Chapter 2 《 Part 3》

1530 คำ
ตาหนูหลับไปแล้วพร้อมกับกอดบล็อกที่ต่อเป็นรถไฟยาวเกือบเท่าแขน ที่จริงก็แค่เอามาต่อเรียงกันแล้วมโนว่าเป็นรถไฟนั่นแหละ “ฮานก็อยู่โรงบาลนี้” เสียงคะนิ้งดังขึ้นท่ามกลางความเงียบภายในห้อง ฉันไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง ไม่หือไม่อือ ทำเหมือนยัยนั่นแค่บ่นไปเรื่อยเปื่อย เงียบกันไปสักพัก คงเห็นว่าฉันเมินฮานโดยสมบูรณ์คะนิ้งจึงพูดเรื่องใหม่ขึ้นมา “เรื่องค่ารักษายายบอกจะออกให้นะ” “หือ?” เรื่องนี้ฉันไม่สนใจไม่ได้ หันไปมองคะนิ้งอย่างแปลกใจ “ไม่ต้องก็ได้ แค่พาตาหนูไปฝากที่บ้านก็เกรงใจมากพอแล้ว” “ยายคงรู้สึกผิดที่ดูแลภามไม่ดีนั่นแหละ” “แต่ก็ไม่ใช่ความผิดยายนี่” ฉันแย้ง ไม่อยากโทษใครทั้งนั้น “เถอะน่า ยายคงทำเพื่อความสบายใจนั่นแหละ เธอก็ไม่ต้องคิดมากล่ะ” “อืม” ฉันตอบรับสั้นๆ เพราะรู้ว่าพูดเยอะไปก็เท่านั้น ภายในห้องตกสู่ความเงียบอีกครั้ง มีเสียงเตือน Line~ ดังขึ้นเป็นพักๆ ทั้งจากเครื่องฉันและจากเครื่องของคะนิ้ง เราสองคนต่างก้มหน้ายุ่งอยู่กับหน้าจอมือถือตัวเอง ไม่ก้าวก่ายกัน 22.20 นาฬิกา ลีไทน์ : ตัวเล็กเป็นยังไงบ้าง พี่ลีไทน์ทักมา เพนนี : หลับไปแล้ว ลีไทน์ : อ่อ แล้วมีอาการอีกหรือเปล่า เพนนี : ถ่ายไปรอบหนึ่ง ตอนนี้ยังดื่มอะไรไม่ได้ ดื่มได้แน่นม ลีไทน์ : อืม เดี๋ยวก็ดีขึ้น สู้ๆ เพนนี : พี่ติวหนังสือเสร็จแล้วเหรอ ลีไทน์ : พักเบรกสิบนาที อีกเดี๋ยวก็จะต่อแล้ว เพนนี : เสร็จกี่โมงเนี่ย ติวอะไรดึกดื่น ไม่ง่วงเหรอ ลีไทน์ : ฮ่าๆ นักเรียนพี่มาพอดี ไว้คุยกัน เพนนี : (ส่งสติ๊กเกอร์) ฉันสลับหน้าจอไปทำอย่างอื่น ตอนนั้นคะนิ้งก็ลุกขึ้นเดินไปที่ประตู ฉันชำเลืองมองเงียบๆ ก่อนจะเห็นยัยนั่นแง้มประตูออกไปชะโงกหน้าเรียกใครสักคน “ริก... ทางนี้” ฉันดึงสายตากลับมาอย่างไม่ใส่ใจ กระทั่งริกกี้เข้ามาในห้องถึงหันกลับไปมองอีกรอบ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร แค่สบตากับหมอนั่นเป็นเชิงรับรู้ว่าเขามาเฉยๆ ริกกี้มากับคะนิ้งตั้งแต่แรก แต่ที่เพิ่งโผล่หน้ามาก็เพราะไปแวะที่อื่นก่อน ส่วนจะเป็นที่ไหนนั้นฉันไม่อยากนึกถึง “หลับแล้วเหรอ” ริกกี้มองไปทางเตียง เมื่อเห็นตาหนูหลับไม่รู้เรื่องเขาก็เดินมาทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาเดี่ยวฝั่งที่ติดกับปลายเท้าฉัน ฉันที่ทอดตัวนอนเล่นมือถืออยู่บนโซฟายาวลุกขึ้นนั่งอย่างเสียไม่ได้ เอาหมอนขึ้นมาวางไว้บนตัก ครางตอบเสียงในลำคอสั้นๆ “อืม” “เดี๋ยวพรุ่งนี้มารับ... หรือริกจะค้างนี่เป็นเพื่อนนิ้งดี” หมอนั่นมองคะนิ้งที่เดินมานั่งโซฟาตัวเดียวกับฉัน ตรงตำแหน่งปลายเท้าฉันก่อนหน้านี้ อยู่ใกล้ริกกี้ตามระเบียบ คะนิ้งส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก ริกเพิ่งแข่งรถมาเหนื่อยๆ กลับไปนอนห้องนั่นแหละดีแล้วจะได้สบายๆ” “แค่ได้อยู่ใกล้นิ้งไม่ว่าที่ไหนก็สบายหมดแหละ” “จะอ้วก” ฉันมองสองผัวเมียตรงหน้าหยอดคำหวานใส่กันอย่างทนไม่ไหว ริกกี้ชำเลืองสายตามาทางฉันแวบหนึ่ง ก่อนพูดขึ้นมาลอยๆ “ถ้าเหงาก็ไปที่ห้อง 807 ไป จะได้ไม่ว่างมาอิจฉาคนอื่นแบบนี้” “ใครอิจฉา รำคาญต่างหาก” “เหรอ” “อืม!” “หึ...” ริกกี้ทำเสียงในลำคอล้อเลียนฉันอีก “ริก! ไม่เอาน่า” ถ้าไม่ใช่เพราะคะนิ้งรีบปรามซะก่อนฉันคงได้สวนกลับหมอนั่นให้รู้สึกเจ็บแสบไปแล้ว ไม่รู้เป็นไร ชอบกวนประสาทกันชะมัด แต่ก็นั่นแหละ ถ้าฉันไม่ปากไวก็คงไม่ได้จิกกัดกันไปจิกกัดกันมาให้สนุกปากแบบนี้เหมือนกัน “กลับยังเดี๋ยวนิ้งเดินไปส่งที่รถ” คะนิ้งถือโอกาสไล่หมอนั่นกลับ ริกกี้หน้าหดลงทันที “อยากอยู่กับนิ้งไม่ได้เหรอ” “กลับเหอะ ขี้เกียจฟังคนทะเลาะกัน” ยัยนั่นมิวายพาดพิงถึงฉัน ริกกี้ทำเป็นลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้าอย่างไม่มีทางเลือก “กลับก็ได้ แต่นิ้งอยู่นี่แหละ ไม่ต้องเดินไปส่ง ดึกแล้ว” “ก็ได้... งั้นนิ้งเดินไปส่งที่ลิฟต์นะ” “โอเค” ริกกี้ยิ้มรับอย่างอ่อนใจกับความดื้อดึงจะเดินไปส่งของคะนิ้ง ฉันมองทั้งคู่เดินออกประตูไปก่อนจะถอนหายใจระลอกหนึ่ง นึกถึงคำพูดของริกกี้ขึ้นมาอย่างไม่ตั้งใจ ห้อง 807... ไม่สิ ไม่... นี่ฉันจะเก็บเอามาคิดให้รกสมองทำไม ฉันสะบัดหน้าเรียกสติให้ตัวเอง ลุกขึ้นไปดูตาหนูที่เตียง ใช้ลูกเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ แต่ไม่รู้ทำไม พอมองใบหน้าไร้เดียงสาของตาหนู ฉันรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ‘...เธอเลี้ยงเขาโดยไม่มีพ่อไม่ได้’ จู่ๆ คำพูดนั้นก็ลอยเข้ามาในหัว ฉันหลับตาพยายามไล่ความรู้สึกหวั่นไหวออกไปก่อนที่มันจะทำให้จิตใจฉันสั่นคลอนจนถูกความเครียดเข้าครอบงำ ฉันเข้าใจดีว่าที่ฮานพูดหมายถึงอะไร ...แล้วคิดว่าฉันไม่เตรียมใจเอาไว้สำหรับตอบคำถามลูกในอนาคตหรือไง ฉันมั่นใจว่าสามารถอธิบายเรื่องพ่อให้ลูกฟังได้ และเชื่อว่าลูกต้องเข้าใจ แต่เพราะคำพูดฮานทำให้ฉันกลับไปคิดเรื่องนี้ใหม่อีกครั้งทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น ทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคิดมากไปก็ไม่ได้อะไร ทั้งที่รู้แบบนั้นก็ยังสงบใจไม่ได้สักที คะนิ้งกลับจากไปส่งริกกี้ ยัยนั่นไม่ได้พูดอะไร แค่เดินมานั่งโซฟา หยิบจับโน่นนี่นั่นสักพักก็เข้าห้องน้ำเปลี่ยนชุดนอน “จะนอนหรือยัง” คะนิ้งถาม “อือ ง่วงแล้วเหมือนกัน” พอฉันบอกแบบนั้น คะนิ้งก็เอาที่นอนปิ๊กนิกออกมาปูบนพื้น สละที่นอนบนโซฟาให้ฉันอย่างไม่เรื่องมาก ฉันปิดไฟ เหลือโคมไฟผนังไว้ให้ตาหนูหนึ่งดวง เผื่อสะดุ้งตื่นกลางดึกจะได้ไม่กลัวมาก สมกับเป็นโรงพยาบาลหรู ขนาดเสียงเครื่องปรับอากาศยังเบาจนแทบไม่ได้ยิน ฉันหลับตาลง... แล้วก็ลืมตาขึ้นมองเพดานขาวโพลนซึ่งถูกความสลัวรางปกคลุม อยากนอนแต่นอนไม่หลับ “นิ้ง...” ท่ามกลางความเงียบมีเพียงเสียงลมหายใจที่สม่ำเสมอดังตอบ พอชะโงกหน้าขึ้นมองก็เห็นว่ายัยนั่นหลับไปแล้วเรียบร้อย หลับง่ายจนน่าอิจฉา ฉันลุกขึ้นนั่งมองความนิ่งสงบภายในห้อง ครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นเดินมาดูตาหนูที่เตียง จับผ้าห่มที่ร่นลงไปอยู่ตรงท้องลูกขึ้นมาคลุมถึงอก มองใบหน้ากลมๆ ของลูกอย่างรู้สึกรักใคร่ อดหวนคิดถึงวันที่รู้ว่าตั้งท้องใหม่ๆ ขึ้นมาไม่ได้ ตอนนั้นฉันทั้งสับสน ทั้งกลัว เคยคิดแม้กระทั่งจะเอาลูกออกเพื่อประชดฮาน หาคลินิกเอาไว้แล้วด้วย ไม่รู้บังเอิญหรือเคราะห์ดีของฉันกับตาหนูที่คลินิกนั่นถูกตำรวจบุกค้นพอดี ทำให้ฉันสำนึกขึ้นมาได้ ว่าบาปกรรมอาจจะกำลังส่งสัญญาณเตือนอยู่ก็ได้ ฉันจิตตกอยู่หลายวันกว่าจะกู้จิตใจที่เสียหายจากความคิดที่แสนต่ำทรามของตัวเองกลับคืนมาได้ ทว่าการต่อสู้กับพลังด้านลบของจิตใจก็ไม่ได้จบแค่นั้น มันไม่ง่ายเลยจริงๆ ที่จะผ่านทั้งหมดมาได้ด้วยตัวคนเดียว ต่อให้มีผู้คนรายล้อม คอยส่งกำลังใจไม่หยุด แต่ความรู้สึกโดดเดี่ยวก็ไม่เคยขาดหายไปจากหัวใจ ฉันเคยปรารถนาให้ฮานกลับมา เคยฝันถึงเขาทุกลมหายใจ วาดภาพคุณพ่อที่แสนอบอุ่นคอยอุ้มลูก เล่นกับลูก สร้างครอบครัวที่มีความสุขไปด้วยกัน ...แต่นั่นก็แค่ช่วงแรก ความไร้เดียงสาแบบเด็กสาวค่อยๆ เลือนหายจากหัวใจเมื่อฉันรู้ชัดว่าฮานไม่เคยรักฉัน ความเป็นจริงนั้นขมขื่น แต่การหลอกตัวเองขมขื่นยิ่งกว่า ฉันตัดใจจากฮานไปแล้ว ตั้งแต่ตาหนูลืมตาขึ้นมาดูโลก ฉันก็สาบานกับตัวเองว่าจะไม่ย้อนกลับไปมองข้างหลัง และจะไม่ปล่อยให้อดีตกลับมาทำลายความสุขของเราสองแม่ลูกเด็ดขาด แต่เขาก็กลับมา... แถมยังแสดงออกชัดเจนว่าเป็นพ่อของตาหนู ตอนนี้ตาหนูยังเด็ก ยังไม่รู้เรื่อง แต่ถ้าขืนฮานยังวนเวียนอยู่ใกล้ๆ เราสองคนแม่ลูกแบบนี้ฉันเกรงว่าไม่ช้าไม่เร็วตาหนูต้องรู้ความจริงเรื่องพ่อ ฉันไม่อยากให้เป็นแบบนั้น อย่างน้อยๆ ก็ให้ตาหนูโตพอที่จะแยกแยะได้ ถึงตอนนั้นไม่ว่าลูกถามอะไรฉันก็ยินดีตอบทั้งหมด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม