ตอนที่6 รอยยิ้มที่สดใส

1766 คำ
ติณณภพ ผมนั่งมองร่างบางของเลขาที่เดินออกจากห้องไปด้วยรอยยิ้ม แพรวาเป็นผู้หญิงคนแรกในรอบเกือบสองปีที่ทำให้ผมยิ้มอีกครั้ง ผมก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไม แต่ความสดใสของเธอมันทำให้ผมรู้สึกมีความสุขและลืมเรื่องเศร้าๆในหัวใจไปได้หมด ถึงแม้ว่าเราจะรู้จักกันได้ไม่กี่เดือน แต่เธอก็ทำให้ผมต้องยิ้มตลอดเวลาที่เธอพูดหรือคุยอะไรออกมา “หึ เธอมันบ๊องจริงๆ” ผมพูดพร้อมกับส่ายหัวเมื่อคิดถึงเวลาแพรวาทำนั่นทำนี่ โดยเฉพาะเวลาทำผิดเธอจะต้องมีรอยยิ้มแห้งๆกับคำพูดแก้ตัวที่ฟังแล้วหน้าสงสารตลอด “เป็นบ้าไปแล้วหรอวะไอ้ติณ” ผมอดว่าตัวเองไม่ได้จริงๆครับ ก็ผมไม่เคยมานั่งคิดถึงใครแล้วยิ้มแบบนี้นี่ ผมสะบัดไล่ความคิดก่อนจะหันมาทำงานของตัวเองต่อ งานก็ค้างเต็มโต๊ะยังจะมานั่งยิ้มอีก หลังจากเคลียร์งานได้สักพักใหญ่ๆจนเสร็จผมยกนาฬิกาข้อมือมาดูเลยเวลาเลิกงานมาแล้วยี่สิบนาที แล้วแม่เลขาจอมบ๊องของผมทำไมไม่มาเคาะเตือนผมวะ หรือว่าจะหนีกลับไปก่อนแล้ว ผมรีบเก็บของบนโต๊ะก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานตัวเองด้วยความรีบร้อน เพราะกลัวว่ายัยบ๊องของผมจะหนีกลับไปก่อนไง ผมอยากกลับกับเธอ และพาเธอไปกินข้าวก่อน แต่พอผมเปิดประตูมาเท่านั้นแหละ ภาพที่ผมเห็นมันทำให้ผมต้องยิ้มออกมา “อะแฮ่ม” ผมเดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะทำงานของแพรวาก่อนจะกระแอมออกมาไม่เบาเท่าไหร่ แต่เหมือนว่าเจ้าตัวจะยังไม่รู้เรื่อง “อะแฮ่ม!” ผมกระแอมอีกครั้งดังกว่าเดิม และมันก็ได้ผล “ค่ะๆ” แพรวาสะดุ้งตื่นขึ้นมาอย่างลนลานก่อนจะเงยหน้ามาเห็นผมที่ยืนหัวเราะอยู่ “แอบหลับก่อนเวลาเลิกงานหรือเปล่า” ผมถามอย่างจับผิด จริงๆแค่อยากแกล้งครับ “ท่านประธานที่เคารพ คุณกำลังใส่ร้ายฉันนะคะ ฉันพึ่งหลับตอนที่รอคุณเอง คุณอ่ะช้าแล้วยังให้ฉันรอ แบบนี้ต้องเสียค่านอกเวลาให้ฉันด้วยนะคะ” ปากเล็กๆนั่นเถียงออกมาพร้อมกับเรียกร้องสิทธิของตัวเอง ทำเอาผมส่ายหัว “งั้นไปหักเอากับค่าอาหารเย็นนี้แล้วกัน” ผมพูดแล้วเดินนำไปที่ลิฟท์ทันที “จริงหรอคะ งั้นฉันเลือกร้านเองนะ รอฉันด้วยสิคุณติณ” เสียงแพรวาดังขึ้นจากด้านหลังอย่างรีบร้อน เพราะตัวเองยังไม่ได้เก็บของไง ผมเดินยิ้มมาที่ลิฟท์ไม่รอเธอ ปล่อยให้วิ่งตามแบบนั้นแหละ “ฉันไม่หนีหรอก” ไม่นานร่างบางก็มายืนหอบอยู่ข้างๆผม ผมเลยหันไปบอกเธอด้วยรอยยิ้มบนหน้าที่มันไม่จางหายไป “ได้ยังไงกันคะ คุณชอบแกล้งฉัน” แพรวาว่าพร้อมยู่หน้าใส่ผมอย่างหน้าเอ็นดู นี่หรอคนอายุยี่สิบห้า เด็กฉะมัด “พูดเป็นเล่น ฉันเคยแกล้งเธอซะเมื่อไหร่” ผมบอกก่อนจะเดินเข้าลิฟท์ไปและกดชั้นล่างสุด “ค๊าๆๆ ประธานที่เคารพไม่เคยแกล้งดิฉันเลยสักครั้งค่ะ” เสียงบ่นของแพรวาดังขึ้นอยู่ข้างๆ ก่อนจะเงียบไป ผมก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจนลงมาถึงข้างล่างเราสองคนก็เดินไปขึ้นรถที่นัทเอามาจอดรอ “สวัสดีค่ะพี่นัท ไปทานข้าวด้วยกันไหมคะ” แล้วยัยบ๊องที่สนิทกับคนไปทั่วก็ไม่ลืมที่จะชวนไอ้นัทที่เป็นทั้งเพื่อนและมือขวาของผม “สวัสดีครับ เชิญคุณแพรตามสบายเลย” นัทตอบกลับก่อนจะเดินไปขับรถตัวเองกลับคอนโดไปพักก่อน แน่นอนว่ามันรู้หน้าที่ตัวเองไม่ไปขัดผมหรอก ตอนที่นัทกับพวกพนักงานคนเก่าๆเจอแพรวาครั้งแรกก็ตกใจไม่ต่างกับผมหรอกครับ ทุกคนก็คิดว่าแพรวาเป็นคนๆเดียวกับ...ช่างเถอะในเมื่อตอนนี้ไม่ใช่แล้วก็ไม่ต้องสนใจแล้ว “ขึ้นรถได้แล้ว” ผมบอกแม่เลขาตัวน้อยก่อนตัวเองจะเดินขึ้นรถฝั่งคนขับ และพาเธอขับหาร้านอาหาร “คุณติณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ” แพรวาถามผมออกมาระหว่างขับรถติด “ไม่อ่ะ เธอจะเลือกร้านไม่ใช่หรอ ตามสบายเลย” ผมบอกออกไปอย่างไม่เรื่องมาก ผมไม่ใช่คนกินอยู่ยากอยู่แล้ว “อืมม งั้นคุณติณทานก๋วยเตี๋ยวข้างทางได้ไหมคะ” แพรวาถาม ว่าแต่ข้างทางหรอ “เธออยากกิน?” ผมถามเธอกลับไป “ค่ะ” “ได้สิ ฉันกินได้หมด” “งั้นคุณติณขับไปเรื่อยๆเลยนะคะ เดี๋ยวฉันบอกทางเอง” แล้วแพรวาก็พูดด้วยรอยยิ้มทันที เลขาของผมเรื่องกินเรื่องใหญ่ครับ หลังจากขับรถตามจีพีเอสส่วนตัวไม่นานก็ถึงร้านก๋วยเตี๋ยวต้มยำข้างทางที่ดูแล้วคนก็เยอะพอสมควร ผมจอดรถข้างทางที่ว่างอยู่ก่อนจะลงตามแพรวาที่มุ่งหน้าไปจับจองที่นั่งก่อนเรียบร้อยแล้ว “เอาหมี่เหลืองต้มยำพิเศษหนึ่งค่ะ คุณติณเอาอะไรคะ” แพรวาสั่งกับเด็กเสริฟก่อนจะหันมาถามผม “เอาเหมือนกัน” ผมบอกออกไป เพราะคนพามาสั่งก็ต้องรู้ว่าอะไรอร่อยสิ “ที่นี่ก๋วยเตี๋ยวต้มยำอร่อยมากเลยนะคะ แต่ถ้าไม่ชอบก็มีน้ำใสให้ด้วย แต่ถ้าคุณติณได้ลองรับรองจะติดใจค่ะ” หลังจากเด็กเสริฟเดินออกไปแพรวาก็หันมาโฆษณาร้านให้ผมฟังทันที “มาบ่อยหรอ” ผมถามออกไป เพราะร้านนี้ก็อยู่ไม่ห่างกับคอนโด “ค่ะ วันไหนที่ฉันกลับเองก็จะแวะร้านนี้ก่อนตลอดเลย” เธอตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม แพรวาเป็นผู้หญิงที่มีรอยยิ้มประดับหน้าตลอดเวลาจริงๆ ไม่ว่าเธอจะพูดหรือทำอะไรดูเธอมีความสุขไปสะทุกอย่าง แล้วมันจะแปลกอะไรที่จะทำให้ผมต้องคอยยิ้มตามเธอตลอดเวลาแบบนี้ “ขออนุญาตค่ะ” ไม่นานเด็กเสริฟก็ยกถ้วยก๋วยเตี๋ยวมาวางให้ผมกับแพรวา “มาแล้วๆ” แพรวาพูดด้วยความตื่นเต้นก่อนจะรับถ้วยก๋วยเตี๋ยวมาทันที และไม่รอช้าเธอลงมือกินโดยไม่ปรุงแม้แต่นิดเดียว “ไม่ปรุงหรอ” ผมถามออกไปอย่างแปลกใจ “ไม่ค่ะ น้ำซุปที่นี่อร่อยถูกปากฉันอยู่แล้วไม่ต้องปรุงเพิ่ม คุณติณลองชิมก่อนปรุงด้วยนะคะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาปรุงเพิ่ม” แพรวาตอบผมออกมาโดยไม่เงยหน้ามามองผมเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้กำลังง่วนอยู่กับการคีบเส้นบะหมี่ ผมเลยหันมาชิมของตัวเองเพราะก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกัน และคำแรกที่ได้ลิ้มลองก็อร่อยของเค้าจริงๆ ไม่แปลกที่แพรวาจะดูชอบขนาดนี้ ร่างบางของเลขาตัวน้อยของผมนั่งกินไม่พูดไม่จากับผมแม้แต่คำเดียวเลยครับ เหมือนกับว่าตรงนี้มีแค่เธอกับถ้วยก๋วยเตี๋ยวตรงหน้าสองอย่างแค่นั้น ผมนั่งกินไปมองแพรวาไปด้วยรอยยิ้มกับท่าทางการกินเหมือนเด็กของเธอจนอดไม่ได้ยื่นมือไปเช็ดริมฝีปากให้เธอ “อ๊ะ” แพรวาตกใจเงยหน้ามามองผมทันที “โตขนาดนี้แล้วยังกินเลอะเทอะเป็นเด็กๆ” ผมพูดก่อนจะชักมือกลับหลังจากเช็ดปากให้เธอเสร็จ “แฮรรร ขอบคุณค่ะ” แพรวายิ้มแห้งตอบกลับมาก่อนจะก้มหน้ากินต่อ จริงๆเลย และเวลาต่อมาไม่นาน ผู้หญิงตัวเล็กๆตรงหน้าก็จัดการกับจานก๋วยเตี๋ยวหมดก่อนผมอีกครับ แล้วเธอก็หันไปเรียกเด็กเสริฟอีกครั้ง “น้องคะ เอาหมี่เหลืองต้มยำธรรมดาอีกหนึ่งค่ะ” “ไม่อิ่ม?” ผมอดที่จะถามไม่ได้ ผมรู้อยู่ว่าแม่เลขาตัวน้อยของผมนี่กินเก่งมาก แต่บางทีเธอก็กินเยอะจนผมก็ไม่รู้ว่าเธอเอาไปเก็บไว้ตรงไหน “จริงๆก็อิ่มแหละค่ะ แต่ว่าฉันกินไปเผื่อคืนนี้ไง จะได้ไม่หิวดึกๆ” เป็นคำแก้ตัวที่ฟังโคตรไม่ขึ้นเลยครับ กินเผื่อคืนนี้ สรุปก็ยังไม่อิ่มนั่นแหละ “อายฉันบ้างก็ได้นะ” ผมแกล้งแหย่เธอไป เพราะทุกครั้งที่ผมพาเธอไปกินข้าวด้วยเธอก็ไม่เคยเขินอายแบบที่ผู้หญิงส่วนใหญ่เค้าเป็นกัน แต่แพรวากลับสนใจแต่อาหารอย่างเดียวเลย “ทำไมต้องอายคะ เรื่องธรรมชาติ เป็นผู้หญิงก็ทานเยอะได้หน่า” แพรวาตอบกลับมาอย่างไม่สนใจ ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจเรื่องว่าเธอกินเยอะกินน้อยอยู่แล้ว ยิ่งเธอกินเยอะผมยิ่งชอบ เห็นแล้วน่ารักดี แต่ก็ยังอยากแกล้งเธออยู่ดี “แต่ฉันเป็นผู้ชายยังกินไปแค่ถ้วยเดียวเอง” “ก็ไม่แน่หรอกอาจจะรักษาภาพพจน์ไว้ก็ได้ พอกลับไปถึงห้องฉันกลัวว่าจะวิ่งเข้าครัวไม่ทันสะอีก” ยังมาหาแนวร่วมกินเยอะเหมือนตัวเองอีก “โอเค ฉันไม่เถียงเธอแล้วก็ได้” ปากเล็กๆนี่ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือคิดถูกที่เอามาเป็นเลขา ขยันหาเหตุผลมาต่อรองนั่นนี่ให้ผมต้องแพ้ตลอดเลย “ดีแล้วค่ะ ถ้าคุณติณไม่อิ่มจะสั่งอีกก็ได้นะคะ ฉันไม่ว่า” จะว่าได้ยังไงครับ อย่าลืมว่าผมจ่าย แล้วยังมีหน้ามายิ้มหวานให้ผมอีก “ฉันจ่ายไหม” โป๊ก “โอ๊ย! ก็แค่เป็นห่วงกลัวจะไม่อิ่มเอง” แพรวาร้องออกมาเมื่อโดนผมยื่นมือไปดีดหน้าผาก พร้อมทำปากยื่นเถียงคำไม่ตกฝากอีก แต่ไม่เถียงว่าน่ารัก ก๋วยเตี๋ยวข้างทางหรอ ก็อร่อยดีนะ “ติณณภพ”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม