3 วันบนรถไฟอาจจะยาวนานสำหรับคนอื่น แต่สำหรับบ้านสกุลฮั่วแล้วถือว่าพวกเขาใช้ทุกนาทีได้คุ้มค่าที่สุด ฮั่วซานถังกับลูกชายช่วยกันทำรถลากรูปทรงคล้ายเกวียนแต่มีเหล็กกั้นรอบด้านอย่างแน่นหนา อีกทั้งด้านข้างซานหลางก็ทำเป็นบันไดให้ขึ้นลงได้อย่างสะดวก
รถคันนี้จึงเหมาะมากสำหรับใช้ขนสินค้าการเกษตร อีกทั้งยังสามารถพ่วงรถกระบะหรือรถไถนาก็ได้เช่นกัน ระหว่างที่พี่ชายกับพ่อกำลังทำรถลากอยู่ ซานเฉียวก็ถือโอกาสหัดขับรถไถจนชำนาญ จากนั้นเธอกับแม่ก็ลงมือหว่านข้าวและช่วยกันเก็บเกี่ยวจนมีข้าวเก็บไว้ในโรงนาเกือบ 200 กระสอบ
ผักสวนครัวรวมไปถึงเห็ดที่ผู้เฒ่าทั้งสองช่วยกันปลูกก็ออกดอกออกผลกันอย่างงดงามจนนางฮั่วเจินเก็บพริกสีแดงไปตากแห้งได้หลายกระด้ง เช่นเดียวกับเห็ดป่าที่ปลูกเอาไว้ เมื่อกินไม่ทันก็ต้องนำมาทำเป็นหัวเชื้อขยายปริมาณให้เพิ่มมากขึ้น
ปู๊นน ปู๊นน
"แจ้งผู้โดยสารทุกท่าน ขณะนี้ขบวนรถไฟที่ท่านกำลังโดยสารอยู่ กำลังจะเข้าเทียบท่าชานชาลาปลายทางที่เมืองปักกิ่ง ขอให้ผู้โดยสารทุกท่านตรวจสอบสิ่งของของท่านให้เรียบร้อยก่อนลงจากขบวนรถไฟด้วยค่ะ"
ซานเฉียวกับทุกคนในครอบครัวเมื่อได้ยินเสียงประกาศก็รีบออกมาเตรียมตัวลงจากขบวนรถ แม้ว่าจะช้ากว่าคนอื่นแต่ก็ไม่ต้องไปเบียดเสียดกับใคร ทั้งยังสะดวกสำหรับปู่กับย่าที่เดินเร็วไม่ค่อยได้
"ไปกันเถอะครับย่า ไหวไหมครับ"
ซานหลางรีบเอ่ยถามผู้เป็นย่าด้วยความเป็นห่วง เพราะตอนนี้เป็นช่วง 7 โมงเช้าผู้คนจึงพลุกพล่านมากเป็นพิเศษ
"ย่าเดินไหว ไปกันเถอะลูก ย่าอยากเห็นบ้านเดิมจะแย่แล้ว ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง"
แม่เฒ่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เดิมทีบ้านหลังนี้เป็นบ้านที่นางกับสามีช่วยกันซื้อก็จริง แต่ญาติพี่น้อง รวมไปถึงครอบครัวของทั้งสองฝ่ายก็อยู่ที่นี่กันหมด เพราะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นางกับสามีจึงตัดสินใจย้ายไปอยู่ที่ชนบทตามที่ครอบครัวของลูกสะใภ้ออกปากชวน
"โอ๋ ๆ ไม่ร้องไห้นะคุณย่าของหนู ได้กลับบ้านแล้ว ร้องไห้ขี้มูกโป่งเป็นเด็กไปได้"
"เดี๋ยวเถอะ โตแล้วมาว่าย่าได้เหรอ"
สองย่าหลานหยอกล้อกันในระหว่างที่ซานเฉียวประคองย่าของเธอแล้วพาเดินออกไปที่หน้าสถานีรถไฟ ทางด้านคุณปู่ก็มีพ่อกับแม่ของซานเฉียวคอยดูแล
ส่วนซานหลางจึงรีบเดินนำทางออกไปหารถรับจ้างเพื่อพาทุกคนออกจากตัวเมืองไปที่หมู่บ้าน แม้จะจากมานานแค่ตอนนั้นซานหลางก็อายุ 15 ปีแล้ว เขาจึงพอจะจำทุกอย่างได้ดี
"ลุงครับ แถวนี้มีรถให้เช่าไปหมู่บ้านแถวชานเมืองไหมครับ"
ซานหลางรีบเดินไปถามคนขายของที่อยู่บริเวณในสถานีรถไฟ เพื่อจะได้นำทางทุกคนถูก
"มีสิเจ้าหนุ่ม เดินออกไปข้างหน้าแล้วเดินไปทางขวามืออีกไม่ไกล แถวนั้นจะมีสามล้อเครื่องใช้เช่าเหมาคันอยู่"
"ขอบคุณครับลุง"
พอได้คำตอบที่น่าพอใจซานหลางก็รีบเดินกลับไปหาทุกคน แล้วนำทางทุกคนออกไปที่จุดเช่ารถรับจ้าง
"จะไปไหนเหรอพ่อหนุ่ม มาเป็นครอบครัวใหญ่เช่ารถลุงไปก็ได้นะ"
"ผมกับครอบครัวจะไปหมู่บ้านเทียนฉินแถวชานเมือง ลุงคิดค่าโดยสารเท่าไหร่ครับ"
"อ้อ หมู่บ้านเทียนฉันลุงคิด 3 หยวน เหมือนจะไม่ค่อยไกลแต่ก็เกือบสิบกิโลอยู่นะ"
"ตกลงครับ อาเฉียวพาปู่กับย่าขึ้นรถเลยเร็วเข้า"
พอตกลงราคาค่าโดยสารได้ทุกคนก็รีบขึ้นรถแล้วออกเดินทางทันที
"ค่ะพี่ใหญ่ ย่าขึ้นระวังหน่อยนะ จับแขนหนูไว้"
"จ้า ๆ "
เกือบ 30 นาทีที่สามล้อเครื่องพอทุกคนเคลื่อนไปตามถนนสายหลักของเมืองหลวงอันกว้างใหญ่ รถรารวมไปถึงผู้คนที่นี่ถือว่ามากกว่าเมืองที่พวกเขาจากมาหลายเท่าตัว ซานเฉียวแอบเห็นปู่กับย่าจับมือกันไว้แน่น ดวงตาของท่านเอ่อคลอด้วยน้ำสีใสแต่พยายามทำเป็นเข้มแข็ง
กระทั่งออกมาถึงนอกเมืองสามล้อเครื่องจึงเลี้ยวไปตามทิศทางที่พ่อเฒ่าฮั่วบอก ไม่นานรถที่ทุกคนนั่งก็มาหยุดอยู่หน้าบ้านที่มีป้ายติดอยู่ว่าบ้านสกุลฮั่ว ซานเฉียวมองผ่านรั้วเข้าไปก็พบว่ามีเนื้อที่มากพอสมควร แม้ตัวบ้านจะทรุดโทรมไปตามกาลเวลา แต่น่าแปลกที่บ้านไม่ได้รกร้าง เหมือนมีคนคอยดูแลตัดหญ้าและตัดต้นไม้ให้อย่างดี
"หลังนี้ถูกต้องไหม?"
