วันต่อมา
รุ่งทิวาเปลือยหน้าสดไปทำงาน ไม่มั่นใจฝีมือการแต่งหน้าของตัวเอง จึงตั้งใจจะไปขอร้องให้พี่ริสาช่วยสอน เพราะหน้าสดไม่เข้ากับชุดเดรสสีหวานที่ใส่อยู่ เลยเลือกหยิบแว่นมาสวม เอาคอนแทคเลนส์ที่พอดีกับค่าสายตาติดกระเป๋าไปด้วย เธอเริ่มชินกับการไม่ใส่แว่นแล้ว และการใส่คอนแทคเลนส์ก็ทำงานสะดวกกว่า
ทันทีที่โผล่ใบหน้าไปถึงชั้นผู้บริหาร เลขาสาวรุ่นพี่ก็ร้องเสียงหลงทักทาย เดินเข้ามาลากเธอไปแต่งหน้าอย่างรวดเร็ว รุ่งทิวารู้สึกชื่นชมริสามาก เป็นคนที่เก่งรอบด้านจริงๆ แม้จะดุดันและจริงจังสุดๆ แต่นั่นคงเพราะต้องการเคี้ยวเข็นให้เธอเป็นคนที่เหมาะกับตำแหน่งผู้ช่วย
“วันหลังพี่จะไม่แต่งให้แล้วนะ ต้องฝึกแต่งเองบ้าง ถ้าไม่มีพี่แล้ว จะได้ทำเป็น”
แม้จะไม่มีรอยยิ้มส่งมาให้ รุ่งทิวาก็รู้สึกว่าคนตรงหน้ากำลังพูดอย่างเป็นมิตร นึกสงสัยอยู่เสมอ ว่าทำไมพี่ริสาถึงพูดแบบนั้น แต่ไม่กล้าถาม ได้แต่พยักหน้าให้
“ขอบคุณค่ะ อ่า พี่ริสาคะ วันนี้รุ้งขอกลับหนึ่งทุ่มได้ไหมคะ”
ถามอย่างเกรงใจ เธอนัดกับวชิราตอนทุ่มครึ่ง กลัวว่างานจะยุ่งจนเป็นแบบเมื่อวาน ต้องขออนุญาตก่อน หวังอยู่ในใจลึกๆ ขอให้ตัวเองไปตามนัดได้
“มีธุระเหรอ?”
“ค่ะ”
“พี่ก็ไม่รู้สิ ปกติงานเลขาก็ไม่ค่อยมีอะไรตายตัวอยู่แล้ว ช่วงนี้ยุ่งจริงๆแหละ เพราะเป็นต้นเดือน ลองไปถามท่านประธานดูนะ เพราะพี่ไม่รู้จริงๆ วันนี้พี่น่าจะได้อยู่ดึกด้วย”
ริสาโบ้ยให้รุ่งทิวาไปถามเจ้านายเอง งานเลขายุ่งจริงๆ แต่งานผู้ช่วยไม่เท่าไหร่ เจ้านายอาจจะใจดีก็ได้ ถ้าหากรุ่งทิวาไปขอด้วยตัวเอง
“ได้ค่ะ”
รุ่งทิวาสูดลมหายใจเข้าปอด เธอมาทำงานก่อนเวลากว่าสิบห้านาที แต่พี่ริสามาก่อนหน้าเธอ และท่านประธานก็ด้วย วันนี้เครื่องปรับอากาศภายในห้องใหญ่ของเจ้านายทำงานแล้ว บ่งบอกว่าตอนนี้เจ้านายอยู่ในห้องทำงาน รุ่งทิวาเคาะประตูให้สัญญานสองที ก็ผลักประตูเข้าไปข้างใน
ใบหน้าหล่อเหลามีแว่นสายตาปกปิด รุ่งทิวามองอย่างชื่นชม เจ้านายของเธอตอนเป็นหนุ่มแว่นก็ยังดูหล่อ เพราะเจ้านายไม่เงยหน้าขึ้นจากเอกสารเลย รุ่งทิวาจึงต้องขยับเดินเข้าไปใกล้กว่าเดิม ไม่กล้าเอ่ยปากเรียก เพราะไม่รู้ว่านั่นจะเป็นการรบกวนสมาธิของเจ้านายหรือเปล่า ปกติเข้ามาท่านจะเงยหน้ามองอยู่เสมอ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเจ้านายในมุมจริงจังกับการทำงาน
“มีอะไรคุณรุ้ง?”
