"มากันแล้วสาว ๆ เข้ามาเร็วเข้า ไม่เจอกันนานเลยนะอาเหนียง อาเจิน ซานหลาง ส่วนคนสุดท้ายคงเป็นยัยหนูซานเฉียวใช่ไหมลูก"
ปู่เสิ่นเอ่ยทักทายในขณะที่ทุกคนกำลังเดินเข้ามาที่โต๊ะอาหาร แต่ที่น่าแปลกคือเจ้าเหลนตัวป่วนของท่านที่ไม่ชอบเข้าใกล้ใคร ครั้งนี้กลับเดินตามหลังซานเฉียวต้อย ๆ พร้อมกับจับมือของเธอเอาไว้แน่น
"พี่อวิ๋น ยังแข็งแรงเหมือนเดิมเลยนะคะ ไม่เจอกันนานพี่สบายดีใช่ไหม?"
แม่เฒ่าฮั่วรีบทักทายสหายของสามีที่ไม่ได้เจอกันนาน ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ข้างสามีของนาง
"ฉันก็ยังสบายดี เป็นอะไรไปก่อนไม่ได้หรอก ยังมีห่วงอีกหลายอย่างที่ยังปล่อยวางไม่ได้ หนึ่งในนั้นก็คือรอให้ครอบครัวของพวกเธอกลับมาที่นี่นั่นแหละ"
"คุณพ่อสวัสดีค่ะ/คุณปู่สวัสดีค่ะ/คุณปู่สวัสดีครับ"
"สวัสดีทุกคน นั่งตามสบายเลยลูก อาหยางเลื่อนเก้าอี้ให้น้องเร็วเข้า ไม่อยากจะคิดเลยว่าอาเฉียวตัวน้อยที่หลานเคยอุ้มแล้วพาเดินเล่นไปรอบบ้าน กลับมาครั้งนี้จะโตเป็นสาวขนาดนี้แล้ว"
"ผมก็ไม่คิดเหมือนกันครับปู่ น้องดูเปลี่ยนไปเยอะเลย"
"พ่อถอยไป เดี๋ยะผมจัดเก้าอี้ให้หม่าม๊าเอง"
ตงหยางที่กำลังจะเลื่อนเก้าอี้ให้ซานเฉียวก็ต้องหยุดมือแต่โดยดี เมื่อลูกชายตัวน้อยพยายามเข้ามาแทรกกลางแล้วดันร่างของเขาออก
"ลูกทำไหวเหรอ?"
"ผมไหว!"
ซานเฉียวที่เป็นคนกลางเห็นพ่อลูกมองหน้ากันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ เธอจึงอุ้มเด็กชายตัวน้อยขึ้นมานั่งบนตักเธอก่อนที่จะเกิดศึกย่อม ๆ ระหว่างสองคนพ่อลูก
"มานั่งกับพี่ดีกว่า ไหนดูซิหนูกินข้าวเช้ารึยังเด็กดี"
สิ้นคำพูดหวานหูของซานเฉียวเด็กชายตัวน้อยก็อิงซบลงบนร่างกายของพี่สาวคนสวย คนงานในบ้านรวมไปถึงคุณปู่เมื่อได้เห็นภาพนั้นต่างก็แปลกใจไปตาม ๆ กัน เพราะหาวห่าวไม่ชอบให้ใครกอดและไม่ชอบให้ใครอุ้มแบบนี้มาก่อน
"กินนิดเดียวเองครับ หม่าม๊าป้อนผมได้ไหม"
"ได้อยู่แล้วสิจ๊ะ แต่หนูเรียกพี่ว่าพี่สาวจะดีกว่านะ"
"ขอเรียกหม่าม๊าไม่ได้เหรอครับ ผมไม่เคยมีเลย คนอื่นเค้ามีทุกคน"
คำพูดจากปากของเด็กชายตัวน้อยที่นั่งอยู่บนตัก ทำให้ซานเฉียวเงยหน้าขึ้นมองทุกคนอย่างขอคำตอบ
"ถ้าหนูไม่รังเกียจก็ให้เจ้าตัวเล็กเรียกเถอะนะซานเฉียว เด็กขาดแม่ตั้งแต่เกิด ในบ้านก็มีแต่ผู้ชาย ปกติแล้วหาวห่าวจะไม่ยอมเข้าใกล้หรือให้ใครอุ้มเลยนะ ครั้งนี้คงชอบแล้วก็ถูกชะตากับหลานมาก"
ถ้อยคำของปู่เสิ่นทำให้ทุกคนมีแววตาที่หม่นเศร้าลงเล็กแต่ก็ไม่มีใครถามอะไรต่อ
"ไม่รังเกียจเลยค่ะ หนูยินดีมากซะด้วยซ้ำ ที่บ้านมีแต่ผู้ใหญ่แต่ถ้ามีหาวห่าวไปเล่นด้วยคงจะครึกครื้นกว่าเดิม จริงไหมหนุ่มน้อย"
"ครับ หม่าม๊าว่าไงผมก็ว่าอย่างนั้น"
หลังจากนั้นมื้ออาหารก็เต็มไปด้วยเรื่องราวต่าง ๆ ที่สองบ้านเล่าสู่กันฟัง ส่วนซานเฉียวก็เอาแต่คอยตักอาหารป้อนเจ้าหนูตัวน้อยและพูดคุยหยอกล้อกันอยู่สองคน เพราะทั้งคู่โตไม่ทันจะรู้เรื่องราวของผู้ใหญ่
ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะมีเสิ่นตงหยางที่นั่งอยู่ แม้ว่าเขาจะพูดคุยกับผู้ใหญ่และถามไถ่บอกเล่าเรื่องราวให้ฮั่วซานหลางฟังอยู่ตลอด แต่บ่อยครั้งสายตาของเขาก็ถูกสะกดด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติของสาวน้อยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม รอยยิ้มของเธอยังคงน่ารักสดใสเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน
2 ชั่วโมงต่อมา
ชางหยวนกับลูกน้องได้ออกมาหาเสิ่นตงหยางตามที่เพื่อรักโทรเรียกตัวออกมาอย่างด่วน ทุกคนได้ทำการงัดกุญแจบ้านทิ้งแล้วเริ่มสำรวจดูโครงสร้างใหม่อีกครั้ง โชคดีที่บ้านเป็นเพียงบ้านชั้นเดียวจึงใช้เวลาซ่อมแซมไม่มาก
"ถ้าซ่อมแค่หลังคาอย่างเดียวผมคิดว่าคงใช้เวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ครับ ค่าใช้จ่ายจะอยู่ที่ 200 หยวน ผมสามารถลดราคาให้ได้นิดหน่อย แต่ถ้าเป็นไปได้ผมอยากให้สร้างใหม่นะครับ โครงสร้างเป็นไม้มีบ้างจุดที่ถูกปลวกกัดกินไปบ้าง เพราะฉะนั้นความปลอดภัยถือว่าน้อยมาก"
ชางหยวนรีบแจ้งรายละเอียดให้ซานเฉียวได้รับรู้ หากอีกฝ่ายตกลงเขาก็พร้อมจะขนลูกน้องมาเริ่มงานทันที
"ฉันขอสอบถามเพิ่มเติมได้ไหมคะ คือตอนนี้แปลนบ้านเดิมมีอยู่ 3 ห้องนอนเป็นแนวยาว แต่ถ้าฉันอยากเพิ่มอีกซัก 2 ห้องนอนต่อออกมาข้างหน้าทางฝั่งซ้ายที่ติดถนน ส่วนฝั่งขวาฉันอย่าทำเป็นห้องนั่งเล่น ถัดออกมาทำเป็นห้องครัว"
ซานเฉียวพูดไปด้วยมือของเธอก็พยายามร่างแบบคร่าว ๆ ด้วยกระดาษและปากกาที่ขอยืมมาจากชางหยวน เพื่อให้ทุกคนเห็นภาพในสิ่งที่เธอต้องการสื่อสาร
"ได้ครับ"
"ฉันต้องการต่อระเบียงออกมาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และใช้ประตูไม้แบบบานพับสามารถเปิดออกและรับลมได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง"
"เอ่อ คือคุณซานเฉียวต้องการให้ก่ออิฐเฉพาะในส่วนที่ใช้กั้นระหว่างห้อง ส่วนประตูเข้าห้องและระเบียงด้านหลังต้องการให้เปิดออกกว้างที่สุด ผมเข้าใจถูกต้องใช่ไหมครับ"
