ตอนที่ 7
ติ๊ดๆๆๆ
เสียงโทรศัพท์ปลุกให้หนุ่มลูกครึ่งตื่นขึ้นมา เขาลืมตาก็พบว่าหญิงสาวกำลังซุกหาไออุ่น เขาเอื้อมมือไปหยิบกระเป๋าสะพายใกล้ ๆ ของหญิงสาวแล้วล้วงเอาโทรศัพท์ออกมา เบอร์โทรเข้าโชว์ชื่อที่เธอเมมเอาไว้ว่า
‘ท่านพ่อ’
ฮันส์ ไม่ถนัดอ่านภาษาไทย และเดาว่าคงเป็นใครสักคนโทรหาหญิงสาวที่นอนข้าง ๆ เขา ฮันส์ตัดสินใจรัับสายเพราะเบอร์ที่โชว์ไม่ยอมวางสายซะที
“นี่ ยัยเค้ก เมื่อไหร่จะกลับบ้านซะที คอนโดไม่ได้ซื้อเอาให้ให้แกไม่กลับบ้านกลับช่องนะ” เสียงตวาดดังลั่นที่ดังเข้าในโทรศัพท์ทำให้ชายหนุ่มต้องเอาโทรศัพท์ออกห่างหูตัวเอง เพราะเสี่ยงที่จะแก้วหูแตกเอาได้
“เออ!...ขอโทษนะครับ พอดีว่าเค้กหลับอยู่ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” ฮันส์รีบบอกไป และเขาก็อ่านภาษาไทยไม่ค่อยออกเท่าไหร่ เพียงแค่ฟังรู้เรื่องเฉย ๆ
“ขอโทษนะครับ พอดีว่าเค้กหลับอยู่ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ” ฮันส์กรอกหูไปอีกรอบ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไป
“แกเป็นใคร” เสียงเหี้ยมถามขึ้น พลางนึกในใจว่าทำไมลูกสาวของตนเอง ไม่เป็นคนรับสาย หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับยัยเค้ก
“อืม ผมเป็นแฟนของเค้กครับ” ฮันส์ตอบอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ เมื่อเห็นว่าเสียงนั้นดูไม่เป็นมิตรสักเท่าไหร่
“อะไรนะ!!!”
ปั่ง...ปั่ง...ปั่ง
เสียงทุบประตูดังลั่นทำให้คนในห้องสะดุ้งโหยง ฮันส์จำใจยอมเดินไปเปิดประตู
“คุณมาอยู่ให้ห้องนอนลูกสาวผมได้ยังไง” เข้าห้องมาได้เมธีก็เปิดปากถามด้วยสีหน้าเครียดทันที ฮันส์ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก นี่พ่อเธอมาตามเลยเหรอ
“เออ..ผมขอโทษครับ แต่ว่าผมยังไม่ได้ล่วงเกินเธอนะครับ” ฮันส์รีบตอบ แต่หลักฐานมันก็ฟ้องชัดว่าลูกสาวเขานอนไม่ได้สติอยู่ ทำให้ผู้เป็นบิดาต้องแกล้งถามเขาอีกครั้ง
“จริงเหรอ แล้วทำไมลูกผมถึงนอนเป็นผักอยู่แบบนั้น คุณวางยาเธอใช่หรือเปล่า” เสียงเข้มถามอย่างคาดคั้น
“เออ!.. ปะ เปล่า นะครับ เปล่าครับ ผมไม่ได้วางยา แต่ผมยอมรับว่า...ผมกำลังจะปล้ำเธอ แล้วเธอก็หมดสติไป”
“อื้อหื้อ!...ไอ้สารเลวเอ้ย!” สิ้นเสียงสบถหมัดหลุ่น ๆ ก็ตรงเข้าหน้าของชายลูกครึ่งทันที
ผลั๊ว!!
อ๊ากห์.....ฮันส์หน้าหันไปเพราะโดนหมัดของชายสูงอายุที่หวงลูกสาวเต็มแรง ตอนนี้เวฑิตาเริ่มได้สติแล้ว ฮันส์จึงรีบหันไปหาเธอเพื่อจะให้หญิงสาวยืนยันว่าเขาไม่ได้ล่วงเกินเธอ เวฑิตาตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย
“เค้ก!..คุณช่วยผมด้วยเค้ก คุณพ่อคุณจะเอาเรื่องผม ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลย คุณช่วยอธิบายกับพ่อคุณหน่อยสิ” เธอก้มลงสำรวจตัวเอง พร้อมกับทำหน้าตกใจ
“ว๊ายย!!.. นี่คุณทำอะไรฉานนนน!!!”