ถามทั้งๆที่ไม่เงยหน้าจากเอกสาร สายตาอยู่ที่ตัวหนังสือ แต่สมองกลับจดจ่ออยู่ที่กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ หรือไม่ก็คงเป็นกลิ่นหอมของยาสระผม กลิ่นที่ทำให้รู้ว่าเป็นรุ่งทิวา ไม่ใช่ริสา ผู้หญิงที่มีกลิ่นน้ำหอมแบรนด์ดังเป็นกลิ่นประจำตัว
“วันนี้ดิฉันขอกลับตอนหนึ่งทุ่มได้ไหมคะ”
ถามเสร็จก็ก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม ต่างจากใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ วายุภักษ์เงยหน้าขึ้นไปมอง เมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานชัดเต็มสองตา ก็แอบยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ
ริสาทำงานดี ทำงานเก่ง รู้ใจเขาไปหมดทุกอย่าง เสียดายที่เธอกำลังจะลาออก เพื่อไปแต่งงานกับหนุ่มนักธุรกิจชาวต่างชาติ
“มีธุระเหรอ?”
ดวงตาคู่คมไล่สำรวจใบหน้าเสร็จก็เลื่อนต่ำลงช้าๆ ผ่านลำคอเรียวระหง ไหปลาร้า หยุดลงเมื่อถึงเนินเนื้ออวบอิ่ม กดสายตาลงต่ำอย่างรีบร้อน จากนั้นค่อยสำรวจชุดต่อ หัวใจเต้นผิดจังหวะไปเยอะ แต่ก็กลับมาอยู่ในการควบคุมโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
“ค่ะ”
“สำคัญ?”
“ค่ะ”
รุ่งทิวาเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดพรายตามใบหน้า ถ้าหากบอกว่าสำคัญ มันก็สำคัญทั้งคู่ ทั้งงาน ทั้งเดต เธอเลือกไม่ได้เลยว่าอันไหนสำคัญกว่ากัน
“อืม…ผมให้กลับก่อน”
“ขอบคุณค่ะ”
รอยยิ้มดีใจฉายออกมา ทำให้บรรยากาศภายในห้องสดใสขึ้น แต่คนมองเห็นรอยยิ้มของเธอ กลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย โลกของเขามันหม่นลง เมื่อเห็นท่าทางดีใจนั้นของเธอ
เขารู้ว่ารุ่งทิวามีคนรักอยู่แล้ว เป็นผู้ชายที่เขารู้จักดีทีเดียว แต่ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเธอได้ สำรวจจากการแต่งตัวของเธอดูแล้ว คงไม่แคล้วไปออกเดตกับผู้ชายคนนั้น อยากจะห้ามมากกว่า แต่เขาเลือกที่ปล่อยไป ได้แต่หวังอยู่ในใจ ว่าอย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเธอ
19:25 น.
