EP6 - ผู้แต่งรู้สึกอย่างไร

2713 คำ
6 - ผู้แต่งรู้สึกอย่างไร ที่โรงเรียน ก้านไม้รู้สึกหลงใหลเครื่องบินมากเพราะมันสามารถพาผมไปยังจุดหมายต่าง ๆ ที่ผมอยากจะไปได้ ต่อให้สิ่งที่ผมประดิษฐ์จะคุณภาพไม่เทียบเท่าของจริง อย่างน้อยก็ลอยได้เทียบเท่ากับกัญชา ต่างกันที่เครื่องบินกระดาษลอยถึงหลังคาบ้าน แต่ก***าล่องลอยไปถึงอวกาศ ระหว่างที่ผมกำลังพับเครื่องบินกระดาษไปนั้น ผมรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังแอบมองผมด้วยสายตาจ้องจะกลืนกินให้ได้แล้ว ผมหันไปทางขวาพบว่าเพื่อนผมมองเครื่องบินกระดาษในมือผม อาจจะไม่มองตรงนั้นแต่มองหน้าผมก็ได้ “เวกเตอร์ อื้ออ...” เพื่อนของผมอย่างเวกเตอร์มันชอบมองผม สงสัยหน้าตาผมจะไปเข้าตามัน แต่ว่าผมกับเขาหน้าตาความหล่อน่ารักก็ไม่ต่างกัน ที่มันจ้องผมคือมันอยากเอาเครื่องบินกระดาษไปเล่นแล้วเวลามันแกล้งผม มันชอบทำให้ผมใจเกเรตามมันเสมอ ผมไม่รู้ใจตัวเองด้วยซ้ำ เพราะเวลาอยู่ใกล้ผู้ชายทำไมหัวใจหวั่นไหวก็ไม่รู้ หรือว่าจะเห็นพี่เขาแสดงความรักต่อกันแล้วมันรู้สึกดีไม่น้อย “อยากเล่นด้วยจังเลย” “นายก็ทำเหมือนกันไหม เดี๋ยวพักเที่ยงเราเอาไปเล่นด้วยนะ” เวกเตอร์ชอบจับมือผมเพราะมันเป็นผู้ชายที่ชอบจับมือมาก ผมเองก็ไม่ได้ขัดขืนหรอก ออกจะชอบด้วยซ้ำเวลาที่มันใจเกเรกับผม “ว่าแต่นายชอบเครื่องบินตั้งแต่เมื่อไหร่” ช่วงพักเที่ยงผมกับเวกเตอร์จะออกไปวิ่งเล่นหลังจากทานอาหารกลางวันเสร็จ เวลาพักถือว่านานสองชั่วโมงจนไม่อยากเข้าเรียน ถือว่าโรงเรียนเข้าใจเด็ก การได้เล่นด้วยเวลาที่ยาวนานถือว่าทำให้สมองโล่งดีกว่าสี่สิบนาที ผมหยิบเครื่องบินกระดาษตั้งท่าแล้วโยนไปข้างหน้าให้ลอยไปตามแรงลม มันลอยไปไม่เป็นทางหัวดิ่งลงพื้นทำกระดาษยับ ช่วงที่ผมเล่นอยู่เพื่อนผมก็สงสัยว่าผมไปชอบเครื่องบินกระดาษตอนไหน ผมแก้ขินเกาหัวแล้วบอกว่าได้แรงบันดาลจากพี่ที่ผมรู้จัก “แกหมายถึงเจ้าของร้านของเล่นที่อยู่แถวสี่แยกหน้าไปรษณีย์เหรอ” ผมเองก็เคยไปร้านของเล่นร้านนี้สองสามครั้ง แต่ก้านไม้เพื่อนผมมันบ่อยจนผิดสังเกตไม่รู้ว่ามันอยากได้อะไรในร้าน เข้าไปนานจนผิดสังเกตสงสัยของที่ชอบจะราคาแพงจนต้องใช้เวลาเก็บเงินซื้อ “พี่เพลนส์” “แกไปรู้จักได้ยังไงอะ” “คือพี่เขาน่ารักแถมเข้ากับเด็กได้ดีไง เราชอบผู้ใหญ่ที่เข้าใจเด็กแบบเราไงล่ะ” เวกเตอร์ชอบเวลาที่ก้านไม้มีความคิดที่ดูจะเป็นผู้ใหญ่มองอะไรที่เป็นความจริงและในแง่ดีก่อนเสมอ เขาจะเป็นคนหนึ่งที่ชอบผู้ใหญ่เข้าใจเด็กเพราะถ้าความต้องการเหมือนกัน จินตนาการเหมือนกันจะคุยกันได้ไม่มีผิด ฟริ้ววว ผมชอบมากเวลาวิ่งไปเก็บเครื่องบินกระดาษหรือเตรียมจะโยนไปข้างหน้า มันเหมือนการเตรียมพร้อมจะปล่อยเครื่องบินให้ไปด้านหน้า ผมจดจ่อและตั้งตารอจะโยนมันไป พอผมได้โยนมันไปด้านหน้า ผมลุ้นว่ามันจะลอยไปไหนแม้จะไปไม่ไกลแต่ถือว่าได้ปล่อยมันไปตามจุดหมายที่อยากไป ต่อให้จะบังคับไปไม่ตตามทางก็ตาม “เก่งมากเลยนะก้านไม้” ผมก็ไม่ได้เก่งอะไรมากเพราะการโยนเครื่องบินไปตามแรงลมมันบังคับยาก ไหนจะทิศทางลมและแรงโยนในตำแหน่งที่ผมยืนอยู่ ทำเครื่องบินกระดาษยับบ้าง หัวแหลม ๆ ของกระดาษหักจนยับก็มี แต่อย่างน้อยผมก็ปล่อยมันไปอย่างที่เป็น ฟริ้วว เครื่องบินกระดาษลอยไปตามทาง รอบนี้ถือว่าทิศทางลมดีและประคองเครื่องบินน้ำหนักเบาลอยไปตามทางนานสำหรับผม มันลอยไปตกใส่เก้าอี้เหล็กยาว มีช่องกว้างพอที่ผมจะหยิบมันได้ ระหว่างที่ผมเดินไปเก็บ ผมเห็นเด็กกลุ่มหนึ่งยืนล้อมวงคาดว่าคงจะมีเรื่องกัน ผมกับเวกเตอร์เดินไปดูพบว่าเพื่อนเล่นแย่งเครื่องบินกระดาษกันเล่นทั้งที่ในคาบเรียนครูก็ให้ทำ แต่มีบางคนไม่ยอมทำ “นายแกล้งเพื่อนอีกแล้วเหรอ” ผมเองไม่ค่อยชอบเลยเวลาที่มีใครแกล้งเพื่อนด้วยกัน ต่อให้คนตรงหน้าจะหัวร้อนแต่ผมไม่ใช่พวกชอบใช้ความรุนแรง “ผู้แต่งรู้สึกยังไง” “หา...” เวกเตอร์ถึงกับชะงักไปพักหนึ่งว่าก้านไม้ต้องการสื่ออะไร ทำเอาทุกคนงงไปหมด ตอนแรกเขาบอกว่าจะเข้ามาช่วยเพื่อนแต่นี่มันหมายความว่าอะไร “มึงบ้าเหรอไอ้ก้านไม้” “กูไม่ได้บ้า ตีความไม่ออกเองคือมึงแต่งเรื่องแล้วรู้สึกยังไงเหรอ เห็นคำถามนี้ชอบถามในวิชาภาษาไทย เวลามึงแต่งเรื่องแกล้งคนอื่น ทำไมต้องให้คนอื่นมาไขคำตอบว่าตอนที่มึงแต่งเรื่องแกล้งเพื่อนรู้สึกยังไง