โรงพยาบาลเอกชน...
ในละแวกนี้มีแต่โรงพยาบาลของเอกชนเป็นอีกเหตุที่ทำให้อนันตาไม่อยากมาโรงพยาบาล เพราะเป็นห่วงเกรงว่าค่ารักษาโอพีดีที่หน้าบัตรประกันชีวิตจะไม่พอจ่ายแต่เธอสอบถามค่ารักษาพยาบาลจากประชาสัมพันธ์แล้วจึงกล้าใช้บริการ
“เชิญคุณผู้หญิงนั่งรอก่อนค่ะ” เจ้าหน้าที่ต้อนรับของโรงพยาบาลในชุดสีน้ำเงินกล่าวอย่างสุภาพ และผายมือให้ไปรอ
อนันตานึกอยากล้างหน้าล้างตา จึงบอกให้ลูกๆ นั่งรอ อิ่มอุ่นเหลือบไปเห็นขนม ของว่าง ชากาแฟ ที่โรงพยาบาลจัดไว้บริการลูกค้า แม่ตัวเล็กชอบกินขนมที่สุด หูตาแพรวพราวเมื่อรู้ว่านั่นเป็นของฟรี
“พี่ไอรักอยากกินโอวัลตินไหม เดี๋ยวอิ่มอุ่นไปชงมาให้”
ไอรักมองน้องสาว แค่อิ่มอุ่นอ้าปากเขาก็รู้ “อิ่มอุ่นอยากกินเหรอ ไปหยิบแค่ซองเดียวนะ แม่สอนไว้” พวกเขาแม้ไม่ได้กินอยู่อย่างสุขสบาย แต่อนันตาจะสอนเรื่องมารยาททางสังคมให้ลูกๆ เสมอ เพราะเข้าใจคำที่ว่าลูกของเราอาจไม่ได้น่ารักสำหรับทุกคน จึงติวเข้มเรื่องมารยาท และการวางตัวในที่สาธารณะมาตลอด ถึงจะมีกินน้อย แต่เราต้องไม่โลภ ต้องรู้จักมารยาท
อิ่มอุ่นพยักหน้าหงึกๆ แล้ววิ่งปร๋อไปที่มุมของว่าง ทว่าหูตาที่มองแต่ซองโอวัลตินกับซองคุกกี้เล็กๆ ทำให้อิ่มอุ่นลืมมองทางจนวิ่งชนใครบางคน
เสียงตวาดลั่นดังขึ้น “เด็กบ้านี่วิ่งยังไง พ่อแม่ไม่สั่งสอนบ้างเหรอ” แล้วรีบหันไปดูเจ้านายที่เขาทำหน้าที่ขับรถให้ “ต้องขอโทษด้วยครับเจ้านาย ไม่รู้เด็กที่ไหนวิ่งซนในโรงพยาบาล”
อิ่มอุ่นรู้สึกจุกเหมือนวิ่งชนกำแพงสูงใหญ่ หนูน้อยกำลังจะลุกขึ้น ทว่าต้องตกใจส่ายหน้าหวือ เมื่อแขนกำยำโอบร่างเล็กไว้แล้วอุ้มจนลอยสูง ก่อนจะกวาดตามองหาบอดีการ์ด เพียงเท่านั้นเอ็ดเวิร์ดในชุดสูทก็รีบเดินเข้ามาแล้วค้อมศีรษะ รู้ว่าเจ้านายจะสั่งอะไรสักอย่าง
โคล์ยิ้มมุมปากเหี้ยมๆ ออกคำสั่งเป็นภาษาอังกฤษได้ความว่า
“ไล่ไอ้หมอนั่นออกไปซะ พรุ่งนี้ไม่ต้องให้มันสะเออะมาขับรถให้ฉันอีก ถ้าไม่ชำนาญทาง พรุ่งนี้นายตั้งจีพีเอสตอนขับรถให้ฉันเข้าใจไหมเอ็ดเวิร์ด” โคล์บอกเสียงขุ่น เขาเกลียดพวกประจบสอพลอที่สุด
“ครับเจ้านาย” เอ็ดเวิร์ดรู้สึกทำงานพลาด เขาเห็นนายประธีปชำนาญเส้นทาง แล้วเคยขับรถให้เจ้านายนั่งมาก่อน ครั้งนั้นคุณโคล์ชมว่านั่งสบาย ขับรถนิ่ม แต่เมื่อนายไม่เอา เขาก็ต้องรีบไสหัวไอ้หมอนั่นไปให้พ้นสายตานาย เอ็ดเวิร์ดชำเลืองมองนายประธีปแล้วพยักหน้า
“ได้ครับคุณโคล์ พรุ่งนี้เจ้านายจะไม่เห็นหน้าหมอนั่นอีก”
อิ่มอุ่นฟังออกทุกคำ แม้กำลังจุกอยู่ แต่ก็สงสารลุงคนนั้นสุดๆ ที่โดนไล่ออก เลยพูดออกไปคำหนึ่ง
“คุณลุงสุดหล่อเป็นคนโหดร้าย”
โคล์สะดุ้ง หนูน้อยพูดเป็นภาษาเดียวกับเขาถึงสำเนียงจะแปล่งไปบ้างเหมือนไม่ค่อยได้ใช้สื่อสารแต่ก็ฟังรู้เรื่องหน้าตาแม่หนูตัวกลมก็บอกว่าเป็นลูกครึ่ง แต่เขาไม่แน่ใจสัญชาติ แต่นี่เป็นครั้งที่สองมั้งที่มีคนว่าเขาเป็นคนโหดร้าย
โคล์วางสาวน้อยผิวขาวอมชมพูลงแล้วก้มมองหน้า เขาห่วงกลัวเธอจะเจ็บ แต่พอเห็นหน้าเต็มๆ ก็ทำให้เขานิ่งไปชั่วครู่ ถ้าญาติเขาคนหนึ่งคนใดมาไข่ทิ้งไว้สงสัยเด็กที่อุ้มอยู่สงสัยต้องเป็นหลานสาวเขาแน่ๆ เด็กคนนี้ช่าง...
“สงสารคุณลุงคนนั้น” เด็กน้อยอิ่มอุ่นพูดขึ้นอีก
โคล์หัวเราะ “แต่เขาพูดไม่ดีกับหนู หนูไม่โกรธเหรอ”
อิ่มอุ่นส่ายหน้า ถึงจะจุกแต่ยังยิ้มไหว “ไม่ค่ะ เพราะว่าแม่สอนอิ่มอุ่นมาดี แม่ตาพูดเสมอว่า ใครไม่ดีกับเราอย่าไปสนใจ เราทำตัวเราให้ดีก็พอแล้ว อิ่มอุ่นเลยไม่โกรธคุณลุงค่ะ”
โคล์ยิ้มมากที่สุดในรอบวัน หากฟังให้ดี หนูน้อยมีนัยในคำพูดที่เฉียบคม แม่หนูตาสวย บ๊องแบ๊ว ที่ยิ้มเผล่ให้เขาเธอกำลังจะบอกเขาว่า แม่เธอสอนมาดี เธอเลยไม่สนใจคำพูดของไอ้แก่นั่น ที่มันกล่าวหาว่าพ่อแม่เธอไม่สั่งสอน
‘เด็กแบบนี้สิที่โลกต้องการ’
แววตาคู่คมจ้องมองนางฟ้าตัวน้อย โคล์ไหวไหล่ไม่อยากเชื่อ “หนูพูดได้ถูก ฉันชักอยากเห็นหน้าแม่ของหนูขึ้นมาเลย เขาสอนหนูได้ดี”
โคล์ อิเมอร์สัน รู้สึกถูกชะตากับแม่หนูตาสวยคนนี้ เมื่อครู่เขาเองก็รีบเดินเพื่อจะไปให้ทันประชุม เขาเทกโอเวอร์โรงพยาบาลแห่งนี้และอีกหลายๆ แห่งเข้ามาอยู่ในเครือ วันนี้มีการประชุมใหญ่ ซึ่งสำคัญมาก เขาจึงไม่ทันมองแม่หนูน้อยที่วิ่งมาเช่นกัน
“ฉันขอโทษหนูด้วยที่เดินไม่มอง หนูเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”
อิ่มอุ่นชี้ไปที่หน้าท้อง โคล์รู้สึกแย่ เขากวาดตามองไปรอบๆ แต่ไม่เห็นผู้ปกครองของเธอ “พ่อแม่ของหนูอยู่ไหน” เขาจะต้องพาเด็กไปส่งพ่อแม่แล้วขอโทษ
“พ่อของหนูข้าวติดคอ เสียชีวิตไปแล้วค่ะ”
โคล์นิ่งอึ้ง แล้วก้มมองแม่หนูที่พูดหน้าตาเฉย “นี่เรื่องจริงเหรอ เป็นการตายที่ประหลาดมาก”