หลังทิ้งคำพูดที่เหมือนคำสาปเอาไว้ในใจฉัน ฮานก็ออกไป ไม่เปิดช่องว่างให้ฉันได้เถียงกลับสักคำ ฉันเฝ้ามองตาหนูที่หลับอุตุอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกหวาดกลัวอยู่ลึกๆ
ประตูห้องที่ถูกเปิดเข้ามา ทำให้ความหม่นหมองที่ครอบงำหัวใจถูกปาดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ฉันหันไปมองพี่ลีไทน์ที่ซื้อของมาเต็มมือ ลุกขึ้นไปช่วยเขาถือ
“ซื้ออะไรมาเยอะแยะ”
“ของกิน เอาไว้ตอนดึกๆ เผื่อขี้เกียจลงไป”
“เท่าไหร่คะ” ฉันมองของที่วางกองรวมกันอยู่บนโต๊ะ แต่พี่ลีไทน์กลับบอกปัดมาอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้อง”
“ไม่ได้ค่ะ บอกมาเถอะ”
“ก็บอกว่าไม่ต้องไง พี่ไม่ได้ลำบากอะไร เพนนีไม่ต้องคิดมากนะ อะไรช่วยได้พี่ก็อยากช่วย”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นและรอยยิ้มที่อบอุ่น ฉันสูดหายใจลึก พยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้
“ขอบคุณค่ะ ทั้งพานีมาส่ง ทั้งไปซื้อของให้ พี่ใจดีแบบนี้เดี๋ยวนีก็ได้ใจหรอก”
พี่ลีไทน์หัวเราะเบาๆ กลับมา พยักพเยิดหน้าบอกให้ฉันรีบกินชาเขียวปั่นที่เขาซื้อให้ ฉันหยิบแก้วชาเขียวขึ้นดูดอย่างไม่เล่นตัว ความหวานนุ่มลิ้นเย็นชุ่มไปทั้งปาก เฮ้อ ค่อยยังชั่วหน่อย พอได้ดื่มอะไรหวานๆ เย็นๆ สมองก็พลอยปลอดโปร่งไปด้วย ฉันลืมเรื่องเกี่ยวกับฮานไปชั่วขณะ คุยเล่นกับพี่ลีไทน์จนถึงค่ำ เขาก็ขอตัวกลับเพราะมีนัดติวหนังสือตอนสามทุ่มครึ่ง ต้องกลับไปเตรียมตัวด้วย ฉันไม่ได้รั้งให้เขาอยู่ต่อ ตรงข้ามกลับกลัวทำเขาเสียการเสียงานมากกว่า
“นีส่งแค่ประตูนะ เผื่อตาหนูตื่น”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องเป็นห่วงพี่หรอก นีอยู่กับลูกเถอะ พี่ไปแล้ว”
“ขับรถดีๆ นะคะ”
“จ้า”
พี่ลีไทน์ยิ้มเป็นการส่งท้ายก่อนเปิดประตูออกไป ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบได้ไม่นาน เสียงร้องไห้ที่ทำเอาฉันสะดุ้งก็ดังขึ้น
“ตาหนู…”
ฉันรีบมาที่เตียงลูก ก่อนจะเห็นว่าลูกถ่ายอีกแล้ว รีบเปลี่ยนผ้าอ้อมทำความสะอาดอย่างชุลมุน โชคดีที่พยาบาลเข้ามาช่วยทันทีที่กดออดเรียก ทำให้สถานการณ์สงบลงอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวอีกสักหน่อยคุณหมอก็จะเข้ามาตรวจแล้ว คุณแม่… ไม่ต้องกังวลค่ะ”
พยาบาลมองชุดนักศึกษาบนตัวฉันเหมือนกระดากใจแต่ก็ชั่วแวบเดียวเท่านั้น สีหน้าพยาบาลก็ระบายไปด้วยความโอบอ้อมอารีแบบที่มีให้คนไข้ทั่วๆ ไป
“ขอบคุณนะคะ”
“ถ้ามีอะไรกดออดเรียกได้ตลอดเวลาเลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ”
“ค่ะ”
ฉันมองส่งพยาบาลจนลับสายตา มือลูบศรีษะตาหนูไปด้วย
“แมะ…”
“ครับ? หนูจะเอาอะไรเหรอ” ลูกยกมือข้างที่ไม่มีสายน้ำเกลือขึ้นมาเหมือนจะขออะไรสักอย่าง ฉันเลิกคิ้วขึ้นอย่างรอฟัง ดวงตากลมแป๋วของตาหนูสะท้อนแววอ่อนเพลียแต่ก็ยังเต็มไปด้วยชีวิตชีวา
“หม่าม… ยด…”
“หืม… หม่ำๆ เหรอครับ”
“หม่าหม่าม…”
แววตาตาหนูเป็นประกาย มือโยกไหวไปมา ไขว่คว้าจะเอาให้ได้ตอนนั้น
โชคดีที่โรงพยาบาลมีนมผงสูตรสำหรับเด็กท้องเสียเตรียมไว้ให้ พร้อมอุปกรณ์ครบชุด จึงไม่ต้องวุ่นวายหาซื้อเอง ต้องขอบคุณยายนวลภาที่เลือกมาโรงพยาบาลนี้ แม้ว่าราคาค่ารักษาที่นี่จะแพงหูฉีกก็เถอะ แต่แค่ตาหนูปลอดภัยเท่าไหร่ฉันก็ไม่เกี่ยง… แต่แม่อาจจะบ่น
“แมะ หม่าม…”
“มาแล้วๆ ” ฉันรีบกลับมาที่เตียงทันทีที่ชงนมเสร็จ ตาหนูยื่นมือรับแล้วเอาเข้าปากดูดอึกๆ ทันที คงหิวมากเลยสิท่า ตั้งแต่ท้องร่วงก็ยังไม่ได้กินอะไรเลยจนตอนนี้ นี่คงเป็นนมขวดแรกที่ดื่มได้ เฮ้อ…
“ย…ยด”
“หือ?”