พวกกูไม่ใช่คนแต่งเรื่องนะจะได้รู้สึกยังไง” “เชี่ยอะไรวะเนี่ย” เวกเตอร์ไม่รู้ว่าคำถามของเพื่อนผมที่ถามออกมาจะล้ำลึกขนาดนี้ กลายเป็นว่าคนที่ชอบแกล้งคนอื่นทำไมต้องให้ทุกคนมาหาคำตอบด้วยว่าตอนแต่งเรื่องแกล้งเพื่อนจ้าตัวรู้สึกยังไง คำถามง่าย ๆ แต่ใช้ในสถานการณ์อะไรวะได้คาดไม่ถึง “เอาของคืนเพื่อนด้วย อะไรที่ไม่ใช่ของตัวเองไม่ละอายใจบ้างเหรอ” ผมขอให้เพื่อนคืนของไม่งั้นผมอาจจะได้มีตัวละครเพิ่มมากกว่านักเรียนกลุ่มนี้ พวกผมไม่มีอำนาจตัดสินอะไรเรื่องนี้ ถ้าอยู่ในสังคมนักเรียนไม่ได้ สังคมครูใหญ่กว่าพอจะจัดการเรื่องนี้ได้ “ไปเล่นกันต่อดีกว่าเวกเตอร์” “อ... ก็ได้” ผมเองยังรวบรวมเหตุการณ์ก่อนหน้าไม่ถูก แต่จำและนำไปใช้ได้ดีเลย ใครแกล้งเพื่อนจะถามคำถามนี้ให้มันงงไปเลยว่าผู้แต่งเรื่องแกล้งคนอื่นรู้สึกยังไงเวลาที่ก่อเรื่องแต่คนอื่นต้องมาไขปริศนาหาคำตอบเอง ทางด้านเพลนส์ “มึงคิดยังไงจะปีนเข้าบ้านกู ที่นี่ไม่ใช่บ้านเกิดตอนเราอยู่ข้างบ้านจะปีนข้ามกำแพงรั้วมาหากันนะ” ผมกำลังขับรถมาถึงบ้านเห็นว่าหน้าบ้านวุ่นวายเมื่อคนที่อยู่ข้างบ้านผมกำลังจับตัว พร้อมยกโทรศัพท์เตรียมจะโทรหาตำรวจ ผมลืมบอกไปว่าผมไม่ได้ให้กุญแจบ้านกับเดนิช ทำให้เธอต้องยืนรอหน้าบ้านตากแดดตากลม ผมผิดเองที่ลืมบอกต้องให้ผู้หญิงมาสู้แดดลมเปล่าประโยชน์ไม่ได้ แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือมันลืมตัวเหรอ เวลาผมไม่อยู่ทีไรชอบปีนเข้าบ้านคนอื่นทำตัวเป็นขโมยไปได้ ดีแค่ไหนเพื่อนบ้านผมไม่ส่งไปตำรวจให้นอนห้องกรงสักคืนสองคืน “ก็ไม่ได้ให้กุญแจบ้าน กูไม่รู้จะไปอยู่ไหน” “ได้ข่าวว่าเถียงกับแท็กซี่เหรอ ไม่รู้จักมิเตอร์ไม่พอยังหลุดภาษาถิ่นนี่กลัวเขาล้อว่าบ้านนอกเข้ากรุงเหรอ” ผมเข้าใจว่าเดนิชมากรุงเทพครั้งแรกจะไม่รู้ว่ามีแท็กซี่หรือสัมผัสของจริงก็ไม่แปลก แต่ว่าอินเตอร์เนตเข้าถึงทุกบ้านน่าจะใช้ค้นหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากกว่าค้นหาร้านเครื่องสำอาง ก่อนเดินทางก็ใช้เครื่องนำทาง ให้ค้นหาข้อมูลการเดินทางและความเป็นอยู่ อย่างน้อยมาแล้วจะได้ไม่ไปหลุดความอายให้คนอื่น “เอาเถอะ ผมขอโทษ ลืมให้กุญแจบ้าน เล่นมากะทันหันแบบนี้ตั้งตัวไม่ถูกเลย” ผมบอกแล้วว่าถ้าจะมาหาผมหรือว่าไปบ้านของน้องพะโล้ก็น่าจะติดต่อมาบอกก่อน เล่นมาเซอร์ไพร์สกะทันหันแบบนี้ผมทำอะไรไม่ถูกเลย กุญแจบ้านก็ลืมฝังไว้ตรงกระถางต้นไม้ทางเข้าบ้าน ทำให้เดนิชต้องปีนบ้านคนอื่นทำตัวเป็นโจรไปได้ “แล้วทีหลังอย่าไปปีนเข้าบ้านใครอีกล่ะ เขาจะคิดว่าโจรขึ้นบ้านผม” “รู้แล้ววว” ฉันเองเข้ากรุงเทพวันแรกก็วุ่นวายแล้ว ตอนลงสนามบินมาก็มองหน้าทางเข้าออกหลงทิศทางไปหมดให้ไปหนึ่งเอสองเอ อะไรคือขาเข้าขาออก ชีวิตนี้ไม่เคยโดยสารเครื่องบินมาก่อน ฉันยอมรับเลยว่าเป็นคนนอกเมืองไม่เคยได้ใช้อะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ พูดแล้วยังอิจฉาน้องตัวเองไม่หาย เข้ามาก่อนฉันมันลืมฉันไปแล้วหรือไง ติดต่อก็ไม่ติดต่อมาเลย หลงแสงสีในกรุงเทพจนลืมบ้านเกิดไปแล้วแน่ “มาเย็น ๆ ดื่มน้ำเหนื่อย ๆ ก่อนนะ” ฉันเห็นเพลนส์เข้ามาเสิร์ฟน้ำเป็นเจ้าบ้านที่ดี ฉันรับไว้แต่ดูท่าทางมันกวนประสาทใช่เล่น ระหว่างนั้นฉันบอกความจริงเลยว่าที่ฉันเข้ากรุงเทพเพราะญาติตัวดีน่ะสิเอาบ้านไปกู้ลงทุนทำร้านอาหาร เพราะไม่ศึกษาการตลาดให้ดี ปิดกิจการไม่เป็นท่าทำให้ต้องมาใช้หนี้ พอเงินไม่เดิน บ้านก็โดนยึด ฉันก็เลยต้องอพยพอย่างไม่มีที่ไปมาถึงกรุงเทพ นี่คือเหตุผลของฉันที่ต้องมาเหยียบที่นี่ ส่วนเหตุผลที่บอกว่าโดนผู้ชายกรุงเทพอักหกอันนี้คือเรื่องจริงเลี่ยงไม่ได้ “ญาติแกนี่ก็นะ ทำแกเดือดร้อนไม่หยุดหย่อนเลย” “ถ้าฉันตัดได้นะตัดไปนานแล้ว เห็นหน้าฉันคุยตัวเลขรู้เรื่องกว่าคุยกันเป็นตัวอักษรอีก” ฉันดื่มน้ำเย็น ๆ พร้อมบ่นไปพลาง ๆ ขยับปอดบ่นไม่ยั้งและหวังว่าเกิดชาติหน้าจะไม่เจอญาติแบบนี้อีก พูดแล้วยังเจ็บใจไม่หายเลยแต่เอาเถอะฉันมาถึงกรุงเทพแล้ว ญาติย้ายไปอีกที่หนึ่งจะได้ไม่ต้องเห็นแล้วเกลียดขี้หน้ากันอีก “แล้วแกเป็นไงบ้าง” “ธุรกิจร้านของเล่นกำลังไปได้สวยเลย เด็กติดกูพอประมาณ” ชีวิตผมก็สบาย ๆ ไม่ได้มีปัญหามาก มีปัญหาที่ไม่ได้สำคัญแต่อย่างน้อยก็จำเป็นคือผมยังไม่มีเจ้าของ นั่งพับเครื่องบินกระดาษจนร่างกายจะงอกปีกและเครื่องยนต์ออกมาจากร่างกายแล้ว