"ใช่ครับลุง จอดตรงนี้เลยครับ"
"ได้เลย"
พอทุกคนลงรถได้ซานเฉียวก็รีบน้ำค่าโดยสารไปจ่ายทั้งหมด 5 หยวน
"ค่าโดยสารจ้ะลุง"
"มันเกินกว่าที่เราตกลงกันไว้นะหนู"
"ไม่เป็นไรค่ะลุง ถือว่าหนูช่วยค่าน้ำมัน ขากลับลุงต้องตีรถเปล่ากลับไป เผื่อโอกาสหน้าได้ใช้บริการลุงอีก"
"ได้ลูกได้ ขอบใจมากนะ งั้นลุงกลับก่อนล่ะ"
หลังจากคนขับสามล้อเครื่องกลับไปทุกคนจึงมากันเดินไปเปิดประตูรั้วหน้าบ้านด้วยความแปลกใจ
"ตาเฒ่า มีใครมาอยู่บ้านเรารึเปล่า ทำไมที่นี่เหมือนมีคนมาดูแลอย่างดีเลยล่ะ"
แม่เฒ่าฮั่วเอ่ยถามสามีที่อยู่ข้างกาย ทางด้านฮั่วซานถังกับลูกชายจึงถือโอกาสเดินเข้าไปสำรวจในตัวบ้าน แต่ก็พบว่าถูกปิดล็อกเอาไว้อย่างดี
"ในตัวบ้านยังถูกล็อกไว้นะครับย่า ดูเหมือนจะไม่ได้เปิดนานแล้วด้วย"
ซานหลางรีบตะโกนออกมาบอกปู่กับย่าที่เป็นกังวลใจ กลัวว่าจะมีผู้ลุกล้ำเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต
"เดี๋ยวฉันจะเดินไปหาอาอวิ๋นสักหน่อย อย่างน้อยก็ควรถามให้รู้เรื่อง"
พูดจบพ่อเฒ่าฮั่วก็เดินไปยังบ้านข้าง ๆ ที่ติดบ้านเอาไว้ว่าบ้านสกุลเสิ่น เพื่อไปหาเพื่อนรักที่ไม่ได้พบเจอกันมานานกว่า 20 ปีโดยมีฮั่วซานถังเดินตามไปด้วยอีกคนหนึ่ง
ป้อมยามหน้าบ้านสกุลเสิ่น
"มาหาใครครับ"
"รบกวนหน่อยพ่อหนุ่ม พอดีตาเป็นเจ้าของบ้านข้าง ๆ อยากจะมาพบเสิ่นอวิ๋นซักหน่อย เค้ายังอยู่สุขสบายดีใช่ไหม?"
ระหว่างทั้งคู่เดินไปถึงก็พบว่ามีรถของนายทหารกำลังขับออกมาพอดี
"ท่านสบายดีครับ เดี๋ยวผมพาเข้าไปพบท่านครับ นั่นรถของท่านนายพลมาพอดี ผมขอไปเปิดประตูสักครู่นะครับ"
ขณะที่คนงานกำลังจะวิ่งไปเปิดประตูบ้าน เสิ่นตงหยางที่อยู่บนรถกำลังจะไปทำงาน พอเห็นว่าใครที่ยืนอยู่หน้าบ้านก็รีบลงมาทักทายอย่างรวดเร็ว
"คุณปู่ฮั่วกับลุงซานถังใช่ไหมครับ สวัสดีครับ ไม่ได้พบกันนานเลย จำผมได้ไหม ผมอาหยางไงครับ"
พ่อเฒ่าฮั่วต้องพินิจมองชายหนุ่มตรงหน้าอยู่พักใหญ่กว่าจะจำหลานชายของสหายได้ เวลามันผ่านมาตั้ง 20 ปีแล้ว ไม่ว่าอะไรก็ไม่เหมือนเดิมสักอย่าง
"อ้าว อาหยางเองเหรอ ฮ่า ฮ่า ฮ่า หล่อขึ้นจนปู่จำแทบไม่ได้เลยนะเนี่ย"
"จริงด้วยครับพ่อ ผมก็จำอาหยางแทบไม่ได้ แต่ก่อนผอม ๆ สูง ๆ ไม่เห็นจะมีวี่แววว่าจะล่ำบึ๊กขนาดนี้เลย"
"คุณลุงอย่าชมผมเลยครับ เพราะหน้าที่การงานทำให้ร่างกายของผมต้องแข็งแกร่งตามไปด้วย ว่าแต่ครั้งนี้กลับมาเยี่ยมบ้านเหรอครับ เข้าไปข้างในก่อนดีกว่า คุณปู่ก็อยู่ข้างในพอดี"
"ไป ๆ มาครั้งนี้กะว่าจะกลับมาอยู่เลย แต่เห็นบ้านดูเหมือนมีคนคอยดูแลให้อยู่ตลอดก็เลยจะเข้าไปถามอาอวิ๋นซะหน่อย"
เสิ่นตงหยางสั่งให้ลูกน้องเอารถไปเก็บ ก่อนที่เขาจะเดินไปเป็นเพื่อนปู่ฮั่วกับลุงซานถังของเขา
"อ๋อ คุณปู่ให้คนดูแลตัดหญ้าให้อยู่ตลอดครับ แต่ในตัวบ้านไม่ได้เข้าไปยุ่ง ผมว่าถ้าจะอยู่จริง ๆ คงต้องดูเรื่องโครงสร้างกันอีกรอบ"
"ปู่ก็คิดอยู่เหมือนกัน ว่าแต่อาหยางพอจะรู้จักช่างแนะนำให้ปู่หน่อยไหมลูก เผื่อว่าปู่อยากจะซ่อมแซมหลังคาใหม่"
"มีครับคุณปู่ งั้นเดี๋ยวผมจะบอกให้เค้าออกมาหาวันนี้เลย ระหว่างนี้ปู่มาพักที่บ้านผมก่อนก็ได้นะครับ อ้อ ผมลืมถามไปเลย แล้วคุณย่า คุณป้าแล้วก็ซานหลางล่ะครับ ไม่มาด้วยเหรอ แล้วยัยหนูตัวน้อยของผมตอนนี้โตรึยังครับ"
เดินคุยกันจนมาถึงตัวบ้านเสิ่นตงหยางเพิ่งนึกได้ว่ายังมีสมาชิกคนอื่นที่เขายังไม่พบหน้า
"รออยู่ที่บ้านโน้นแหละลูก เดี๋ยวเสร็จธุระทางนี้ค่อยไปหาก็ได้"
"ทำแบบนั้นได้ที่ไหนกันครับ เดี๋ยวผมจะไปตามทุกคนมานั่งพักที่นี่ก่อน คุณปู่เข้าบ้านก่อนนะครับ ปู่ครับปู่ ออกมาหน้าบ้านหน่อย ดูสิครับว่าใครมา"
นายท่านเสิ่นอวิ๋นรีบเดินออกมาหน้าบ้านด้วยความสงสัย โดยมีหลายชายตัวน้อยเดินขนาบข้างไม่ห่าง
"เอะอะอะไรอาหยาง ใครมา ปู่นึกว่าหลานไปทำงานแล้วไม่ใช่เรอะ อะ..อาเหมียน นี่นายจริง ๆ เรอะ มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ เข้ามาก่อนเร็วเข้า"
"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันดีใจที่นายยังอยู่นะอาอวิ๋น นึกว่านายไปอยู่บนสวรรค์ก่อนฉันซะแล้ว"
"เรื่องอะไรฉันจะไปก่อน ฉันไม่ได้รีบขนาดนั้น ไป ๆ เข้าบ้านก่อน ว่าแต่คนอื่นไม่มาด้วยเหรอ"
ปู่ฮั่วกับปู่เสิ่นกอดทักทายกันเสร็จก็เตรียมจะเข้าไปในบ้าน ทว่าปู่เสิ่นก็นึกขึ้นได้ว่ายังมีครอบครัวของสหายที่ไม่ได้ตามมาด้วย
"รออยู่หน้าบ้าน"
"ไปรออะไรตรงนั้น อาหยางรีบไปตามทุกคนเข้ามาพักก่อนเร็วเข้า อาเง็กไปเตรียมกับข้าวเพิ่มอีกหลาย ๆ อย่างออกมารับแขกเร็วเข้า"
"เจ้าค่ะนายท่าน"
"งั้นผมออกไปตามทุกคนนะครับปู่"
"ได้ ๆ รีบไปเร็วเข้า"
"พ่อฮะ ผมไปด้วย"
เสิ่นตงหยางกำลังจะหมุนตัวเดินออกไปแต่เสียงเล็ก ๆ ของเจ้าลูกชายตัวแสบก็ดันเรียกเอาไว้ซะก่อน ครั้งนี้เขาก็เลยมีเพื่อนเดินร่วมทางทั้งที่ยากนักหนาที่ลูกชายจะยอมไปไหนมาไหนกับเขา เพราะส่วนมาเจ้าตัวป่วนจะชอบอยู่กับคุณทวดซะมากกว่า