“อาว ยด…” ดูดนมไปได้เกือบครึ่งขวดก็ชี้มือชี้ไม้ขึ้นพร้อมกับเสียงเรียกร้องจะเอาบางอย่าง ฉันขมวดคิ้ว ลองทายใจลูกเล่น “รถ?”
“ยดๆ ”
รถสินะ… แล้วแม่จะไปหารถมาจากไหนให้หนูลูก ฉันมองแววตากลมแป๋วของตาหนูอย่างละเหี่ยใจ เอานิ้วเกลี่ยแก้มย้วยเบาๆ
“เดี๋ยวบอกยายเอารถที่บ้านมาให้นะ แต่ต้องรอหน่อยนะ”
“ยอ… ยด… แมะๆ ”
“อื้อ อยากเล่นก็ต้องรอ เข้าใจนะ”
“ยอ…”
ประมาณสองทุ่มแม่กับคะนิ้งก็มาถึง แต่ไม่ได้มาด้วยกัน ต่างคนต่างมา แค่ถึงในเวลาไล่เลี่ยกัน
“หมอว่าไงบ้าง” แม่ถามระหว่างมองคะนิ้งนั่งเล่นกับหลานอยู่บนเตียง ฉันกำลังเปิดกระเป๋าเสื้อผ้าที่แม่เอามาให้ เงยหน้าขึ้นแล้วถอนหายใจ
“อย่างที่นีบอกในไลน์นั่นแหละ หมอให้อยู่ดูอาการอีกสองสามวัน เมื่อกี้ก็เพิ่งถ่ายไป ไม่รู้ว่าหยิบจับอะไรเข้าปากตอนที่เราไม่เห็นหรือเปล่า”
ฉันนึกถึงตอนตาหนูตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงร้องไห้แล้วเจ็บแปลบในอก สงสารไม่หาย ใจจริงอยากให้หมอตรวจอีกสักรอบด้วยซ้ำ แต่หมอไม่ฟัง เอาแต่บอกว่าอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง เฮ้อ!
“อืม แปลว่าเชื้อยังไม่หมด หมดแล้วก็คงดีขึ้น อยู่โรงพยาบาลใกล้มือหมอ ก็คงไม่เป็นไรแล้วล่ะ นีแน่ใจนะว่าจะไม่ให้แม่มาเฝ้าตาหนู พรุ่งนี้แม่ลางานได้นะลูกจะได้ไปเรียน”
“แม่ลาเยอะแล้ว เรื่องเรียนเดี๋ยวนีไปตามกับเพื่อนเอาทีหลังได้ ยังไม่ใช่ช่วงสอบไม่มีปัญหาหรอก”
“อืมๆ เอางั้นก็ได้ ...นี่กับข้าวแม่ห่อมาด้วย ไว้กินตอนหิว ส่วนพรุ่งนี้เช้าแม่จะทำมาให้ใหม่ถือโอกาสแวะมาดูตาหนูด้วย”
“อืม เอ้อ แม่อบขนมวันไหน อย่าลืมทำเผื่อบ้านยายนวลด้วยนะ นีจะเอาไปขอบคุณเขาน่ะ”
“ได้สิ ยังไงเราก็ต้องขอบคุณเขาอยู่แล้ว”
แม่อยู่เล่นกับหลานไม่นาน เป็นห่วงลุงอยู่บ้านคนเดียว ไหนพรุ่งนี้จะต้องตื่นเช้าอีกก็เลยต้องรีบกลับ อีกอย่างตาหนูก็ดีขึ้นแล้วจึงไม่มีอะไรให้น่าเป็นห่วงมาก ที่มาก็แค่แวะมาดูเพื่อความสบายใจและให้หายคิดถึงเท่านั้น
พลั่ก!
เสียงของเล่นถูกปาลงบนพื้นหลังยายกลับไปได้ไม่นาน ฉันหันไปมองที่เตียงทันที ก่อนจะเห็นตาหนูทำหน้ามุ่ย ปากเบะ ดวงตากลมๆ เหมือนมีน้ำใสๆ คลออยู่
“ภาม... ทิ้งทำไมล่ะลูก” คะนิ้งเป็นคนตามไปเก็บหุ่นยนต์แปลงร่างที่ใช้ระบบแบตเตอร์รี่สามารถขยับแขนขาและส่งเสียงได้ แต่พอถูกโยนลงแบบนั้น แขนข้างหนึ่งก็หักเปราะกระเด็นหายเข้าไปใต้เตียง ยัยนั่นก็คลานเข้าไปเก็บออกมา ก่อนจะลุกขึ้นมามองหลานชายด้วยสายตาเหนื่อยอ่อน
“เห็นไหมหักเลย ซ่อมยังไงล่ะทีนี้”
“ยด! ” ตาหนูปัดมือข้างที่ถือหุ่นยนต์ของคะนิ้งออกห่างอย่างไม่ไยดี อาการเหมือนเก็บความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจมานานแล้วเพิ่งจะแสดงออก
ฉันมองหุ่นยนต์ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่นั่นแล้วทอดถอนใจ คงโกรธที่อยากเล่นรถแล้วไม่ได้เล่น แม่ฉันก็ดันหยิบของเล่นมาผิดถุง ข้างในไม่มีรถเลยสักคัน มีแต่บล็อกกับหุ่นยนต์ ตอนยายอยู่ก็เห็นนิ่งๆ นึกว่าลืมไปแล้วซะอีก ที่ไหนได้กลั้นไว้นี่เอง
“ยด?” คะนิ้งเอียงคอ ทวนคำที่ลูกฉันเพิ่งจะตะเบ็งออกมาด้วยสีหน้ามึนงง แต่ผ่านไปเพียงแวบเดียวยัยนั่นก็นึกได้ “อ๋อ... รถ... จะเอารถ ไม่เล่นหุ่น ก็เลยโยนทิ้งเหรอ”
เสียงคะนิ้งดุขึ้นเรื่อยๆ โดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึก แต่ตาหนูคงรับรู้ได้ถึงความไม่พอใจในน้ำเสียงของป้า ถึงได้เม้มปากเป็นเส้นตรง ทำตาขวางไม่ยอมสบตาใครแบบนั้น
คะนิ้งเห็นหลานมีท่าทีต่อต้านก็คลายความตึงเครียดบนใบหน้าลงอย่างช่วยไม่ได้ ปรับเสียงพูดให้อ่อนโยนกว่าเดิม “ทำไมไม่วางลงดีๆ ล่ะครับ ดูสิพี่ หุ่นยนต์แขนหักน่าสงสารเลยเห็นไหม”
“ยด!”
“ภามฟังที่ป้าพูดบ้างสิ”
ไปๆ มาๆ คนเป็นป้าทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ซะอย่างนั้น
“ภาม” ฉันทนมองต่อไปไม่ไหว พอลูกเห็นฉันเดินเข้ามาด้วยสีหน้าจริงจังก็เม้มปากอีกรอบแต่คราวนี้กดหน้าลงต่ำ ท่าทางปิดกั้นกว่าเมื่อกี้อีก ลูกคงจำที่ฉันรับปาก ว่าจะให้ยายนำรถของเล่นมาให้จากที่บ้าน แล้วยายไม่ได้เอามา ก็เหมือนเป็นความผิดฉันด้วย
ถูกลูกตัวเองทำปั้นปึ่งใส่อย่างไม่มีเหตุผลแบบนั้น ก็อดรู้สึกรวดร้าวใจไม่ได้
“ไว้พรุ่งนี้แม่จะให้ยายเอามาให้ใหม่ เพราะงั้นเล่นบล็อกไปก่อนนะ เอาบล็อกมาทำเป็นรถก็ได้ นี่ไงแบบที่ลุงลีเคยสอนไงครับ”
ฉันอยากดุลูกแทบตายแต่สุดท้ายก็ต้องกลืนความขมลงคอ แล้วตะล่อมเด็กน้อยที่กำลังขุ่นเคืองด้วยคำพูดกระปรี้กระเปร่าแทน คะนิ้งก็ช่วยรับลูกต่อ แกล้งทำเป็นกระตือรือร้นอยากเล่นด้วย แรกๆ เจ้าตัวเล็กก็ยังเมิน แต่หลังจากที่เห็นป้ากับแม่ต่อรถได้คนละคันก็เริ่มสนใจ เอื้อมมาหยิบชิ้นส่วนที่เหลือต่อเองเงียบๆ เข้าล็อกบ้างไม่เข้าล็อกบ้างตามประสาเด็ก ฉันกับคะนิ้งก็เนียนๆ ช่วยด้วย จนตาหนูลืมเรื่องที่ทำให้ไม่พอใจแล้วเพลินกับการต่อบล็อกเป็นรถต่างๆ