลังมือของหลานสาว
“คุณแม่ดุนรินค่ะคุณตา”
นรินทิพย์จิปากอย่างจนใจ ยิ่งบังเอิญหันไปสบตากับบดินทร์ที่นั่งยิ้มอยู่ตั้งแต่แรกเธอก็ยิ่งรู้สึกจนปัญญาที่จะสั่งสอนลูกคนนี้เหลือเกิน
“ไม่ไปแล้วเหรอยัยทิพย์” คุณตาแสร้งถามสักหน่อย
“คุณพ่อคิดว่ายังไงล่ะคะ ไม่รู้เลี้ยงกันมายังไงถึงได้เถียงคำไม่ตกฟาก”
“คุณแม่ก็กำลังเถียงคุณตาอยู่นะคะ”
“พอได้แล้วยัยนริน” เพียงคุณออกปาก เพราะหากยังปล่อยให้แม่ลูกคู่นี้เถียงกันต่อ เรื่องคงไม่ไปถึงไหนแน่ ดูเหมือนเขาจะต้องรับหน้าที่ไกล่เกลี่ยอย่างทุกที ที่ไม่พูดตั้งแต่แรกเพราะไม่อยากจะก้าวก่าย อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องในครอบครัวของนรินทิพย์กับนรินดา แต่จะทำอย่างไรได้ในเมื่อ นรินดารั้นขนาดนั้น นรินทิพย์ไม่เคยจะรับมือไหว
“สรุปว่าทางนั้นเขาเรียกร้องค่าเสียหายมาเหรอครับคุณน้า”
“ไม่จ่าย”
“นรินหยุด”
ตั้งแต่มาถึง เธอถูกเพียงคุณดุไปกี่รอบแล้วนะ
นรินดาทำหน้างอ ยอมเงียบแล้วหันไปซบคุณตาที่คอยเป็นที่พึ่งให้เธอเสมอ ถึงเพียงคุณเองก็จะตามใจเธอตลอด แต่เวลาเขาดุ เธอก็ต้องรู้จักเอาตัวรอด
“เท่าไรครับคุณน้า เหตุผลคืออะไร ทำไมเขาต้องมาเรียกร้องเอาจากคุณน้าด้วย”
“ศศิบอกว่ารถคันนั้นเป็นรถที่ธิชาเก็บเงินซื้อมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ตอนนี้ธิชาเสียใจมากจริงๆ คุณวิทเขาออกปากจะซื้อให้ใหม่แต่ธิชาปฏิเสธ เธอรักรถคันนั้นมากน่ะ”
“ตอแหล” นรินดารำพึงรำพันแต่เหมือนว่าทุกคนจะได้ยิน
“ยัยนริน”
“ขอโทษค่ะ”
คนปากไวรีบยกมือไหว้ก่อนจะหลบสายตาของเพียงคุณในทันที เธอไม่ได้ขอโทษเพราะคิดว่าตัวเองพูดอะไรผิด แต่ต้องขอโทษเพราะที่นี่ไม่มีใครสอนให้เธอพูดคำหยาบ หากอยู่กับพิมพ์พัชรล่ะก็ เธอคงแปลงร่างเป็นเครื่องจักรด่าจนไฟแลบไปแล้ว
“แล้วธิชาจะเอาเงินมาจากไหนกัน เพิ่งเรียนจบ เริ่มทำงานได้ยังไม่ถึงปีไม่ใช่เหรอ”
“เรื่องนั้นสำคัญตรงไหนล่ะคะคุณพ่อ นี่ทิพย์ว่าจะไปสอบถามให้แน่ใจ ยังไงก็คงต้องรับผิดชอบสักครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งก็ให้คุณวิทเขารับผิดชอบน่ะค่ะ”
“คุณแม่ไม่ต้องจ่ายสักบาทค่ะ” นรินดายืนกรานหนักแน่น
“แล้วเราจะให้เขามาถอนหงอกแม่กับคุณตาหรือไง”
“แน่จริงก็ให้มาเลยค่ะ นรินจะต้อนรับอย่างดี”
“เอาล่ะๆ พอได้แล้วนริน ยัยทิพย์ก็เหมือนกัน”
แม้ใบหน้าของคุณตาจะดูใจดี แต่น้ำเสียงที่เคร่งขรึมก็ทำให้นรินทิพย์และนรินดาเงียบลงและฟังคำตัดสินอย่างตั้งใจ
“ฟังตานะนริน”
นรินดาตีหน้าเศร้ารอ แอบใจหายเพราะกลัวว่าครั้งนี้คุณตาจะไม่เข้าข้างเธออย่างทุกที
“ตาจะจัดการเรื่องทั้งหมดให้เอง”
“เย้ นรินรักคุณตาที่สุดเลยค่ะ”
ได้ยินคำตัดสินแล้วเธอก็ยิ้มกว้าง ยื่นหน้าไปหอมแก้มคุณตาฟอดใหญ่ ส่วนนรินทิพย์ยังคงทำได้แค่ถอนหายใจตามเคย ตอนนี้เธอคงหมดปัญญาจะสั่งสอนลูกสาวของตัวเองแล้วจริงๆ