"คิดยังไงถึงขอไปด้วย"
"เผื่อมีคนสวย ผมก็ต้องบริหารเสน่ห์เป็นธรรมดา"
ตงหยางอยากจะร้องออกมาดัง ๆ ว่าฟังเอาเถอะ นี่คือคำพูดของเด็ก 5 ขวบจริง ๆ ใช่ไหม
"เหอะ ไม่เห็นจะหล่อ"
"เดี๋ยะเหอะ พ่อก็ไม่หล่อไปกว่าผมหรอก หล่อจริงสาวคงไม่ทิ้งไป ฮะ ฮะ ฮะ"
พูดจบเจ้าหนูหาวห่าวก็วิ่งไปที่หน้าประตูรั้วแล้วตรงไปที่บ้านข้าง ๆ ทันที ทิ้งไว้เพียงบิดาที่เดินตามหลังด้วยใบหน้าขมึงทึง กระทั่งเจ้าตัวเล็กวิ่งไปถึงบ้านข้าง ๆ ก่อนเขาแล้ว
"สวัสดีฮะ สวัสดีฮะทุกคน หู้วววว พี่สาวคนสวย สนใจมาเป็นหม่าม๊าของหาวห่าวไปฮะ ตำแหน่งนี้ไม่ใช่ว่าใครก็จะเป็นได้นะ ต้องผ่านการคัดเลือกจากหาวห่าวเท่านั้น"
เสิ่นตงหยางเดินมาทันได้ยินคำพูดของลูกชายก็เลยดุเจ้าตัวป่วนพอเป็นพิธี ก่อนที่เขาจะกลืนคำพูดของตัวเองลงคอไปแทบไม่ทัน
"หาวห่าวเสียมารยาท.... เออะ เอ่อ สวัสดีครับคุณย่า สวัสดีครับคุณป้า"
ทุกอย่างต้องชะงักลงเมื่อตงหยางได้เห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยในจังหวะที่เธอกำลังเงยหน้าขึ้นด้วยรอยยิ้ม แสงแดดอ่อน ๆ ลอดกิ่งไม่กระทบใบหน้านวล ในยามที่เธอหันมาตามเสียง มันเป็นความบังเอิญที่ทำให้เสิ่นตงหยางเสียอาการจนพูดติดขัดอยู่หลายครั้ง
"สวัสดี อาหยางเหรอลูก โอ้โห โตเป็นหนุ่มหล่อมากเลยนะเนี่ย ย่าแทบจะจำหลานไม่ได้เลย"
"ครับคุณย่า คุณปู่ให้ผมมาชวนทุกคนไปพักที่บ้านก่อนครับ ว่าแต่ซานหลางล่ะครับคุณป้า"
ตงหยางทำทีเป็นหันหาสหายแต่ความจริงก็มีอยู่หลายครั้งที่เขาแอบมองหญิงสาวที่เล่นอยู่กับลูกชายของเขา เขาแทบไม่อยากเชื่อว่าเธอคือหนูน้อยที่เขาเคยอุ้มเดินเล่นไปมาเมื่อครั้งยังเด็ก
"มาโน่นแล้วลูก"
"อาหยาง ไม่เจอกันนานสบายดีไหม"
ฮั่วซานถังรีบเดินเข้ามากอดสหายของตนที่ไม่ได้เจอกันนาน ตอนนั้นเพื่อนในห้องเรียนมีที่สนิทกันอยู่หลายคน แต่พอย้ายไปอยู่ที่อื่นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย
"สบายดี ว่าแต่นายแต่งงานมีครอบครัวรึยัง"
"ยังเลย รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางก่อนค่อยคิดเรื่องนี้ ว่าแต่นายเถอะ ลูก 1 แล้วใช่ไหม เจ้าหนูนี่หน้าตาใช้ได้เลยแฮะ"
ทั้งคู่หันไปมองที่หาวห่าวที่กำลังกะหนุงกะหนิงอยู่กับซานเฉียว เพียงไม่นานเจ้าหนูตัวป่วนก็ตีเนียนขึ้นไปนั่งบนตักสาวได้แล้ว
"ลูก 1 แต่ห..."
"แต่ถูกสาวทิ้ง ฮะ ฮะ ฮะ แบบนี้ละฮะทุกคน เพราะความหล่อมาอยู่ที่ผมหมด พ่อน่าสงสารจริง ๆ "
"ฮ่า อุ๊บ!"
ซานเฉียวกำลังจะหลุดขำเพราะคำพูดของเด็กชายตัวน้อยบนตักของเธอ แต่ก็ต้องหยุดทันทีเมื่อเห็นสายตาของพ่อเจ้าตัวน้อยที่ดุเอาเรื่อง
"นั่นซานเฉียว น้องสาวของฉัน นายจำได้ใช่ไหม? อาเฉียวรีบทักทายตงหยางเพื่อนพี่เร็วเข้า"
ซานหลางรีบแนะนำให้สหายรู้จักกับน้องสาว เพราะตอนที่พวกเขาไปจากที่นี่ซานเฉียวยังตัวเล็กกว่าหาวห่าวเสียอีก
"จำได้สิ ตอนนั้นยังตัวเล็ก ๆ แก้มแดง ๆ อยู่เลย กลับมาครั้งนี้โตเป็นสาวแล้ว"
"สวัสดีค่ะพี่ตงหยาง"
"หวัดดีครับ เอ่อ พวกเราไปพักกินข้าวที่บ้านผมก่อนดีกว่า คุณปู่รออยู่ อีกเดี๋ยวผมจะเรียกช่างเข้ามาดูหลังคาบ้านให้ตามที่คุณปู่ต้องการ"
ได้โอกาสตงหยางจึงรีบชวนให้ทุกคนไปกินข้าวที่บ้านก่อน รอจบมื้อเช้าค่อยดูอีกครั้งว่าต้องทำอะไรบ้าง
"ได้ลูกได้ ขอบใจมากนะอาหยาง ป้ารบกวนด้วยนะลูก ว่าแต่แม่ของเราสบายดีใช่ไหม?"
ฮั่วเจินถามหาเสิ่นหลันสหายของตนเมื่อครั้งที่อาศัยอยู่บ้านหลังนี้
"ไม่รบกวนเลยครับคุณป้า แต่ว่าคุณแม่กับคุณพ่อท่านกลับไปอยู่บ้านเดิมที่ต่างเมืองแล้ว การค้าที่นั่นไม่มีใครดูแลเลยต้องไปควบคุมด้วยตัวเอง หนึ่งปีผมจะไปเยี่ยมท่านครั้งสองครั้งครับ เดี๋ยวเชิญทุกคนที่บ้านเลยดีกว่า"
"จ้ะ ๆ"
ฮั่วเจินคิดว่า 20 ปีที่ผ่านมาคงมีเรื่องราวเกิดขึ้นไม่น้อย นางจึงไม่เร้าหรือถามอะไรต่อ จากนั้นทุกคนก็พากันเดินไปพักกินข้าวที่บ้านสกุลเสิ่นก่อน และพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันอยู่พักใหญ่
แสบนะเจ้าตัวเล็ก ดักทางพ่อเก่งซะด้วย