แพรวา
เย่ๆๆๆ ฉันไม่คิดเลยว่าคุณติณณภพเค้าจะรับฉันง่ายขนาดนี้ เค้าไม่ได้ถามคำถามอะไรที่เกี่ยวกับความรู้เลยสักคำถามเดียว แต่กลับถามคำถามอะไรก็ไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเฉยเลย แต่ช่างเถอะแค่เค้ารับฉันแล้วฉันก็ดีใจสุดๆไปเลย ตั้งแต่ออกจากบริษัทจนจะถึงบ้านนี่ยังหุบยิ้มไม่ลงเลยจริงๆ
แต่จะว่าไปคุณติณณภพก็หล่อมากเลย ไม่เหมือนกับที่ฉันคิดภาพไว้เลยว่าต้องหัวล้านลงพุง แต่กลับตรงกันข้าม เพราะเค้าทั้งหล่อ สุขุม ภูมิฐาน และเท่ห์สุดๆไปเลยแหละ
“นี่ค่ะ” ฉันยื่นเงินให้แท็กซี่ที่มาส่งถึงหน้าบ้านก่อนจะเดินเข้าไปหาพ่อกับแม่ด้วยรอยยิ้ม
“กลับมาแล้วจ้า” เหมือนเดิมที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเมื่อกลับบ้านมาต้องบอกให้คนที่บ้านรู้
“เสียงมาก่อนตัวตลอดลูกสาวฉัน” และเสียงบ่นไม่จริงจังของแม่ก็เป็นเสียงตอบรับอย่างดีเหมือนเคย
“เป็นไงลูก สัมภาษณ์ได้ไหม” พ่อถามออกมา
“นี่แพรวาลูกพ่อสองแม่ปลื้มนะจ้ะ ไม่เคยมีคำว่าพลาด” ฉันตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มภูมิใจ
“หมายความเค้ารับทำงานแล้วหรอ” แม่ถามด้วยความตื่นเต้นทันที
“ใช่แล้ว แล้วก็เริ่มงานพรุ่งนี้แล้วด้วย”
“เก่งจริงๆลูกพ่อ แบบนี้ต้องฉลอง” พ่อพูดขึ้น
“จัดไปสิจ้ะ” ฉันเห็นด้วยกับพ่อทันที
“เอาอะไรดีสุกี้ หรือหมูย่างดี” พ่อเสนอ
“เอาสุกี้ดีกว่า ทันกินกว่า ฮ่าๆๆ” ฉันบอกพ่อออกไป เพราะหมูย่างเวลาหิวๆนะเนื้อสุกไม่ทันกิน
“จัดไปอย่าให้เสีย” แม่พูดอีกคน
“งั้นเดี๋ยวแพรไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วไปเก็บผักหลังบ้านนะจ้ะ” ฉันบอกก่อนจะลุกเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก็อย่างที่บอกว่าบ้านฉันปลูกต้นไม้เยอะ ทั้งพืชผักสวนครัว ไม้ดอกไม้ประดับเต็มไปหมด แบบว่าอยากกินผักอะไรเดินไปสวนหลังบ้านได้เลย
และอาหารมื้อนี้ของบ้านฉันก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะเหมือนอย่างเคยทุกวัน นี่แหละความสุขที่เงินหาซื้อไม่ได้
วันต่อมา...
