“อายตัดสินใจแล้วค่ะว่าจะไปสมัครแอร์ ถ้าได้คงดีนะคะเราจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก อายเอง... ก็คงจะตัดใจจากอาภีมได้ในสักวันหนึ่ง” รอก่อน อดทนรออีกสักนิดอีกแค่ไม่กี่เดือนก็เรียนจบแล้วปีสี่เทอมสองเหลือเก็บแค่ไม่กี่หน่วยกิจก็จะเรียนจบระดับปริญญาตรีจะได้ไปจากเขาสักที เจ็บแปลบในใจชะมัดที่ต้องพยายามตัดใจทั้งที่รักเขามากมายขนาดนี้
คุณยายบุหลันพาลูกหลานมาทำบุญ ณ วัดในหมู่บ้านสถานที่ค่อนข้างอยู่ในป่าสงบเงียบเหมาะกับคนที่ต้องการมองหาความสงบทางใจ ท่านให้อารยายืมผ้าถุงสีสันสวยงามใส่กับเสื้อน่ารักพอดีตัวเหมือนสาวชาวบ้านแต่กลับแต่งออกมาแล้วดูดีเกินคาดกลบรัศมีผู้หญิงแถวนี้ไปจนหมดแม้ใบหน้าจะไม่ค่อยแต่งแต้มเครื่องสำอาง คุณยายบุหลันเป็นผู้นำพาลูกหลานถวายสังฆทานฟังเทศน์ฟังธรรมสุดท้ายทุกคนออกไปข้างนอกเหลือเพียงคุณยายบุหลันยังคงพูดคุยกับเจ้าอาวาส อารยาเองไม่อยากตามภีมพลออกไปจึงเลือกนั่งเหม่ออยู่ข้างคุณยายบุหลัน พระท่านทัก “แม่หนูหน้าตาไม่ค่อยสู้ดีเลยนะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“หนูมีเรื่องในใจนิดหน่อยค่ะหลวงพ่อ” ยกมือไหว้ขณะตอบพระท่าน ท่านส่ายหน้าไปมาหันกลับไปมองและคุยกับคุณยายบุหลัน
“แม่หนูคนนี้เป็นหลานโยมเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะหลวงลุงแต่อิฉันก็เอ็นดูเหมือนหลานแท้ๆ”
“ถ้างั้นแม่หนูจำคำของหลวงพ่อไว้นะ ปัญหามีไว้ทดสอบความเข้มแข็งของเราไม่ได้มีไว้ให้เรายอมแพ้ วันนี้อาจจะหนักแต่ถ้ามีความเชื่อว่าวันหน้าต้องดีขึ้น ชีวิตแม่หนูจะพบเจอกับความสุข ในตอนนี้ถ้าคิดจะทำอะไรไม่ดีให้หยุดคิดซะ” หลวงพ่อท่านพูดราวกับล่วงรู้ความคิดแง่ลบ อารยาค่อนข้างตื่นตระหนกได้แต่ยกมือไหว้รับคำสอนของท่าน
“หนูผิดไปแล้วค่ะที่เผลอคิดอะไรไม่ดี” แค่... ไม่อยากมีชีวิตต่อไป ไม่อยากเหนื่อยรักภีมพล ไม่อยากมีชีวิตโดยไม่มีญาติมิตรสักคน ก็เท่านั้นเอง... หล่อนไม่เหลือใครแล้วจึงเผลอคิดว่าไม่อยากมีชีวิตต่อไป
“ดีแล้วที่คิดได้ ถ้าหนูมีปัญหาอะไรเข้ามาขอคำชี้แนะจากหลวงพ่อได้ เอานี้ไปนะ สวดมนต์ก่อนนอนทุกคืนจิตใจจะได้ผ่องใส” ท่านมอบหนังสือธรรมมะเล็กๆ ให้ อารยากราบท่านก่อนคลานเข่าไปหยิบจากพื้น
“ทำไม... หลวงพ่อถึงรู้ล่ะคะ” อารยาอยากรู้เช่นเดียวกันคุณยายบุหลันเองก็อยากรู้ว่าเรื่องราวเป็นมาเป็นไปยังไงกันแน่ท่านไม่เข้าใจ
“การชี้นำเส้นทางให้คนหลงทางเป็นสิ่งที่หลวงพ่อสุขใจทุกครั้งที่ได้ทำ หลวงพ่อขอไปก่อนนะโยมบุหลัน แม่หนู” หลวงพ่อท่านชรามากแล้วเดินทีต้องมีไม้คอยช่วยพยุง อารยานั่งนิ่งนับจากท่านออกไป คุณยายบุหลันขยับเข้ามาหาถามไถ่เกี่ยวกับเรื่องราวปริศนาเมื่อครู่
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณยาย หนูแค่เหนื่อยกับอะไรหลายสิ่งหลายอย่าง แค่อยากพักบ้างเผื่อความเหนื่อยทั้งหมดจะหายไป” เหนื่อยจริงๆ นะ บางครั้งก็อดเสียใจไม่ได้ว่าทำไมชีวิตต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ หล่อนยังไม่เต็มยี่สิบสองเลยนะทำไมต้องมาแบกรับหนี้สินของบิดาจำนวนหลายล้าน เงินจะใช้ยังไม่มีแล้วจะเอาปัญญาที่ไหนหาเงินมาใช้หนี้ พยายามมองหางานที่มีเงินเดือนหลักแสนเผื่อจะทยอยจ่ายหนี้ให้หมดเร็วขึ้นก็มองเห็นแค่แอร์โฮสเตสสำหรับฐานการศึกษาและความสามารถหล่อน
“แม่ดุจเล่าให้ยายฟังเมื่อเช้าว่าเมื่อวานหนูกับตาภีมทะเลาะกัน เป็นเพราะเรื่องนี้หรือเปล่าจ๊ะ” ท่านมีเมตตาถามไถ่อารยา
อารยายิ้มบาง “ไม่ใช่หรอกค่ะ หนูแค่กังวลเรื่องหนี้ที่ติดอาภีมน่ะค่ะ หนูเหนื่อย อยากเรียนจบเร็วๆ จะได้ทำงานหาเงินมาทยอยใช้หนี้”
“ตาภีมไม่ได้เร่งรัดไม่ได้ให้จ่ายดอกเบี้ยไม่ใช่เหรอ ทำไมหนูอายถึงคิดมากล่ะ หรือตาภีมมาพูดเร่งรัดหนูทีหลังจ๊ะบอกยายที”
“หนูแค่อยากใช้หนี้ให้หมดเร็วๆ เพื่อจะได้มีชีวิตเป็นของตัวเองสักทีค่ะคุณยาย” น้ำตาเอ่อคลอขึ้นมาในทันทีอยากสานความฝันนั้นให้กลายเป็นจริง อยากมีชีวิตเป็นของตัวเองไม่อยากผูกติดเขาอีกแล้ว
“โธ... แม่คุณทูนหัวของยาย ไม่ร้องนะลูก” คุณยายบุหลันสุดแสนสงสารอารยา อายุแค่นี้ ตัวเล็กแค่นี้ไม่น่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้เลย
“คุณยายกับน้องอายทำอะไรอยู่ครับ คุณแม่ให้มาตาม” ภาคภูมิเข้ามาในศาลาวัดเห็นอารยากำลังก้มหน้าเช็ดน้ำตาก็เกิดความสงสัยทว่าไม่มีโอกาสได้ถามเพราะอารยาเข้ามาประคองคุณยายเขาไปขึ้นรถ