จำปานึกเล่นๆ เพราะความคิดหลายๆ อย่างของป้าช้อยมักจะนำความแปลกใจมาให้หล่อนอยู่เสมอ
สตรีผู้สูงวัยกว่าลุกขึ้นแล้วก้าวเข้าไปใกล้ร่างอิ่มสมบูรณ์ของแม่ลูกอ่อนตรงหน้า พร้อมกันนั้นมือข้างหนึ่งของแกก็เลิกชายเสื้อคอกระเช้าของจำปา
“ว้าย…”
หล่อนสะดุ้งเพราะคิดไม่ถึงว่าป้าช้อยจะทำอะไรพิเรนทร์แบบนั้น
“โอ้โห…”
ดวงตาแกเบิกกว้าง แลเห็นตาดำลอยเด่นอยู่กลางตาขาว
สายตาของแกจับอยู่ที่เต้าทรวงอวบใหญ่ของจำปา หนั่นเนื้อเรียบเนียนตรงหน้า ขาวจนแลเห็นเส้นเลือดสีเขียวลางๆ กระจายอยู่ใต้ผิวบอบบางของเต้านมทั้งสองข้าง แลดูคัดเป่งเพราะยังอยู่ในช่วงให้นมลูกอ่อนที่นอนอยู่ในเปล
“เอ็งมันมีของดีอย่างที่ร่ำลือจริงๆ…”
อันที่จริงป้าช้อยเคยเห็นทรวงอกของผู้หญิงด้วยกันมานักต่อนัก แม้แต่ของจำปาก็เคยเห็นตอนที่หล่อนควักนมออกมาป้อนให้ลูกบ่อยๆ แต่ก็วับๆ แวมๆ ไม่เคยได้เห็นจะแจ้งชัดเจนเท่ากับที่กำลังปรากฏเต็มสองตาอยู่ในตอนนี้
“หน้าอกเอ็งสวยมาก… เต่งตึง ไม่หย่อน ไม่ย้อย ไม่คล้อย ไม่คล้ำ” แววตาชื่นชมจับอยู่ที่ปลายถันของจำปา
“แล้วก็ไม่ยานเหมือนของป้าใช่มั้ย… อิอิ”
จำปาแกล้งกระเซ้า
“แหม… นังนี่ทะลึ่ง ก็เอ็งลองแก่แบบข้าสิ ตอนนั้นมันจะไม่หย่อนไม่ยานก็ให้รู้กันไป”
ป้าช้อยเคยเห็นของใหญ่มานักต่อนัก แต่ก็ไม่เคยเห็นว่าของใครจะใหญ่และสวยเหมือนของจำปา
ผิวที่ขาวละเลียดลออของหล่อนทำให้ฐานป้านของยอดปทุมนั้นไม่แลดูคล้ำ น่าแปลกที่ยังคงความเป็นสีเนื้ออมชมพูเอาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ เม็ดทับทิมทั้งสองข้างแดงเด่นได้รูปทรงสวย และที่สะดุดตาจนป้าช้อยอดที่จะนึกอิจฉาขึ้นมาไม่ได้… ก็คือยอดทรวงซึ่งชี้งอนและเต่งตั้งราวกับเอาลูกเชอร์รี่สีแดงปลั่งไปวางประดับเอาไว้ที่ปลายยอด
“ฉันอายนะป้า…”
หล่อนกระชากชายเสื้อคอกระเช้าปิดฉับลงทันใด ด้วยความกระดากอายสายตาป้าช้อย
“ผู้หญิงด้วยกันนะ แหม… อย่าดัดจริต เอ็งจะมาอายทำไมวะอีห่า”
ขณะพูดนั้นสายตาของแกก็ยังจับอยู่ที่ปลายถันชี้งอนของจำปาที่เสียดสีอยู่ใต้เสื้อบางๆ แลเห็นคราบน้ำนมแม่ลูกอ่อนเป็นวงชื้นอยู่ระหว่างยอดอกเต่งตั้งทั้งสองข้าง
“รู้ตัวหรือเปล่าว่าเอ็งมีอะไรหลายๆ อย่างที่ผู้หญิงคนอื่นไม่มี” แกเอ่ยให้จำปาได้คิด
“แล้วมันอะไรล่ะป้า…”
หล่อนทำหน้าสงสัยขึ้นมาอีก นึกในใจว่ายัยป้าสัปดนคนนี้กำลังคิดพิเรนทร์อะไรขึ้นมาอีก?
“สะโพก อก เอว ก้น ผิวพรรณผุดผาดแบบนี้ ตา หู จมูก ปาก แบบนี้… น่าเสียดายที่เอ็งเอาอนาคตมาทิ้งไว้กับไอ้เชิดซะหลายปี”
“พูดอย่างนี้ฉันเลยงงไปใหญ่…” จำปายกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ
“งั้นข้าขอดูอีกอย่าง…” แกเอ่ยขึ้นมาลอยๆ
และแล้ว…
โดยที่จำปาไม่ทันได้ระวัง
“ว้าย…”
หล่อนอุทานเสียงดังขึ้นอีกครั้ง กับความสัปดนอย่างคาดไม่ถึงของป้าช้อย เมื่อมือไวของแก เอื้อมมากระตุกปมผ้าถุงของจำปาที่ขมวดเอาไว้หลวมๆ
เพียงเท่านั้น…
ผ้าถุงลายดอกก็ร่วงลงไปกองอยู่ที่ข้อเท้า เผยให้เห็นร่องเนื้อสีชมพูอวบใหญ่เบียดอัดกันอยู่ใต้ขาหนีบ ดูราวกับว่าจำปาเอากระดองเต่าตัวเขื่องมาหนีบเอาไว้ระหว่างพุ่มแพรไหมดกดำกระจุกกระจายอยู่รอบๆ ความโหนกนูนที่เห็น เส้นขนสีดำช่วยขับเน้นกลีบเนื้อสีขาวอมชมพูของหล่อนให้ปูดเป่งออกมาอวดสายตา น่ามองจนป้าช้อยไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง
“โอ้ววว… พระเจ้าช่วยกล้วยทอด”
ป้าช้อยไม่เคยเห็นของใครสวยอย่างนี้มาก่อน แกอ้าปากค้าง ริมฝีปากเป็นรูปตัวโอกับความน่าอัศจรรย์ใจ ในความเป็นผู้หญิงของจำปา เพราะว่าสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นเกินไปกว่าที่แกคาดเดาเอาไว้เสียอีก
แม้ว่าจำปาจะผ่านการมีสามีและตั้งครรภ์มาแล้วก็ตาม แต่ผิวพรรณละเอียดลออที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นกลับไร้ร่องรอยแตกลายงา เรือนร่างอิ่มสมบูรณ์นั้นแทบจะหาไฝฝ้าราคีไม่ได้ อีกทั้งหน้าขาก็ขาวเนียน เรียวยาวรับกับสะโพกงอนสวยและเอวคอดโค้งของหล่อน
“อะไรของป้า… ไม่เอาแล้ว”
สีหน้าและน้ำเสียงบอกความไม่พอใจน้อยๆ จำปารีบก้มลงคว้าผ้าถุงที่กองอยู่รอบข้อเท้าขึ้นมานุ่งด้วยความกระดากอายต่อสายตาของป้าช้อย แม้จะเป็นผู้หญิงด้วยกันก็เถอะ
ได้ยินดังนั้นป้าช้อยเลยวกกลับมาที่เรื่องสำคัญ
“ก็เรื่องงานนี่แหละ เอ็งอยากได้งานสบายๆ ไม่ใช่หรือ? ข้าพอจะช่วยได้ แต่ต้องดูของก่อน”
“งานอะไรป้า…”
“บุษบาราตรี”
แกเอ่ยประโยคที่เข้าใจยากออกมาอีกครั้ง
“งง…”
จำปายกมือขึ้นเกาหัว นึกใจในว่าเคยได้ยินแต่หนังผีที่ชื่อ ‘บุปผาราตรี’
“แล้วบุษบาราตรีของป้านี่มันคืออะไรล่ะป้า…?”
หล่อนขมวดคิ้ว
“ขายตัว… ผู้หญิงที่ขายตัวเฉพาะกลางคืน”
แกบอกเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา
“อะ..อะไรนะ!”
จำปาอุทานเสียงดัง เหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง ครั้นแล้วก็หรี่ตาครุ่นคิด มองหน้าป้าช้อยด้วยสายตาสงสัยว่าแกไปรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง?
เห็นดังนั้นป้าช้อยเลยตัดสินใจเล่าถึงอดีตความเป็นมาของแกให้กับจำปาได้ฟังอย่างไม่คิดจะปิดบังอีกต่อไป
‘บุษบาราตรี’ จู่ๆ ความทรงจำก็ทำให้หญิงวัยกลางคนหวลระลึกไปถึงอดีตอันแปดเปื้อนของตนเมื่อครั้งยังสาว