"ใช่ค่ะ ด้านหน้าทำเป็นกำแพงให้มิดชิด หลังจากเดินผ่านประตูใหญ่มาฉันอยากทำเป็นฉากไม้ลวดลายสวย ๆ ตรงกลางลานบ้านฉันจะทำศาลาไว้นั่งเล่นด้วยค่ะ รบกวนคุณชางหยวนช่วยออกแบบประเมินราคาให้ด้วยนะคะ"
ทุกคนในบ้านเมื่อได้ยินความต้องการของซานเฉียวก็มีอาการนิ่งอึ้งอยู่บ้าง มีเพียงฮั่วซานถังผู้เป็นพ่อกับฮั่วซานหลางเท่านั้นที่ไม่ได้ตกใจอะไร เพราะทั้งคู่รู้ว่าตอนนี้ซานเฉียวมีเงินในมืออยู่ประมาณ 11,500 หยวน น่าจะเพียงพอต่อการสร้างบ้านในครั้งนี้
"เอาเป็นว่าวันนี้ผมกับผู้ช่วยจะร่างแบบมาให้ดูในช่วงบ่าย แต่ราคาที่ผมประเมินไว้น่าจะอยู่ที่ 3 - 4,000 หยวน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าประตูหน้าต่างที่คุณซานเฉียวเลือกจะเป็นแบบไหน ส่วนระยะเวลาไม่น่าจะเกิน 3 เดือนครับ พวกเราพร้อมลงมือทันที"
"ตกลงค่ะ ไหน ๆ จะกลับมาอยู่ถาวรแล้วก็ทำให้ดีไปเลย ว่าแต่วันนี้คนงานของคุณชางหยวนว่างไหมคะ ฉันอยากจะจ้างให้ทำที่พักชั่วคราวให้เราหน่อยค่ะ วัสดุต่าง ๆ ก็คงต้องสั่งให้คุณนำมาเลย เอาเป็นลานว่างตรงนั้นก็ได้ คนงานจะได้ทำงานสะดวกหน่อย"
ซานเฉียวชี้ไปทางต้นไม้ที่อยู่ติดกับรั้วบ้านตระกูลเสิ่น แต่อยู่ ๆ เสียงของเสิ่นตงหยางก็โพล่งขึ้นขัดเสียก่อน
"พักแบบนั้นจะสะดวกได้ยังไงกัน ไปพักที่บ้านของผมก่อนดีกว่านะครับคุณปู่คุณย่า รอให้อาหยวนสร้างเสร็จค่อยย้ายกลับเข้ามาทีเดียวเลย"
พ่อเฒ่าฮั่วหันไปมองหน้าลูกหลานก่อนจะเป็นฝ่ายปฏิเสธตงหยางอย่างนุ่มนวล แม้ว่าเขาจะเป็นห่วงแต่ก็ต้องยินยอมให้ทุกคนทำตามที่ต้องการ
"อย่าเลยอาหยาง ปู่เกรงใจ อีกเดี๋ยวข้าวของของพวกเราก็มาส่ง มันจะรกบ้านของหลานเปล่า ๆ อยู่ที่นี่ก็ไม่ได้ลำบากหรอกลูก เอาไว้ถ้ามีอะไรที่เหลือบ่ากว่าแรงจริง ๆ ปู่จะขอให้หลานช่วยนะ"
"เอาแบบนั้นก็ได้ครับ แต่อย่าเกรงใจผมเลย ผมก็เป็นลูกหลานของปู่เหมือนกันนะครับ"
ชางหยวนหันมองเสิ่นตงหยางเพื่อนที่คบหากันมานานเหมือนกับเห็นผี อะไรทำให้เจ้านายพลปากหนักคนนี้พูดมากได้ขนาดนี้กัน ไหนจะแต่งตัวเต็มยศแต่ยังไม่ยอมไปทำงานอีก แล้วจะเจ้าตัวแสบหาวห่าวที่เดินตามจับมือหญิงสาวตรงหน้าเขาไม่ห่างอีกล่ะ เกิดอะไรขึ้นกับสองพ่อลูกคู่นี้
"เอาเป็นว่าผมจะสั่งคนงานออกมาที่นี่ในอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้า พร้อมกับอุปกรณ์สร้างที่พักชั่วคราว ส่วนตอนบ่ายผมจะตามมาพร้อมกับแบบบ้านและสัญญาก่อสร้างนะครับ"
"ตกลงค่ะ รบกวนด้วยนะคะ เอ่อฉันขอติดรถเข้าไปในเมืองด้วยได้ไหมคะ"
"ได้ค..."
"ไปกับพี่ก็ได้ซานเฉียว อย่าไปรบกวนอาหยวนเลย นายรีบไม่ใช่เหรอ ไปได้แล้วอาหยวน"
เสิ่นตงหยางรีบเอ่ยขัดจังหวะพร้อมกับส่งสายตากดดันชางหยวนให้เพื่อนรักรีบกลับออกไป
"ผมไปกับหม่าม๊าได้ไหมครับ"
เจ้าหนูน้อยหาวห่าวกระตุกชายเสื้อของซานเฉียวเบา ๆ เพื่อขอคำตอบ
"ไม่ได้ครับคนเก่ง พี่ฝากหนูช่วยดูแลปู่กับย่าระหว่างที่พี่ไม่อยู่ได้ไหมครับ พี่สัญญาว่าจะรีบไปรีบกลับ เอาไว้มื้อค่ำพี่สัญญาว่าจะเผามันหวานอร่อย ๆ ให้กิน"
ถึงหาวห่าวจะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบที่ได้รับ แต่เด็กชายตัวน้อยก็รับอาสาทำตามคำขอของหม่าม๊าของเขาอย่างขึงขัง อะไรที่หม่าม๊าว่าดี หาวห่าวก็ว่าดี
"ได้ครับ หม่าม๊าว่ายังไงหาวห่าวก็ว่าอย่างนั้น"
"คนเก่ง จุ๊บ"
เป็นครั้งแรกที่เจ้าหนูตัวป่วนถูกสาวจุมพิตที่แก้มจนออกอาการเขิน บนแก้มเนียนมีริ้วแดง ๆ เผยให้เห็นพร้อมกับอาการยืนบิดตัวอย่างน่าเอ็นดูจนคนที่เห็นต่างก็ยิ้มตามไปด้วย
ทว่าไม่มีใครทันได้สังเกตว่ามีบางคนที่แอบอิจฉาลูกชายตัวเองอยู่ไม่น้อย หากเป็นเมื่อ 20 ปีก่อนเขาคงไม่ต้องอิจฉาลูกชายของตัวเองแบบนี้
หลังจากนั้นไม่นานสองพี่น้องซานเฉียวกับซานหลางก็เข้ามาถึงกลางเมืองใหญ่อีกครั้ง ส่วนเสิ่นตงหยางหลังจากส่งสองพี่น้องเสร็จก็เข้ากรมทหารไปทำงานต่อ ทางด้านฮั่วซานถังผู้เป็นพ่อก็อยู่รอดูคนงานที่จะไปสร้างที่พักให้กับพวกเขา
"อาเฉียว น้องเห็นใช่ไหมว่ามีโรงสีข้าวอยู่ตรงชานเมือง"
ซานหลางเอ่ยกับน้องสาวในขณะที่พวกเขากำลังเดินเลือกซื้อเสื้อผ้าอยู่บนห้างตระกูลกู้ที่ตั้งอยู่กลางเมือง
"เห็นสิพี่ใหญ่ ขากลับเราต้องเอารถไถออกมาขนของแล้วก็ขับกลับไปที่บ้าน หนูอยากจะเริ่มปลูกผักสวนครัวแล้วก็ทำไร่องุ่นเพื่อเป็นธุรกิจระยะยาวให้บ้านเรา อย่างน้อยคนอื่นจะได้ไม่ต้องสงสัยว่าเราไปเอาเงินมาจากไหน"
"พี่เห็นด้วย ในโรงนาพี่เห็นมีทั้งปุ๋ยมีทั้งเมล็ดพันธุ์องุ่นหลายสายพันธุ์เลย หนังสือคู่มือการดูแลก็มีให้อ่าน"
เสื้อผ้าและของใช้ครีมบำรุงผิวรวมไปถึงรองเท้าของทุกคน ถูกซานเฉียวเลือกมากองรวมกันหลายสิบชุด ในระหว่างที่สองพี่น้องกำลังเดินปรึกษาหารือกัน
"ความฝันของหนูคืออยากได้ที่เพิ่มอีกซัก 40 - 50 ไร่ หนูอยากทำไร่องุ่นให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว มีร้านอาหารเล็ก ๆ มีร้านน้ำมีขนมขาย และเปิดให้ทุกคนสามารถเก็บองุ่นที่ต้องการซื้อกลับบ้านได้ด้วยตัวเอง โดยมีคนของเราคอยดูแลลูกค้าแต่ละกลุ่ม ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่รู้หนูจะทำสำเร็จหรือเปล่า"
แน่นอนว่าสิ่งที่ซานเฉียวพูดมามันก็คือธุรกิจครอบครัวในกาลเวลาที่เธอจากมา ไร่องุ่นของครอบครัวเธอเป็นที่ท่องเที่ยวที่ขึ้นชื่อและสามารถสร้างรายได้ให้ครอบครัวเธอเป็นกอบเป็นกำ นั่นจึงทำให้น้าแท้ ๆ ของเธอเกิดความโลภจนถึงขึ้นวางแผนฆ่าทุกคนเพื่อฮุบธุรกิจ
"ต้องสำเร็จสิ ไม่ว่าน้องอยากทำอะไรพี่ใหญ่คนนี้จะอยู่ข้างและช่วยน้องสาวจนสุดกำลัง"
"พี่ใหญ่ของหนูดีที่สุด พี่คะคิดเงินได้เลยค่ะ"
พนักงานขายที่เห็นสองพี่น้องพูดคุยกันก็พลอยประทับใจในความผูกพันของทั้งคู่ไปด้วย ก่อนที่พวกเธอจะรีบเข้ามาช่วยกับคิดเงินและพับเสื้อผ้าใส่ถุงให้ทั้งสองกันให้วุ่น
"ทั้งหมด 120 หยวนค่ะ"
หลังจากซื้อของเสร็จทั้งของก็ช่วยกันถือถุงสินค้าเดินไปในจุดที่ลับตาคน จากนั้นก็เก็บของเข้ามิติแล้วนำจักรยานออกมา 1 คันเพื่อใช้ปั่นกลับบ้าน
ถึงกลางทางที่ลับตาคนซานเฉียวก็รีบนำรถไถออกมาพร้อมกับรถลากและสิ่งของที่เธอเตรียมไว้เกือบ 20 ชิ้นให้เหมือนกับคนย้ายบ้าน บางชิ้นบรรจุใส่หีบเหล็ก บางชิ้นก็เป็นลังไม้ บ้างก็เป็นกระเป๋าเก่า ๆ และลังกระดาษ กว่าสองพี่น้องจะกลับมาถึงหมู่บ้านเทียนฉินก็ปาเข้าไปบ่ายโมงแล้ว ที่พักชั่วคราวของพวกเขาถูกสร้างไปเกือบครึ่งทาง
ส่วนบ้านหลังเก่าก็ถูกรถแม็คโครเล็กทุบและรื้อถอนออกจนหมดภายในชั่วพริบตาเพราะโครงสร้างเดิมไม่สามารถใช้งานได้ ชางหยวนกับลูกน้องที่เห็นรถไถที่ซานหลางขับเข้ามาก็มีท่าทีว่าสนใจอยู่ไม่น้อย เขากับลูกน้องเดินวนดูรอบ ๆ รถอยู่หลายครั้งก่อนจะเอ่ยถาม
น้องจะเริ่มสร้างตัวแล้วน๊า รักไม่ยุ่งมุ่งแต่สร้างความมั่นคงอย่างเดียว