ผมเห็นเธอหัวเราะเพราะความเชื่อที่ผมคิดเองหาว่าผมบ้าบอ “สายมูที่ไหนเขาบอกมึงวะว่าการพับเครื่องบินกระดาษไปตลอดชีวิตจะทำให้ผมรักแท้” “ไม่ลองก็ไม่รู้” ผมจะคิดว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายสำหรับผม ผมจะพับเครื่องบินกระดาษไปให้ถึงล้านลำหรือจนกว่าผมจะพบรักแท้กับผู้หญิงสักคนที่ผมตามหา ฟังดูแล้วอาจบ้าบอแต่ความเชื่อของผมไม่เคยมีอะไรมาล้มเลิกให้ผมหยุดมัน ทุกวันนี้ผมใช้กระดาษพับเครื่องบินมากกว่าเอาไปจดงานหาความรู้ ถ้าผมโง่อาจจะไม่ใช่เพราะกินปลาน้อย แต่เอากระดาษไปพับเล่นจนไม่เอาไปจดหาความรู้ที่มีให้ตลอดชีวิต “ขอให้มึงหาคนที่ใช่เจอก่อนกระดาษหมดโลกแล้วกัน” ฉันเองก็ได้ยินเรื่องความตั้งใจของเพลนส์มาพักหนึ่งแล้ว ฟังดูมันบ้าบอมากมันเป็นมนุษย์ที่ใช้ทรัพยากรกระดาษเปลืองมาก ต่อไปฉันต้องเก็บกระดาษในบ้านให้หมดไม่งั้นมันเอาไปพับเครื่องบินกระดาษตามหารักแท้บ้าบอพอดี เวลาต่อมา โซดานั่งอยู่ที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง ผมจะเป็นคนชอบเอางานออกไปทำนอกสถานที่ไม่เป็นหลักแหล่งจะเรียกว่าฟรีแลนซ์ก็ได้ เวลาผมนั่งทำงานอุปกรณ์เสริมที่ขาดไม่ได้คือหูฟัง ระหว่างทำงานผมจะฟังคลื่นนิเรดิโอที่โฟร์เป็นดีเจที่นั่น เปิดเพลงช่วงทำงานฟังไปถือว่ามีแรงทำงานไม่น้อย มันขนทั้งเพลงวัยรุ่นและฝั่งลูกทุ่งมาด้วย คลื่นเดียวจบไม่ต้องไปหาที่ไหน ขณะที่ผมกำลังหัวยุ่งหมุนติ้วกับการทำแผนภูมิวงกลม แยกประสาททำงานกับฟังเพลงจนตีกัน ตอนนี้เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น พบว่าโฟร์โทรมาเวลานี้ผมก็ต้องปลีกตัวรับไม่งั้นเกิดผมทำเป็นไม่รับสาย กลับบ้านถามและเค้นคำตอบชุดใหญ่หาว่าผมมีคนอื่นอีก คนอะไรด่าเช้าด่าเย็นเหมือนเจ้าดอกลั่นทมเด็ดเช้าเด็ดเย็น “แก... ฉันมีจัดแทนไปรับก้านไม้แทนหน่อยนะ” ให้ได้แบบนี้สิ เวลาใครลาช่วงจัดมันก็เหมือนเป็นเจ้าของสถานี อาสาตัวเองจัดแทนแบบไม่มีข้อกังขา บางอย่างช่วยปฏิเสธหน่อยก็ได้เพราะมันไม่ทำให้เสียงานหรือเพื่อนหรอก เพราะถ้าเกรงใจมากไปยอมทำให้เดี๋ยวจะโดนหลอกใช้พอดี “กูรู้ คนแบบกูไม่ยอมให้ใครมาหลอกใช้หรอก” “ขอให้เป็นแบบนั้นละกัน เดี๋ยวเย็นนี้กูไปรับแล้วก็เดี๋ยวซื้อของที่ชอบที่ชอบไปให้” “ไม่ต้องซ้ำคำนี้ได้ไหม” คำว่าที่ชอบไม่ต้องใส่ไม้ยมกก็ได้ ผมยังมีลมหายใจยังไม่ได้จากโลกนี้สักหน่อยแต่เอาเถอะ ผมกับโซดาถือว่าชดใช้กรรมทั้งชีวิตก็ไม่หมดเป็นคู่กัดคู่กันแบบนี้สนุกกว่าอีก ช่วงบ่ายสามถึงหกโมงเย็นผมมาจัดแทนและคงไม่ได้ออกจากสถานี เดี๋ยวเจ้าของสถานีไม่ใจดีได้ลดเงินเดือนหรอก ก้านไม้อยู่กับโซดาคงไม่มีปัญหาหรอก “จริงสิ...” ผมจับโทรศัพท์พอดี พิมพ์เบอร์โทรศัพท์ใหม่ที่ผมได้มาจากไอลิน ต่อสายตรงไปหาเพลนส์ ผมเองไม่เคยรู้มาก่อนว่ามันเปิดร้านของเล่นแถมรู้จักน้องก้านไม้ขนาดนี้ผมว่าผมมีโอกาสจะได้ของที่ผมอยากได้แล้ว “ไอ้โซดาเหรอ” เพลนส์ได้ยินเสียงคุ้นหู ตอนแรกผมก็นึกไม่ออกว่าเป็นใครพอบอกว่าเป็นโซดาเด็กห้องบ๊วยห้องห้า ผมนึกออกทันที มันได้เบอร์มาจากไอลินแล้ว ผมก็ติดต่อหากันได้แล้ว โซดาถามไปว่าไปรู้จักน้องได้ยังไงมันบอกว่าช่วงที่ผ่านมาพักหนึ่ง น้องเห็นว่าแถวนี้มีร้านของเล่นก็เลยเข้ามาเดินดู แล้วเครื่องบินกระดาษไปสะดุดตาทำให้น้องอยากได้ ถึงขั้นดึงจากของตกแต่งใส่กล่องกลับบ้านให้ ผมก็อยากขอบคุณนะที่มันช่วยต่อเติมความฝันให้น้องเป็นจริง แต่ว่าผมอยากขออะไรจากมันหน่อย “ร้านมึงมี Ps5 ขายไหม” ผมได้ยินโซดาถามหาเกมตัวล่าสุด ผมเข้าไปค้นสต็อกพร้อมกับคุยโทรศัพท์แนบหูเอียงคอจนจะผิดรูป ถือว่าโชคดีมากที่ร้านผมมีของชิ้นนี้ ผมได้ยินว่ามันอยากได้มาอ้อนจะให้ผมลดราคาให้ มันง่ายไปไหมผมไม่ได้ใจอ่อนขนาดนั้นสักหน่อย “นะเพื่อนนะ” “ตอนกูขอลอกการบ้านมึงก็ไม่ให้ ทีแบบนี้จะให้กูลดราคา มึงตื่นจากฝันเถอะ” “พูดงี้กูสั่งปิดร้านได้นะ” ผมแอบงอนมันเพราะมันไม่ยอมลดราคาให้ผม มันด่าใส่หูเลยว่าของซื้อของขายมาต่อรองได้ยังไง เวลาไปห้างสรรพสินค้าปากอมอะไรไม่เก่งต่อราคา ทีไปตลาดแม่ค้าหาเช้ากินทันทีต่อจนไม่ได้กำไร ผมฟังแล้วรู้สึกผิดจนตัวเองลดขนาดลงยิ่งกว่ากดยางลงในโปรแกรมเพนท์ให้เล็กกว่าเดิมจนมองไม่เห็น “งั้นเอางี้นะ มึงบอกน้องก้านไม้นะว่า...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม