ร้านอาหารจีนหงเป่า ซอยสุขุมวิท39
เพราะการเจรจาครั้งก่อนครอบครัวอลินและครอบครัวของชานป๋อหลินตกลงไว้ว่าจะจัดงานงานแต่งงานเต็มรูปแบบที่ฮ่องกง โดยวันงานจะมีการเช่าเหมาลำเครื่องบินและโรงแรมเพื่อให้คนจากฝั่งไทยเดินทางไปงานได้สะดวก มาดามเผิงจึงเตรียมตัวจะกลับฮ่องกงเพื่อตระเตรียมงาน แต่ก่อนที่จะเดินทางกลับนางได้ขอนัดพบปะพร้อมครอบครัวของทั้งสองฝ่ายอีกครั้งที่ร้านอาหารจีนในย่านสุขุมวิท
และครั้งนี้เองที่ชลนทีไม่อาจปฏิเสธได้เรื่องนัดนี้ เพราะว่าการไม่ไปตามนัดสองครั้งมันจะดูจงใจจะเสียมารยาทเป็นแน่เมื่อทุกคนต่างรู้ว่าช่วงเวลาที่นัดหล่อนว่าง ตัวหมอสาวเองไม่มีปัญหากับการดองกันของสองครอบครัว ไม่มีปัญหากับมาดามเผิง หากแต่เป็นชานป๋อเสียนต่างหากที่ทำให้อึดอัด แต่มันก็หลีกเลี่ยงไม่ได้เลยต้องมา
วินาทีที่เห็นหน้าเขารอยยิ้มที่จะเหลือไว้ทักทายใครก็เจื่อนจนหน้าของเธอคงดูประหลาด แต่เขาเองกลับตีหน้าซื่อยิ้มแย้มตามมารยาทได้อย่างปรกติ... คงลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเขาได้สร้างรอยแผลไว้ให้หล่อนมากมาย
ผู้ใหญ่ทักทายกัน ชานป๋อหลินก็เดินเข้าไปหาอลิน เหลือเพียงหล่อนกับชานป๋อเสียนรั้งท้ายเดินเข้าร้านอาหาร... เกือบหายใจไม่ทั่วท้องเมื่อต้องเดินคู่กับเขาเข้าไป
ขาของเธอพยายามก้าวให้ห่างไม่ต้องตีคู่กับเขาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ก้มหน้าก้มตาเดินจนชนหลังเขากึกเพราะหยุดเดิน เธอถอยแล้วมองหน้าเขาเห็นสายตาดุๆ ก็แทบหายใจไม่ออกเลยเดินเลี่ยงจากเขาแล้วตามหลังน้องสาวกับชานป๋อหลินไป
ขาของชานป๋อเสียนคงยาว เขาก้าวเดินไม่กี่ก้าวก็มาเดินพร้อมเธอได้ รัศมีความอึดอัดแผ่คลุมจนเธอทนไม่ไหว
“เอ่อ อลิน พี่ลืมของที่รถ เดี๋ยวพี่ตามเข้าไปนะ” เพราะความรู้สึกเครียดจนอยากอาเจียนทำให้หล่อนขอผละออกจากทุกคนเพื่อไปทำใจก่อน... เลยเดินออกมาอย่างรวดเร็วราวกับขาดอากาศอยู่ใต้น้ำแล้วต้องรีบโผล่ขึ้นในพ้นเหนือน้ำเพื่อเอาอากาศหายใจ...
หมอสาวมายืนอยู่ข้างๆ รถตู้มินิแวนของที่บ้านแล้วหายใจลึกๆ เข้าออก ข่มความรู้สึกมวนในท้อง
เพราะมัวแต่หน้ามืด เลยยังไม่ทันได้ยินเสียงคนที่เดินตามมา พอไหล่โดนคว้าหล่อนก็ผวาหันกลับไปมอง ใบหน้าหญิงสาวนิ่วลงเหมือนจะบิดเบี้ยวให้ได้เมื่อเห็นว่าเป็นเขา
“ไอ้อาการเหมือนเห็นผีทุกครั้งตอนเจอหน้าผมนี่มันเรื่องจริงหรือเสแสร้ง” แค่คำถามของเขาก็ทำให้อาการกำเริบถึงขั้นเส้นเลือดในสมองจะแตกเฉียบพลัน...
