ข่าวซุบซิบในแวดวงของคนมีชื่อเสียง เริ่มมีข่าวว่าที่สะใภ้ของนาราถึงแม้จะหย่าขาดจากสามีแล้ว แต่เทียนเทพยังเป็นลูกชายของนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงทำให้มีข่าวแว่วๆ ออกมาว่าจะมีการทาบทาม โดยผู้หญิงผู้โชคดีคนนั้นก็คือ นางแบบสาวที่ชื่อ กอหวาย
“ป้าธูปขา แม่บอกว่า พี่กอหวายคนสวยจะแต่งงาน” หมูหวานบอกธูปหอมที่อุ้มขึ้นมานั่งที่ตัก
“หรือคะ ป้ายังไม่รู้เลย” ธูปหอมยิ้มแล้วหอมแก้มของหมูหวาน
“คิดถึงพี่หวาย” หมูหวานยิ้มน้อยๆ ธูปหอมยิ้มตาม เพราะตัวเองคิดถึงกอหวายเช่นกัน
“แม้แต่เด็กยังรู้ข่าวเลย” ธูปหอมคิดอยู่ในใจมองดูดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาอยู่ในแจกัน ดอกเข็มขาวที่เคยงดงาม ยามนี้เหี่ยวเฉาจน
แห้ง โดยธูปหอมปล่อยเอาไว้อย่างนั้น หากเจ้าหน้าที่มีดอกไม้มาให้จะนำแจกันอันใหม่มาใส่แทน รอยยิ้มกอหวายยามเมื่อได้นึกถึงทำ
ให้ธูปหอมยิ้มสวยๆ เช่นกัน ธามถือหนังสือพิมพ์เดินเข้ามาหาและวางลงตรงหน้าธูปหอม
“เห็นข่าวหรือยัง” ธามถาม หมูหวานพนมมือไหว้ธาม
“คนสวยมาอ้อนอะไรป้าธูปคะ” ธามพูดคุยกับหมูหวาน
“ไม่ได้อ้อนเลยค่ะ ลุงธาม” หมูหวานหัวเราะคิกคัก เมื่อหันไปมองสบตากับธูปหอมที่ยิ้มให้อยู่
“แต่ลุงธามมีลูกอมกับช็อคโกแลตที่ห้องอาหารเยอะแยะเลยนะคะ ใครอยากทานบ้างน้า” ธามแสร้งถาม หมูหวานรีบยกมือขึ้น
ทันที
“ขอลงไปข้างล่างนะคะ ป้าธูป” หมูหวานยิ้มอายๆ
“เดินดีๆ นะคะ ไปเรียกเพื่อนด้วยล่ะ”
“ตกลงแค่ข่าว หรือแต่งกันจริง” ธามถามธูปหอม
“อ่านหนังสือพิมพ์ด้วยหรือ” ธูปหอมถามยิ้มๆ หยิบหนังสือพิมพ์มาเปิดดูหน้าที่มีข่าวซุบซิบแวดวงคนมีชื่อเสียง ซึ่งทำให้เห็น
ภาพถ่ายของกอหวายกับเทียนเทพและข้อความสั้นๆ
“อย่ามาเฉไฉ ตกลงยังไงกัน หมอนาอยากได้ลูกสะใภ้ด่วนเลยจะได้ตัดคู่แข่งหรืออย่างไร” ธามถามย้ำ
“ถามเราไม่ได้ ต้องถามคนต้นเรื่องเองสิ” ธูปหอมทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้
“นั่นสินะ ต้องไปถามเจ้าตัว แต่เด็กสมัยนี้คบกันไม่เท่าไหร่เองจะแต่งงาน จะอยู่กันได้นานสักเท่าไร” ธามรำพึงออกมา แต่ดัง
พอที่ธูปหอมได้ยินแต่ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกมา
“สองคนนั้น ไม่เด็กแล้วนะ”