“ปะ เปล่านะเค้ก ผมเปล่านะ ผมยังไม่ได้ทำอะไรคุณเลย บราของคุณมันไม่มีตั้งแต่แรกแล้ว”
“ถ้าคุณไม่ได้ทำอะไรฉัน แล้วชุดชั้นในฉันหายไปไหน คุณถอดบราชั้นออกไปไว้ที่ไหนแล้ว ฮื่อ ๆ ๆ อื้อ ๆ ๆ" เวฑิตาเอาแต่ก้มหน้าร้องไห้ จนเมธีต้องพูดออกมาด้วยความเดือดดาล
"ถ้าคุณไม่รับผิดชอบละก็ งั้นเราก็ไปคุยกันที่โรงพัก”
“เฮ้ย!..ใจ เย็น ๆ สิก่อนครับ ผมยอมรับว่าผมกำลังจะทำ แต่เค้กหมดสติไปก่อน แล้วคุณพ่อก็มาพอดี” ฮันส์รีบอธิบาย
“ฉันไม่เชื่อ” เวฑิตาสะอื้นร่ำไห้และพูดด้วยเสียงสั่นเครือ เมธีกระตุกยิ้มที่มุมปาก ยอมรับว่าลูกสาวของเขาแสดงได้สมบทบาทเหลือเกิน
“ฉันก็ไม่เชื่อเหมือนกัน” เมธีช่วยพูดอีกแรง
“เค้ก..คุณลองสำรวจร่างกายดูสิ ผมยังไม่ได้ทำอะไรเลยคุณเลย จริง ๆ นะครับ”
“อย่าเชื่อมันลูก” เมธีรีบบอกลูกสาว
“โอ๊ย!!.. อะไรกันเนี่ยย!” ฮันส์ต้องกุมขมับอีกรอบ เมธีจึงรีบสรุปข้อตกลงตามแผนที่วางเอาไว้
“สรุปจะยอมรับอย่างลูกผู้ชายหรือจะให้ฉันแจ้งความ ลูกสาวฉันอยู่แค่ ม.5 อายุยังไม่ถึง 18 รับรองแกได้ไปนอนในคุกแน่ ๆ ” เมธีรวบรัดตัดความเพราะสายตาลูกสาวเร่งเร้า
“ก็ได้ ๆ ครับ ผมยอมแล้วครับ..จะให้ผมรับผิดชอบยังไงก็บอกมา”
“ดี!..ถ้างั้นพรุ่งนี้คุณไปเจอผมที่โรงแรม อะ..นี่นามบัตรผม”
“ไปเค้ก..เรากลับกันเถอะลูก” ยื่นนามบัตรให้ชายหนุ่มลูกครึ่งเสร็จ เมธีก็ไปคว้าตัวลูกสาวให้ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปพร้อมกัน แต่ก่อนจะไป เขาก็ยังหันมาย้ำกับฮันส์อีกครั้ง
“อย่าลืมนะ ถ้าไม่ไปละก็ ผมเอาเรื่องคุณแน่”
“นี่นามบัตรผมครับ รับรองพรุ่งนี้ไม่เกินแปดโมงเช้าผมจะไปรอคุณที่ล็อบบี้” ฮันส์ที่ได้สติก็รีบตามเขาออกมาจากห้องพร้อมกับยื่นนามบัตรให้เมธีเช่นเดียวกัน
“ดี” เมธีหันหลังมายิ้ม เขาชำเลืองดูนามบัตร ที่ในนั้นเขียนว่าชื่อว่า มิสเตอร์ฮันส์ ผู้บริหารสินทรัพย์ดิจิทัล ก่อนหน้านี้มีคนแนะนำเมธีเอาไว้ว่ามิสเตอร์อันส์ได้กว้านซื้อที่ดินและโรงแรมที่กำลังจะเจ๊ง และเมธีเองก็รู้ทันจึงชิงลงมือเสียก่อน โดยให้เวฑิตาแกล้งไปเป็นแคดดี้ของเขา เมธีเริ่มมั่นใจขึ้นมาอีกเปลาะหนึ่งว่างานนี้จะต้องสำเร็จและเป็นไปตามที่เขาวาดเอาไว้ และเขาจะไม่ยอมขายหุ้นให้นายทุนหน้าเลือดอย่างมิสเตอร์ฮันส์เด็ดขาด