เธอจะเสแสร้งไปทำไมกันล่ะพ่อคุณ
“ไปให้พ้น” เปล่งพลังบอกเขาได้เพียงคำเดียว
ชานป๋อเสียนแหงนหน้าหัวเราะ
“คงจะไปไหนไม่พ้นกันหรอก น้องคุณกับน้องผมกำลังจะแต่งงานกันนี่” เขาพูดเสียงจริงจัง “ผมรู้ว่าที่ผมรู้เรื่องที่คุณไม่เคยช่วยเรื่องการเงินครอบครัวจนต้องปล่อยให้พ่อคุณล้มละลายและป่วยหนักช่วงหนึ่งมันทำให้คุณรู้สึกแย่จนอับอายที่จะเจอหน้ากันอีก แต่เมื่อสองครอบครัวเป็นหนึ่งเดียวกัน ก็คงต้องลืมเรื่องเก่าๆ ถ้าวันไหนคุณทำอะไรไม่เข้าท่าเหมือนที่ผ่านมาอีก ผมจะมาเตือนคุณเอง”
“ฉันก็คิดว่าเราตกลงว่าจะเป็นอย่างนั้นตั้งแต่เจอกันที่ทำงานฉันแล้ว แล้ววันนี้จะตามมาทำไมไม่ทราบ”
“ก็แค่มาเตือน ว่าอย่าทำตัวแปลกแยก... เรายังต้องเจอกันอีกหลายครั้ง ถ้าคุณทำหน้าเหมือนกินยาขมทุกครั้งที่มาเจอครอบครัวผมหรือบางทีก็เลือกที่จะไม่มาเลย มันไม่เหมาะ”
อะไรก็ผิดไปหมดในสายตาเขา หายใจก็ยังจะผิดหรือไงนะ ชลนทีกัดริมฝีปาก ยอมรับว่าควบคุมสีหน้าและอาการไม่ได้ เลยต้องหนีมาทำใจ เขาก็ยิ่งมาตอกย้ำอยู่นั่น...
“ฉันขอโทษค่ะ คุณเข้าไปเถอะค่ะ เดี๋ยวฉันตามเข้าไป”
เสหน้าไปทางอื่นแล้วโบกมือไล่เขา กระบอกตาร้อนผ่าว น้ำตาอุ่นๆ เจียนไหลอยู่รอมร่อ
“พี่น้ำไม่เห็นต้องขอโทษเขาสักนิด” เสียงห้วนๆ ของอลินเอ่ยแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบชวนอึดอัด ชานป๋อเสียนและชลนทีหันไปมองคนที่โผล่มาจากท้ายรถด้วยสีหน้าบึ้งตึง หัวคิ้วชนกัน...
“อลิน!” ชลนทีอุทาน
“พี่น้ำรู้เรื่องครอบครัวล้มละลายหรือคะ รู้มาจากไหน จากพี่แซมหรือคุณป๋อเสียน” ดึงแขนพี่สาวมาถามด้วยภาษาไทยอย่างคาดคั้นแม้พอรู้คำตอบเลาๆ แต่ชลนทีกลับไม่ตอบ
“ไม่สำคัญหรอกว่ารู้จากไหน พี่เสียใจกับเรื่องนี้และจะชดเชยให้ครอบครัวทุกอย่าง” น้ำตาหยดจากดวงตาของคนเป็นพี่ในยามที่พูดถึงเรื่องนี้...
อลินหันไปหาพี่ชายของคนรัก หล่อนพูดภาษาจีนกับเขา
“พี่สาวฉันรักการเป็นหมอ เธอตั้งใจอ่านหนังสือในช่วงที่เรียนจนเลือดกำเดาไหลเป็นทางด้วยซ้ำ... ฉันกับพ่อยืนยันที่จะรักษาความฝันนั้นโดยเฉพาะตอนที่พี่ไปเรียนอเมริกา ช่วงที่ครอบครัวเราแย่แต่ตอนนั้นงานวิจัยของพี่น้ำกำลังยุ่งมาก ฉันไม่เคยอยากให้เรื่องครอบครัวทำให้พี่น้ำไม่สบายใจหรือว่าล้มเลิกสิ่งที่ทำกลางคันเพราะเธอเริ่มไปได้ครึ่งค่อนแล้วและฉันคิดว่าฉันแก้ปัญหาได้ด้วยตัวเองทั้งหมด เราพยายามที่สุดที่จะปิดบัง ฉันมั่นใจมากว่าพี่สาวฉันไม่รู้ จนตอนนี้ฉันรู้ว่าพี่สาวฉันรู้เรื่องจากที่ฟังพวกคุณคุยกัน...”
ชานป๋อเสียนมองคนที่ร้องไห้รั้งมือให้น้องสาวหยุดพูด แต่ อลินไม่หยุดด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
“จริงๆ พี่น้ำต้องทำงานที่อเมริกาต่อยอด แต่จู่ๆ พี่สาวฉันกลับไทยและทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังยอมมาทำงานโรงพยาบาลและหยุดวิจัย นอกนั้นแล้วพี่น้ำเครียดและเหม่ออยู่บ่อยๆ ฉันคิดว่าพี่สาวอกหักด้วยซ้ำถึงได้เศร้าหมองขนาดนี้... ที่แท้เป็นเพราะคุณเอาข้อมูลนี้มาบอกพี่สาวฉันแล้วก็กล่าวหาว่าพี่สาวฉันไม่ดูดำดูดีครอบครัว... ซึ่งพี่สาวฉันไม่มีทางเป็นคนแบบนั้น ถ้าเธอรู้เรื่องคอร์สที่เธอเรียนต่อที่อเมริกาไม่จบหรอกค่ะ อีกอย่างพี่สาวคนนี้ของฉันเคยเอาตัวบังกระสุนให้ฉันตอนที่เราถูกลักพาตัวตอนเด็กๆ พี่สาวฉันรักคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอไม่เคยเห็นแก่ตัว...”
อลินพูดระรัว คิดว่าผู้ใหญ่คงผิดสังเกตแล้วว่าพวกหล่อนสามคนออกมานานหล่อนบอกว่าพี่สาวจะมาเอาของที่รถแต่ลืมเอากุญแจที่หล่อนและจะตามเอามาให้จนได้ยินที่ชานป๋อเสียนพูดกระทบพี่สาวตัวเอง หล่อนไม่รู้ว่าสองคนนี้มีอดีตอย่างไรต่อกันแต่ที่รู้แน่ๆ คือเขากำลังเข้าใจพี่สาวหล่อนผิด
“ถ้าคุณคิดว่าเรื่องพี่น้ำยังคงเป็นตะกอนในใจคุณที่มองข้ามมันไม่ได้และคิดว่าเธอผิด คุณก็คงทำให้พี่สาวฉันไม่สบายและอึดอัดใจโดยที่เธอไม่ได้ผิดอะไร ดังนั้นฉันคิดว่าฉันจะยุติงานแต่งงานค่ะ ฉันต้องรักษาความรู้สึกพี่สาวเอาไว้”
“อลิน... เรื่องของเรามันคนละเรื่องกัน จะตัดสินใจแบบนั้นไม่ได้นะ” คนเป็นพี่สาวบอก
“เดี๋ยวก่อน... ผมยอมรับว่าเข้าใจพี่สาวคุณผิด ผมเข้าใจว่าน้ำรู้แล้วเพิกเฉยกับเรื่องครอบครัวจนทำให้คุณกับพ่อต้องลำบาก... ผมขอโทษที่เข้าใจผิดและจะไม่กล่าวหาเรื่องนี้กับพี่สาวคุณอีก” ชานป๋อเสียนยกมือขึ้นขอโทษ แต่สายตาเขามองไปที่ชลนทีเหมือนลำบากใจที่เคยทำให้พี่สาวหล่อนเสียใจ อลินสังเกตได้อย่างนั้น
“แล้วกันไปเถอะอลิน... เอากุญแจมานี่ แล้วเดินเข้าไป อย่าคิดแม้แต่จะพูดเรื่องนี้ เดี๋ยวพ่อได้ยินจะเครียด ที่พี่ไม่บอกว่าพี่รู้แล้วเพราะว่าพ่อจะเสียใจที่ปกปิดจนพาลคิดว่าที่ผ่านมาทำให้เราลำบาก พี่ไม่แก้ตัวเรื่องที่เขาเข้าใจผิดเพราะคิดว่าเขาเข้าใจว่าอะไรก็ไม่สำคัญ ค่อยไปคุยเรื่องนั้นกันทีหลัง มันไม่ได้สำคัญอะไรเลยถ้าเทียบกับเรื่องแต่งงานน้อง” ชลนทีบอกน้องสาว ก่อนจะเปิดประตูรถแล้วเข้าไปค้นหาของในกระเป๋าอีกใบของตัวเองได้ยาลดกรดมาหนึ่งขวดหล่อนก็กินยาพร้อมน้ำเปล่าเข้าไป
“ไปกันเถอะผู้ใหญ่คงรอแล้ว” ก้าวออกมาพร้อมเอ่ยบอกน้องสาว ไม่อยากมาเจรจาเรื่องนี้อีกให้เป็นที่ผิดสังเกตและยังอาจจะมีผลให้วิวาห์ล่มเอาได้ง่ายๆ ลากแขนน้องสาวทั้งขู่ทั้งปลอบให้เดินไปด้วยกัน คนที่เดินตามหลังมานั้นหล่อนไม่สนใจเท่าไหร่ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจหล่อนในทางที่ดีขึ้นไหม
หล่อนพยายามจะไม่แคร์บอกตัวเองไว้ในใจว่า อากาศ ก็คืออากาศ
พอเดินเข้ามาห้องวีไอพีของร้านอาหารทุกคนนั่งรออยู่แล้ว ผู้ใหญ่ทุกคนต่างเพ่งมองมาที่พวกเขาทั้งสามคน...
“พอดีน้ำรู้สึกไม่สบาย เหมือนจะปวดท้องโรคกระเพาะอาหารเลยรีบไปหายากินน่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่ต้องให้รอ”
อลินเดินไปนั่งข้างๆ ชานป๋อหลิน ชลนทีนั่งข้างน้องสาว ที่ว่างอีกที่หนึ่งชานป๋อเสียนเลยนั่งลงข้างๆ ชลนที เขารู้สึกเลยว่าหล่อนเกร็งขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
“พ่อสั่งอาหารไว้แล้วบางส่วน อยากทานอะไรกันเพิ่มไหม ลองเลือกเพิ่มคนละเมนูสองเมนูสิ” บิดาของอลินเอ่ยเป็นภาษาจีนให้เข้าใจโดยทั่วถึงกัน
ชานป๋อหลินเอาเมนูให้กับชลนทีและชานป๋อเสียนดูด้วยกัน ส่วนเขาเองดูเล่มเดียวกับอลิน
นายแพทย์หนุ่มรู้ว่าคนข้างๆ ค่อนข้างเกร็ง เลยโน้มตัวไปใกล้หล่อนขึ้นแล้วเปิดเมนูอาหาร แล้วกระซิบถามหล่อนเบาๆ
“จะสั่งอะไรเพิ่มไหม”
“ไม่” เสียงบอกนั้นเข่นเขี้ยวอยู่ในที หากไม่อยู่บนโต๊ะอาหารแบบนี้หล่อนคงผลักเขาให้พ้น มุมปากของเขาหยักขึ้นน้อยๆ
“เราไม่สั่งอะไรเพิ่มครับ” เขาเอนหลังไปพิงเก้าอี้ตัวเองแบบสบายๆ แล้วบอกกับทุกคน
“งั้นอลินสั่งน้ำแกงปลากับเต้าหู้ผัดพริกเพิ่มแล้วกันนะคะ” หล่อนสั่งอาหารที่ตัวเองกับชานป๋อหลินชอบเหมือนกันโดยไม่ทันมองพี่สาวกับพี่ชายของคนรักเลย
แต่มาดามเผิงนั้นจ้องเขม็ง ยังไงนางก็ว่าสองคนนี้ดูเข้ากันอย่างบอกไม่ถูก มันเหมือนเวลามองอลินกับชานป๋อหลินแล้วดูรู้ว่านี่คือคนรักกัน คู่ของชานป๋อเสียนกับชลนทีก็เป็นเช่นนั้น ถึงแม้ทั้งคู่จะปฏิเสธกันและกัน แต่มาดามเผิงก็ยังเชื่อสายตาของตัวเองอยู่ดี...
“พอดีเมื่อกี้ฉันกับพ่อหนูอลินคุยกันว่าอีกสองอาทิตย์ จะมีช่วงหนึ่งที่เราลงเรือสำราญกันที่ฮ่องกง ชานป๋อหลินมีประชุมกับกลุ่มเพื่อน แล้วอีกอย่างครอบครัวเราจะลงเรือด้วย อยากจะเชิญพร้อมครอบครัวไปด้วยกันอีกเหมือนวันนี้ เพราะว่าชานป๋อหลินจะประกาศแต่งงานที่นั่นค่ะ เดี๋ยวอย่างไรจะให้ป๋อหลินแจ้งเรื่องวันที่และก็การเดินทางให้ อยากให้ไปจริงๆ โดยเฉพาะหนูน้ำ เจอกันที่นั่นนะจ๊ะ” มาดามเผิงหันมาบอกชลนที
“เอ่อ ค่ะ น้ำจะพยายามแลกเวรหรือขอวันหยุดให้ได้ค่ะ”
“ถ้าไปกันพร้อมหน้าเหมือนวันนี้จะดีมากเลยจ้ะ”
คนเอ่ยชวนบอก นัยน์ตานั้นทอดมองชลนทีอย่างหมายมาด แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ รับคำชวนของนางก็ตามที ไม่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร มาดามเผิงจะขอให้อลินช่วยพาชลนทีไปงานเลี้ยงฉลองที่ว่าให้ได้