จอมทัพทนไม่ไหวเห็นท่าจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาดกับภรรยาที่ดูวุ่นวายกับลูกสาวมากจนเกินไป เพราะหากกอหวายรู้เข้าจะหมดศรัทธาเอา
“คุยกันหน่อยได้ไหม” จอมทัพพูดขึ้น ขณะเกื้อกูลเดินไปรินน้ำใส่แก้วและกำลังดื่มอยู่
“เรื่องลูกฉันไม่อยากคุยกับคุณค่ะ” เกื้อกูลคิดว่า จอมทัพคงเดาได้ว่าการที่ตัวเองออกจากบ้านไปตอนเช้าเพราะตามดูกอหวาย
“ผมเป็นห่วง กลัวว่าวันหนึ่ง หวายจะเลิกเคารพแม่ ความไว้เนื้อเชื่อใจที่เคยมีในตัวลูกมาตั้งแต่เริ่มโตเป็นสาวหายไปไหนหมด
หวายมันเคยทำอะไรนอกลู่นอกทางจนคุณไม่สบายใจสักครั้งไหม แล้วคุณจะอยู่กับลูกได้อีกนานสักเท่าไร ปล่อยให้เขาได้เรียนรู้ชีวิต
ด้วยตัวเขาเองดีกว่า ยิ่งคุณคอยปูพรมให้ลูกเดิน เขาจะยิ่งอยากออกไปเดินนอกเส้นทาง” จอมทัพค่อยๆ อธิบาย แต่ดูเหมือนเกื้อกูลไม่
ได้สนใจอะไรเหมือนหลายครั้งที่เคยพูดคุยกันเรื่องนี้
“แล้วไอ้ที่ฉันเลือกคุณ ฉันเลือกไม่ผิดไม่ใช่หรือคะ เรามีความสุขกันดี จนกระทั่ง” เกื้อกูลคิดว่าไม่พูดชื่อของธูปหอมดีกว่า เพราะไม่อย่างนั้นคงต้องทะเลาะกับจอมทัพอีก
“แต่ผมไม่มีความสุขเลย คุณไม่เห็นหรือว่า รอยยิ้มความสดใสของลูกหายไป หรือคิดถึงแต่ความสุขของตัวเอง” จอมทัพถาม
“ก่อนจะพบเจอความสุข ก็ต้องเผชิญความทุกข์กันบ้างค่ะ กว่าเราจะได้แต่งงานกัน แม่ฉันก็จัดการชีวิตของเราสองคนจนได้ดิบ
ได้ดีมีความสุขมาถึงทุกวันนี้ไม่ใช่หรือคะ” เกื้อกูลเอ่ยถึงมารดาของตัวเองที่คอยจัดการชีวิตของลูกสาวจนกระทั่งมีความสุข
“ถ้าวันไหนลูกร้องไห้เข้ามาหา ผมคงใช้ชีวิตอยู่กับคุณต่อไปไม่ได้” เกื้อกูลตกใจ เมื่อได้ยินคำพูดของจอมทัพที่ทั้งชีวิตไม่เคยขัดใจอะไรเกื้อกูลเลยสักครั้ง
“ได้ค่ะ ถ้าคุณเห็นว่า คนอื่นดีกว่าครอบครัว” เกื้อกูลพูดด้วยความโมโห จอมทัพส่ายหน้าและรีบเดินหนีออกไปที่หน้าบ้าน
การที่บิดามารดามึนตึงกันทำให้กอหวายไม่สบายใจนักและยิ่งมาได้ยินเรื่องที่ท่านทั้งสองพูดคล้ายดังว่า อาจจะถึงขั้นเลิกรากัน
จากปัญหาที่เกิดขึ้น โดยมีลูกสาวเป็นสาเหตุสำคัญ กอหวายลืมของอาไว้ขับรถกลับมาเอาเลยได้ยินการพูดคุยกันเข้าพอดี แต่รีบเดิน
ออกไปก่อนที่บิดาจะออกมาหน้าบ้าน กอหวายนั่งอยู่ในรถยนต์ปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมา ความรู้ผิดที่ตัวเองเป็นสาเหตุทำให้ครอบ