วันนี้เป็นวันทำงานวันแรกของฉัน ซึ่งแน่นอนว่าพี่ดาวเดือนให้ฉันไปกลับกับพี่เค้าจนกว่าพี่เค้าจะออกโดยไม่มีข้อแม้ ฉันเลยไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกไปหลังจากโดนคำสั่งนั้นไป
“สวัสดีค่ะคุณติณ” เสียงพี่ดาวเดือนพูดพร้อมกับลุกขึ้นไหว้
“สวัสดีค่ะ” ฉันเลยลุกขึ้นไหว้ตาม เพราะเมื่อกี้มัวแต่ก้มหน้าอ่านเอกสารอยู่
“ครับ เดี๋ยวเธอเข้าไปพบฉันข้างในด้วย” คุณติณณภพรับไหว้พวกเราก่อนจะหันมาบอกฉันแล้วเดินเข้าห้องไป
“มีอะไรหรือเปล่าจ้ะ” ฉันหันไปถามพี่ดาวเดือน
“หน้าจะเรื่องสัญญาจ้างนั่นแหละจ้ะ”
“งั้นแพรไปก่อนนะจ้ะ” ฉันบอกก่อนจะเดินไปเคาะห้องคุณติณณภพสามครั้งตามมารยาทก่อนจะเปิดประตูและปิดมันลงเบาๆก่อนจะเดินไปหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานของคุณติณณภพ
“นั่งก่อน”
“ค่ะ” ฉันรับคำแล้วนั่งลงที่เดิมที่มานั่งเมื่อวาน
“นี่สัญญาจ้าง อ่านทำความเข้าใจแล้วเซ็น” คุณติณณภพบอกพร้อมกับยื่นกระดาษมาตรงหน้าฉัน ฉันหยิบมาพลิกตัวเห็นว่ามันหลายแผ่น
“เอาตอนนี้เลยไหมคะ” ฉันถามเผื่อเค้าไม่รีบจะได้ออกไปข้างนอก
“อืม อ่านและเซ็นตรงนี้แหละ” คุณติณณภพบอกออกมา ฉันเลยพยักหน้าเข้าใจและลงมืออ่านสัญญาต่างๆที่มันแสนจะเยอะเหลือเกิน ดีที่ไม่มีข้อไหนมีปัญหาหรือหน้าเลือดเกินไป จะมีก็แต่...
“เอ่อ ฉันต้องมาอยู่คอนโดหรอคะ” ฉันถามคุณติณณภพไปด้วยความไม่เข้าใจ เพราะว่าตอนพี่ดาวเดือนก็ยังเห็นอยู่บ้านปกติ
“ใช่ อีกไม่นานเราจะขยายสาขา ถึงตอนนั้นงานฉันเยอะ และต้องเดินทางบ่อย แน่นอนว่าเธออาจจะเลิกงานดึก ทางที่ดีคือย้ายมาอยู่คอนโดที่บริษัทจัดให้ไม่ไกลจากตรงนี้” คุณติณณภพอธิบายออกมา
“ทราบแล้วค่ะ” ฉันตอบไปอย่างไม่เรื่องมาก คือการย้ายมาอยู่แบบนี้มันไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก สมัยเรียนฉันก็อยู่หอเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้ว พ่อกับแม่ก็ไม่ได้มีปัญหา แต่ฉันก็อยากกลับไปอยู่บ้านกับพ่อแม่ไง แต่ไม่เป็นไรหรอก มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร วันไหนเลิกงานเร็วก็กลับบ้านแค่นั้น
พออ่านและทำความเข้าใจทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉันก็จัดการเซ็นรับทราบและยอมรับข้อตกลงทุกอย่าง
“เรียบร้อยแล้วค่ะ งั้นดิฉันขอตัวนะคะ” ฉันบอกคุณติณณภพ เค้ามองหน้าฉันนิดหน่อยก็พยักหน้าให้ ฉันเลยเดินออกจากห้องเงียบๆมาเรียนรู้งานตัวเองต่อ
วันเวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วจนตอนนี้เวลาล่วงเลยมากว่าสามเดือนแล้วที่ฉันเข้ามาทำงานที่นี่ และพี่ดาวเดือนก็ออกไปได้เดือนกว่าๆแล้ว ฉันก็รับหน้าที่เลขาอย่างเต็มตัวด้วยตัวเองแล้ว
ก๊อก ก๊อก ก๊อก ฉันเคาะประตูห้องทำงานของคุณติณณภพตามมารยาทก่อนจะเปิดเข้าไป
“เอกสารค่ะ สองอันนี้ด่วน” ฉันบอกก่อนจะยื่นแฟ้มสี่เล่มที่ด่วนสองเล่มแยกให้คุณติณณภพเซ็น
“นั่งรอก่อน” คุณติณณภพบอก ฉันก็ทิ้งตัวนั่งตรงข้ามกับเค้า จากที่เคยฟังพี่ดาวเดือนเล่านิสัยคุณติณณภพให้ฟังว่าเวลางานเค้าจะเข้มงวด จริงจัง ทุกอย่างต้องเปะ ตรงต่อเวลา ช่วงแรกๆฉันก็เกร็งๆกลัวๆเหมือนกันนะ แต่เวลาฉันได้เข้าเอาเอกสารมาให้เค้า ได้พูดคุยมาเรื่อยๆฉันยังไม่เห็นความเข้มงวดของเค้าเลย แถมส่วนมากยังชอบถามฉันเรื่องที่บ้านบ่อยๆด้วย จนตอนนี้ฉันไม่กลัวและไม่เกร็งเวลาอยู่กับเค้าสองคนแล้ว
“มองอะไร” เสียงเข้มเอ่ยถามฉันดังขึ้นทำให้ฉันเรียกสติตัวเองกลับมา
“เปล่าค่ะ” ฉันปฏิเสธกลับไป ลืมไปเลยว่าเผลอนั่งมองคุณติณณภพอยู่
“ก็เห็นอยู่ว่ามองฉัน” คุณติณณภพขยับตัวยื่นหน้ามาใกล้แล้วหรี่ตามองฉันอย่างจับผิด
“ฉันก็แค่มองคุณเซ็นเอกสารเองค่ะ” ฉันเลยแก้ตัวไปขุ่น แม้ว่าจริงๆแล้วจะมองแล้วแอบนินทาเค้าอยู่ในใจก็เถอะ
“ก็แล้วไป คิดว่านินทาฉัน” คุณติณณภพตอบพร้อมขยับตัวนั่งเหมือนเดิม
“ใครจะไปกล้านินทาท่านประธานที่เคารพล่ะคะ” ฉันพูดออกไปถึงแม้จะทำไปแล้วก็เถอะอิอิ
“หึ เสร็จแล้ว วันนี้เย็นรอกลับพร้อมฉันนะ” คุณติณณภพบอกพร้อมยื่นแฟ้มมาให้ฉันก่อนจะบอกอีกเรื่อง ซึ่งแน่นอนว่าเค้ามักจะไปส่งฉันที่คอนโดบ่อยๆ ไม่สิเราอยู่คอนโดเดียวกันนี่หน่า ตอนแรกก็เกรงใจแหละ แต่ปฏิเสธไม่ได้ฉันก็เลยขี้เกียดปฏิเสธ ดีสะอีกประหยัดค่ารถตั้งวันล่ะยี่สิบบาท(ที่จริงมันก็ใกล้บริษัทแต่บางวันเหนื่อยขี้เกียดเดินจะนั่งวินไป)
“ได้ค่ะท่านประธานที่เคารพ” ฉันบอกพร้อมกับหยิบแฟ้มบนโต๊ะ ไอ้คำนี้อ่ะ ฉันเรียกติดปากตั้งแต่ทำงานได้สองเดือนแรกอ่ะ ไม่ใช่อะไรหรอก มันมีหลายเรื่องที่เค้าเหมือนจะถามฉันนะ แต่สุดท้ายมันไม่ใช่คำถามแต่เป็นคำสั่ง ฉันก็เลยเรียกเค้าแบบประชดในช่วงแรกๆจนมันติดปากมาทุกวันนี้ไง
“หึ ยัยบ๊อง” เสียงหัวเราะกับคำพูดออกจากปากคุณติณณภพทันที แน่นอนฉันมีฉายาให้เค้า เค้าก็มีฉายาให้ฉันเหมือนกัน
“งั้นขอตัวไปทำงานให้ท่านประธานที่เคารพต่อแล้วนะคะ” ฉันยู่หน้าใส่คุณติณณภพก่อนจะเดินออกจากห้อง ผู้ชายอะไรหล่อชะมัด ยิ่งเวลายิ้มด้วยนะโลกทั้งใบแทบหยุดหมุน ถ้าไม่ติดว่าเป็นเจ้านายนะจะเอาคนนี้แหละไปฝากเป็นลูกเขยแม่ อิอิ