Nightmares Club
ร่างสูงเพรียวในชุดเดรสสีชมพูอ่อน ที่เลือกเฟ้นมาใส่ตั้งแต่เช้า ก้าวเดินอย่างรีบร้อน เข้าไปในสถานบันเทิงย่านดังประจำจังหวัด มองหาจุดที่คนรักนัดไว้ เมื่อเห็นว่าเขามาถึงที่หมายแล้ว ก็รีบเดินเข้าไปใกล้ทันที
วชิรา ชายหนุ่มวัยสามสิบ จ้องมองสาวสวยที่กำลังเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะแสยะยิ้มไม่ให้เห็น มองทุกท่วงท่าของผู้หญิงหัวอ่อน มุมปากกระตุกสูงขึ้น เลื่อนแก้วเหล้าที่ชงเสร็จแล้วไปไว้ตรงหน้า เมื่อรุ่งทิวานั่งลงฝั่งตรงข้าม
“พี่ไวท์มาถึงนานแล้วเหรอคะ”
“สักพักครับ ดื่มสักหน่อยไหม รีบมาเหรอ เหงื่อเต็มเลย”
แม้ใบหน้าเธอจะมีเหงื่อผุดพรายเต็มใบหน้า แต่ใบหน้าที่สวยผิดปกติ ยังดูดีจนเผลอจ้องมอง ไม่มั่นใจว่าคนสวยตรงหน้า ใช่รุ่งทิวาจริงหรือเปล่า ยัยจืดนี่ไปทำอะไรมา หรือว่าผีอะไรเข้าสิง ถึงได้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง
ถ้าหากว่าเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เริ่มคบกัน เขาคงไม่มีคนอื่นหรอก แต่ช่างเถอะ ถึงจะสวยขึ้น ก็ใช่ว่าลีลาจะดีขึ้นนี่นา
รุ่งทิวายกแก้วเหล้าขึ้นดื่มแก้กระหาย เธอรีบมาจริงๆ เพราะออกมาช้ากว่าที่แจ้งไว้ถึงห้านาที แม้ร้านนี้กับบริษัทที่ทำงานอยู่ จะห่างกันแค่ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร แต่เธอไม่มีรถไง นี่ก็พยายามเดินสลับกับวิ่งหวังให้มาถึงก่อน แต่ก็มาช้ากว่าเขาอยู่ดี
รุ่งทิวาไม่เคยเข้าใจ ว่าทำไมผู้ชายที่เพียบพร้อมทั้งรูป และทรัพย์อย่างวชิรา ถึงมาขอคบกับเธอ เขาน่าจะมีคนมาชอบมากมาย เธอหาเหตุผลไม่ได้ อาจจะเป็นเพราะว่า ไม่อยากคิดหา ให้มันบั่นทอนจิตใจด้วยแหละมั้ง
“วันนี้รุ้งสวยมากเลยนะ ตั้งใจแต่งสวยมาเจอพี่เหรอ”
เอ่ยแซวจนใบหน้าสวยแดงก่ำ รอยยิ้มมุมปากขยับขึ้นสูง ลุกขึ้นไปนั่งฝั่งเดียวกัน ยกมือพาดไว้บนไหล่เล็ก ก้มลงกระซิบบางอย่าง จนใบหน้าสวยแดงหนักกว่าเดิม
“คืนนี้พี่ว่างทั้งคืนเลยนะ”
“อย่างนั้นเหรอคะ”
รุ่งทิวาตอบเสียงอ้อมแอ้ม เธอเตรียมใจมาบ้างแล้ว ว่าการนัดเจอกัน มันคงหนีไม่พ้นเรื่องนั้นแน่ แต่มันก็ยังรู้สึกตื่นเต้น และที่สำคัญคือเธอรู้สึกกลัว ครั้งแรกกับเขามันทรมานมาก มากซะจนเธอไม่ยอมให้เขาทำครั้งที่สอง และเป็นแบบนั้นมาจนถึงตอนนี้ เธอปฏิเสธที่จะมีอะไรกับเขามาโดยตลอด
“จะปฏิเสธพี่อีกเหรอ? ครั้งนี้พี่ไม่ยอมให้แล้วนะ”
กดริมฝีปากลงบนไหล่เบาๆ ครั้งแรกของเธอ เขาวู่วามไปหน่อย เผลอทำรุนแรงจนเธอฝังใจว่ามันเจ็บ ก็นะ เขาไม่คิดว่าเธอจะยังไม่เคยนี่นา ก็เลยไม่ใส่ใจเท่าไหร่ แต่ครั้งนี้เขาจะลองใส่ใจดู เธออาจจะลีลาดีกว่าครั้งแรกก็ได้
“กะ ก็ได้ค่ะ”
รุ่งทิวาขนลุกไปทั้งตัว ตอบเสียงอ้อมแอ้ม ยกเหล้าที่เหลือขึ้นดื่มจนหมด วชิราหยิบแก้วใบนั้นมาชงเหล้าให้เธอใหม่ ไม่ได้ใส่อะไรลงไปเพิ่ม เพราะเท่าที่ใส่ลงไปก่อนหน้านั้น ก็เยอะเกินไปแล้ว ซ้ำยังไม่ต้องเสียแรงล่อลวงอะไรมากมายอย่างที่กังวล จะไปเลยตอนนี้ก็ได้ แต่เขายังอยากดื่มอยู่ รู้สึกตื่นเต้นนิดๆ คิดไม่ถึงว่ายัยจืดจะสวยได้ขนาดนี้