แพรวา
“กลับมาแล้วจ้า” เสียงของฉันดังขึ้นเหมือนทุกๆวันที่ออกจากบ้านเพื่อเป็นสัญญาณให้คนในบ้านรับรู้ว่ากลับมาแล้ว
“เป็นสาวเป็นนางโวกเวกเสียงดัง ถ้าหนุ่มๆมาได้ยินก็ขายไม่ออกกันพอดี” แม่ปลื้ม แม่สุดที่รักของฉันบ่นออกมาอย่างไม่จริงจัง
“ขายไม่ออกก็ดีสิแม่ ลูกจะได้อยู่บ้านกับเราไปตลอด” ตามด้วยพ่อสองพ่อสุดที่รักของฉันเหมือนกัน พูดตอบแม่ออกไป
“จริงด้วยจ้ะพ่อ แพรจะได้อยู่กับพ่อกับแม่แบบนี้ตลอดไปเลย” ฉันเข้าไปกอดอ้อนพ่อทันทีที่พ่อพูดถูกใจ
“ได้ยังไง แม่ก็อยากมีหลานอุ้มนะ” แม่แย้งกลับมา
“อะไรกันแม่ แพรพึ่งยี่สิบห้าเอง มีเวลาอีกเยอะ” ฉันแย้งแม่กลับ
“หาแฟนมาแนะนำให้แม่รู้จักสักคนก่อนไหม แม่จะได้เชื่อ” แม่พูดออกมา เพราะฉันยังไม่เคยมีแฟนที่พอจะคบกันจริงจังสักคน เลยไม่มีเคยมีใครได้เข้ามาทำความรู้จักกับพ่อแม่ฉันสักที
“จ้า อีกไม่นานเกินรอ เดี๋ยวแพรจะหาลูกเขยหล่อๆมาฝากแม่สักคนนะจ๊ะ” เอาใจคนแก่เค้าหน่อย อยู่บ้านกันสองคนเริ่มเหงากันแล้วเลยอยากให้ลูกแม่แฟน อิอิ
“อย่าให้คนแก่รอเก้อแล้วกัน มันบาป” แม่หันมาทำหน้ากวนๆใส่ฉัน เพราะฉันมักจะพูดแบบนี้กับท่านบ่อยๆแต่ก็ไม่เคยได้พาใครมาสักคนจนเรียนจบทำงานแล้วก็ยังไม่มี
จริงสิฉันยังไมได้แนะนำตัวเลย สวัสดีฉันชื่อ แพรวา ตอนนี้อายุ 25 ปีแล้วค่ะ ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้านนี้เองแหละ บ้านเราพอมีพอกินแต่บอกเลยว่าอบอุ่นมาก นิสัยของฉันก็ตามที่ถูกเลี้ยงมาเลยค่ะ สดใส ร่าเริง เป็นคนจริงใจพูดตรง(แต่ไม่ขวานฝ่าซากนะ) และไม่ยอมคน
ฉันเรียนจบบริหารมา ตอนแรกก็ทำงานในบริษัทเล็กๆแห่งหนึ่งได้เกือบสองปีหลังเรียนจบแต่ลาออกแล้ว เพราะฉันไปสมัครเป็นเลขาบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ที่กล้าลาออกจากที่เก่าไปสมัครที่ใหม่ก็ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ พอดีพี่ดาวที่รู้จักกันหน้าปากซอยที่เค้าทำเลขาที่นั่นมาก่อนเค้าท้องสามีแกก็เลยให้ลาออกมาอยู่บ้าน ด้วยความสนิทกันพี่เค้าก็เลยฝากฝังกับทางบริษัทและให้ฉันไปสมัครที่นั่นนั่นแหละ
“แล้วเป็นยังไงบ้างลูกไปสมัครงานมา” พ่อถามขึ้น เพราะฉันพึ่งกลับมาจากสมัครงานที่ใหม่มาอย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้นั่นแหละ
“ข้อสอบยากมากเลย แต่ดีนะที่แพรเก่งเลยทำได้” ฉันตอบพ่อด้วยรอยยิ้มทะเล้นพร้อมชมตัวเอง
“ดีแล้วลูก ดาวมันบอกแม่ว่ามันคุยกับเจ้านายมันอยู่นะว่าจะฝากแพรไปทำงานแทน เปอร์เซ็นได้ไม่ยาก” แม่บอกฉันตามที่พี่ดาวบอกอีกทีที่พี่ดาวช่วยฝากฝังให้ แต่อันนี้ฉันไม่ได้เข้าเพราะเส้นอย่างเดียวนะ วันนี้ที่ไปส่งใบสมัครฉันก็สอบข้อเขียนและสัมภาษณ์มาเหมือนกัน ถ้าผ่านเค้าจะเรียกไปสัมภาษณ์กับประธานอีกที ซึ่งแน่นอนว่าฉันก็ใช้ความสามารถเข้าร่วมด้วย เพราะต่อให้เส้นฉันใหญ่แค่ไหน แต่บริษัทใหญ่ขนาดนี้ถ้าฉันโง่เค้าก็คงไม่รับ
“แพรขอให้เป็นแบบนั้นเถอะเพี้ยง เพราะบริษัทเค้าใหญ่มากกกก” ฉันพูดพร้อมกับพนมมือยกขึ้นไหว้ ใครจะไม่อยากทำล่ะบริษัทก็ใหญ่แถมตำแหน่งเลขาด้วย เงินเดือน สวัสดิการแต่ล่ะเดือน แค่คิดก็มีความสุขแล้ว
“ลูกพ่อเก่งอยู่แล้วยังไงก็ต้องได้แน่นอน” พ่อพูดให้กำลังใจ
“พ่อพูดถูกเสมอเลย” ฉันหันไปยิ้มพูดกับพ่อและกอดด้วยความเอาอกเอาใจทันที
“พอๆเลิกอ้อนแล้วไปอาบน้ำได้แล้วลูก จะได้ลงมากินขนม” แม่พูดขึ้น
“จ้ะๆ เดี๋ยวแพรมานะจ้ะ” ฉันบอกแล้วก็ลุกเดินเข้าบ้านไปเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
บ้านเราเป็นบ้านสองชั้นเล็กๆอยู่กันสามคนพ่อแม่ลูก มีต้นไม้ร่มรื่นทั้งบริเวณบ้านคล้ายๆบ้านสวน เพราะพ่อฉันชอบปลูกนั่นปลูกนี่อยู่บ้านทุกวันไม่หยุด ส่วนแม่ก็ชอบทำขนมไทย เมื่อก่อนท่านทำขายที่ตลาดแต่พอฉันเรียนจบท่านก็เลยเลิก แต่ก็ยังมีคนพวกลูกค้าประจำยังคอยมาสั่งให้ทำให้ตลอดทุกวันเวลามีงานสำคัญนั่นแหละเพราะขนมไทยแม่ฉันนะขึ้นชื่อมากๆเลย คนแถวนี้ไม่มีใครไม่รู้จักขนมไทยแม่ปลื้ม ท่านก็เลยได้ขายขนมอยู่บ้านแทนแบบนี้ไงล่ะ
สาธุ ขอให้ได้งานทำด้วยเถิด “แพรวา”