ครัวไม่มีความสุขทำให้รู้สึกเจ็บปวดจนแทบจะหายใจไม่ออก
“พี่พลูคะ ขอเลื่อนถ่ายงานตัวอย่างไปอีกสัก 2 – 3 วันได้ไหมคะ”
“เป็นอะไร เสียงเหมือนกำลังร้องไห้อยู่เลย” ใบพลูถาม
“มีปัญหานิดหน่อยค่ะ หวายทำให้พี่พลูเสียเวลาหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไร เราแค่ถ่ายตัวอย่าง ถ่ายที่บ้านพี่ด้วย ไม่มีปัญหาเอาไว้นัดกันใหม่ได้ ถ้ามีอะไรโทรฯ หาพี่ไม่อย่างนั้นก็พี่ขวัญนะ” ใบพลูรู้สึกเป็นห่วงเพราะกอหวายไม่เคยขอเลื่อนงานท่าทางคงมีเรื่องหนักหนาอยู่
“พี่พลูหาวันใหม่แล้วแจ้งหวายอีกทีนะคะ ขอโทษด้วยค่ะที่ทำให้เสียเวลา” กอหวายค่อยๆ เช็ดน้ำตาที่กำลังไหลรินออกมา
อย่างไม่ขาดสาย เมื่อชะเง้อมองเข้าไปด้านในเห็นจอมทัพเดินไปเดินมา กอหวายถอนใจก่อนจะขับรถออกมาอย่างไร้จุดหมายปลาย
ทาง
ใบพลูวางสายจากกอหวายแล้วรีบโทรศัพท์ไปหาธูปหอม แต่ไม่มีคนรับสาย
“ไปไหนนะ พี่ธูป” ใบพลูรำพึงออกมาเบาๆ และกดโทรฯ อีกครั้ง แต่ไม่มีคนรับสายเช่นเคยเลยคิดว่า ควรรอให้ธูปหอมโทรศัพท์
กลับมา
กอหวายจอดรถอยู่หน้าบ้านของธูปหอมที่เคยให้กุญแจเอาไว้ด้วย ความที่อยากอยู่เงียบๆ เมื่อมองเข้าไปภายในไม่มีรถจอดอยู่
จึงเปิดประตูรั้วด้านหน้าเพื่อขับรถเข้าไปจอดด้านใน คำว่าบ้านทำให้กอหวายขับรถมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงบ้านหลังใหม่ของธูปหอมที่เคยให้กุญแจเอาไว้
กอหวายลงจากรถมาหยุดยืนมองดูตัวบ้าน เสียงนกร้องให้ได้ยินทำให้กอหวายรู้สึกโล่งใจ หลังจากตัดสินใจมาที่บ้านหลังนี้ ถึง
แม้เจ้าของบ้านจะไม่อยู่ก็ตาม แต่กอหวายยังไม่อยากเจอธูปหอมในยามนี้ เพราะกลัวจะไปสร้างความไม่สบายใจให้ หากธูปหอมรู้
เรื่องของจอมทัพกับเกื้อกูล
บ้านหลังนี้มีความอบอุ่นอบอวลในความรู้สึกตั้งแต่มาเห็นครั้งแรกคงเป็นเพราะมีความรักของชายหนุ่มหญิงสาว ซึ่งก็คือ ตาบุญ
กับภรรยาที่ช่วยทำให้กอหวายคลายความเศร้าได้มาก รอบๆ บ้านมีต้นไม้ปลูกเอาไว้ค่อนข้างมาก โดยสังเกตเห็นว่าบางต้นเติบโตอยู่
ที่นี่มานานแสนนานและบางต้นเพิ่งถูกนำมาปลูก สวนไม่ได้เป็นสวนที่ถูกจัดและออกแบบอย่างสวยงาม แต่สวนของธูปหอมเป็นสวน
ธรรมชาติ กอหวายเห็นต้นมะยมที่ออกลูกจำนวนมาก ร่วงหล่นอยู่บนพื้นมากมาย จึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ เด็ดออกมาหนึ่งผลและลองชิมดู ความเปรี้ยวทำให้หน้าเหยเกไป แต่อีกสักครู่กลับรู้สึกว่าเริ่มมีความหวานแทรกเข้ามา กอหวายยิ้มๆ และเริ่มเคี้ยวอย่างรู้สึกเอร็ดอร่อย
“ไม่เปรี้ยว หรือไง” เสียงแว่วๆ ที่ได้ยินทำให้กอหวายถอนใจ เพราะคิดว่า น่าจะหูแว่วหรือคิดไปเองเมื่อได้ยินเสียงธูปหอม จึงไม่ได้หันไปตามเสียงนั้น แต่เอื้อมไปเด็ดผลมะยมอีกหนึ่งผล
“มีเรื่องไม่สบายใจ หรือเปล่า” เสียงของธูปหอมดังชัดและอยู่ใกล้ทำให้กอหวายรีบหันไปทันที
“ทำไมตาแดงขนาดนั้นล่ะ” ธูปหอมเดินเข้าไปดูใกล้ๆ กอหวายรีบโผเข้ากอดทันที ด้วยความที่อยากไปหาใจแทบขาด แต่ไม่
อยากทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
“น้าอยู่ตรงนี้แล้ว หวายจะกอดนานเท่าไหร่ก็ได้ จะร้องไห้ก็ได้”
“หวายจะไม่ไหวแล้วค่ะ” กอหวายพูดพึมพำ ธูปหอมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีก โดยไม่ได้พูดอะไรใช้สัมผัสจากอ้อมกอด
ปลอบโยนคนที่เริ่มสะอึกสะอื้นและมีน้ำตาไหลรินออกมาอีกครั้ง
“ดีขึ้นหรือยัง” ธูปหอมช่วยเช็ดน้ำตาให้กอหวายที่ก้มหน้าเล็กน้อยเพราะไม่กล้าสบตาด้วย
“ดีใจที่ตัดสินใจให้กุญแจไป หวายจะได้มีอีกทีนอกจากคอนโด”
“ขับรถมาเรื่อยๆ จู่ๆ ถึงหน้าบ้านของเราเฉยเลย เราบังเอิญเจอกันอีกแล้ว ใช่ไหมคะ” กอหวายยิ้มทั้งน้ำตา
“น้าแวะมาเยี่ยมต้นไม้” ธูปหอมยิ้มและยังคงช่วยเช็ดน้ำตาให้คนที่กำลังเริ่มมีรอยยิ้มให้เห็นมากขึ้น กอหวายแปลกใจที่ธูปหอม
ไม่ได้ถามอะไรเพราะหากถามขึ้นมา กอหวายไม่รู้จะเริ่มเล่าอย่างไรเหมือนกัน
“น่าอิจฉาต้นไม้จังค่ะ” กอหวายพูดขึ้น
“เป็นคนขี้อิจฉานะ เราน่ะ แล้วยังไงมาแอบขโมยมะยมกิน” ธูปหอม
ชวนพูดคุยด้วยอยากสร้างความสบายใจให้
“ขโมยที่ไหน บ้านหวายเหมือนกัน ไม่ใช่หรือคะ”
“ต้องเลือกที่สีออกเหลืองขุ่นๆ หน่อย ไม่เปรี้ยวมาก” ธูปหอมเด็ดผลมะยมมาให้กอหวาย
“ไปหัดสร้างความสบายใจให้คนอื่นมาจากที่ไหน เจอทีไรมีความ สุขได้ทุกทีเลย” กอหวายพูดขึ้น
“หวายไม่ใช่คนอื่นสำหรับน้า อะไรที่ทำให้หวายมีความสุข มีรอย ยิ้มสดใส น้าอยากทำให้ ถ้าน้าทำให้ได้” ธูปหอมบอก กอ
หวายจับมือของธูปหอมมาวางทาบทับที่ศีรษะของตัวเองพร้อมด้วยรอยยิ้ม
“จับมือไปวางที่หัวเองก็ได้เนอะ คนเรา” ธูปหอมขยับเข้าหาแล้วจุมพิตไปที่ศีรษะหวังว่าความเศร้าหรือความทุกข์ที่กอหวายมี
อยู่จะเบาบางลงไปบ้างสักนิดก็ยังดี
“เหมือนได้เติมพลังชีวิต เวลาเศร้าเหมือนน้าธูปสัมผัสได้ไม่อย่าง นั้นคงต้องร้องไห้อยู่คนเดียว” กอหวายจ้องมองแววตาอัน
แสนอบอุ่น
“ถ้าไม่ไหวจริงๆ ย้ายมาอยู่ที่บ้านของเราก็ได้ ตลอดไปหรือชั่วคราวแล้วแต่หวายเลย ถึงไม่มีน้าบ้านนี้ก็ยังเป็นบ้านหวายอยู่ คน
เราเวลาเจอความทุกข์มากๆ เข้าจะรู้สึกว่าตัวเองไม่มีใคร ไม่มีที่ไป แต่หวายมีน้าอยู่นะ”
กอหวายยิ้มๆ มองดูเรียวปากอันบอบบางของธูปหอมที่ตัวเองมัก จะต้องหักห้ามใจ เพราะไม่รู้ว่า สุดท้ายแล้วชีวิตจะเป็นอย่าง
ไรรู้ทั้งรู้ว่ายิ่งอยู่ใกล้มากเท่าไร ถึงเวลาต้องออกห่างจะทรมานมากมาย แต่เมื่อได้พบเจอกันก็ยิ่งทำให้อยากอยู่ใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น ซึ่ง
เป็นสาเหตุหนึ่งที่กอหวายไม่ไปหาธูปหอมที่ห้องสมุด จุมพิตอ่อนหวานเคล้าคลอหยอกเย้ากันและกันทั้งอ่อนหวานและอบอุ่น จนทำให้กอหวายคลายเศร้ากับเรื่องที่พบเจอมา
“คืนนี้ขอนอนที่นี่ได้ไหมคะ” กอหวายถามแล้วจุมพิตเล็กๆ อีกครั้ง
“นอนคนเดียวได้ไหมล่ะ” ธูปหอมถามยิ้มๆ
“ก็ได้มั้ง” กอหวายพูดเสียงอ่อยๆ
“ใครจะกล้าปล่อยให้อยู่คนเดียวล่ะ เลิกทำหน้างอได้แล้ว”
ธูปหอมจับมือกอหวายพาเดินดูรอบบ้าน ซึ่งมีลมโชยอ่อนๆ ใบไม้อ่อนไหวไปตามแรงลม กอหวายมองมือของตัวเองที่ธูปหอม
จับเอาไว้และชวนพูดคุยเรื่องต้นไม้ใบหญ้าที่นำพาความสดชื่นผ่านเข้าไปในความรู้สึกได้เลยทีเดียว
“มะม่วงแรด หัวเหลืองเชียว ชอบมะม่วงอมเปรี้ยวอมหวานไหม”
“จะทำน้ำปลาหวานให้ทานหรือคะ” กอหวายถาม
“น้าทำอาหารไม่เป็น แต่เดินไปซื้อให้ได้ เราแบ่งงานกันทำดีกว่าเก็บมะม่วงสัก 2 – 3 ลูก มะยมสักคนละกำมือ หวายเข้าบ้านไป
ล้างผลไม้ น้าจะเดินไปซื้อน้ำปลาหวาน ตกลงไหม” ธูปหอมยิ้มๆ ให้กอหวาย
“จะอยู่ยังไงเนี่ย ทำกับข้าวไม่เป็นทั้งคู่” กอหวายหัวเราะเล็กๆ นั่นทำให้ธูปหอมจ้องมองอย่างไม่วางตา
“เจอทุกข์ต้องยิ้มสู้ให้ได้แบบนี้ รู้ไหมคนสวย” ธูปหอมเดินไปเด็ดมะม่วงมา 3 ผลและพากอหวายเดินกลับไปช่วยกันเด็ดมะยม