บทที่ 9

1253 คำ
“เจ้าหญิงหลับตาครับ อย่าหันไปมองนอกเครื่องบิน หายใจลึกๆ เข้าไว้นะครับ” แม้หวาดกลัวไม่แพ้กัน ทว่าธาซิมต้องมีสติ ต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นที่พึ่งให้กับเจ้าหญิงไลอาด์ ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ “ฉัน...ฉันจะทำตามที่คุณบอก” แม้จะทำตามคำแนะนำของธาซิม แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อาการหวาดกลัวจางหายไปได้ ซ้ำยิ่งหวาดกลัวมากกว่าเดิม เมื่อรู้สึกว่าเครื่องบินสั่นคลอนค่อนข้างรุนแรง ก่อนจะลดระดับวูบแล้วลงจอดกระแทกกับรันเวย์จนเธอหน้าคะมำไปข้างหน้า และจอดสนิทในที่สุด “เจ้าหญิง เราปลอดภัยแล้วครับ” ธาซิมหมายถึงปลอดภัยจากการลงจอดบนรันเวย์ภายในหุบเขา ที่น่าหวาดเสียวที่สุด แต่...ยังไม่ปลอดภัยจากการถูกจี้เครื่องบิน ขณะเอ่ยบอก ธาซิมก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัยของตนเอง ก่อนจะลุกจากที่นั่ง โน้มตัวเข้าไปใกล้ร่างบางระหง เพื่อช่วยปลดเข็มขัดนิรภัยให้เจ้าหญิงไลอาด์ด้วย และนั่นทำให้คนที่เพิ่งเปิดประตูเครื่องบินเจ็ท ได้เห็นภาพบาดตาบาดใจ ถูกพิษของความหึงหวงเล่นงานอย่างเต็มที่ กัดฟัดดังกรอด กำหมัดไว้แน่น ก้าวพุ่งพรวดแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวของธาซิม กระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายจนผงะถอยหลัง แล้วประเคนหมัดลุ่นๆ เข้าไปเต็มใบหน้าของคู่หมั้นกำมะลอของเจ้าหญิงไลอาด์ ผัวะ! “อ๊าก!!” ธาซิมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เมื่อถูกชกเต็มหน้าเต็มแรงถึงกับผงะหงายหลังไปชนกับเก้าอี้ภายในเครื่องบิน นาทีต่อมาก็รู้สึกได้ถึงความเหนียวเหนอะหนะของเลือดแดงฉาน ที่ไหลทะลักออกมาจากปากและจมูก ซึ่งถูกแรงปะทะจากหมัดหนักๆ กระทั่งดั้งหัก! “ธาซิม!” เจ้าหญิงไลอาด์ร้องเสียงหลง ทำท่าจะถลาเข้าไปช่วยธาซิมเพราะความลืมตัว แต่แล้วก็ต้องหวีดร้องด้วยความตกใจมากกว่าเดิม เมื่อต้นแขนเนียนถูกกระชากเต็มแรงจากผู้ที่บุกเข้ามาภายในเครื่องบิน จนร่างบางถลาเข้าไปปะทะกับแผงอกกว้างเต็มแรง ทำเอาเธอจุกเสียดไปหลายนาที “ปล่อยฉัน!” คนร้ายร่างใหญ่ดั่งยักษ์ปักหลั่น ซึ่งโพกผ้าสีดำปกปิดใบหน้าไว้ คงให้เห็นแค่เพียงดวงตาวาวโรจน์เท่านั้น ทำให้เจ้าหญิงไลอาด์ไม่รู้ว่าโจรเหล่านี้คือใคร แต่เธอมั่นใจว่าพวกเขาต้องสมรู้ร่วมคิดกับกัปตัน เพื่อทำการจี้เครื่องบินอย่างแน่นอน “ปล่อย!” เจ้าหญิงไลอาด์ตะโกนลั่น ดิ้นขลุกขลักเพื่อให้เป็นอิสระ แต่เมื่อยังถูกจับยึดไว้แน่น จึงใช้วิธีสุดท้ายด้วยการก้มหน้าลงไปกัดบนต้นแขนของผู้ร้ายเต็มแรง “โอ๊ย! บ้าฉิบ! ไลอาด์ กลายเป็นหมาบ้าตั้งแต่เมื่อไรกัน” “ผู้พันฮาคิม!” ก่อนหน้านี้ผู้พันฮาคิมยืนรอเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว ที่กำลังจะร่อนลงจอดบนรันเวย์ภายในหุบเขาแห่งนี้อย่างใจเย็น โดยมีผู้กองฟาดิสยืนขนาบข้างอยู่ด้วย “กัปตันกำลังลดระดับเพดานบินแล้วครับ” ผู้กองฟาดิสเอ่ยบอกทั้งๆ รู้ว่าผู้บังคับบัญชาของตน ก็กำลังจับจ้องมองไปยังเครื่องบินเจ็ทอย่างไม่วางตาเช่นเดียวกัน ผู้พันฮาคิมพยักหน้ารับ พลางสั่งเสียงเข้ม “เตรียมตัวให้พร้อม และอย่าลืมที่เราสั่ง จัดการลากคอคู่หมั้นของไลอาด์ไปให้พ้นหน้าเรา ไปให้ไกลที่สุด” “ครับผู้พัน เรื่องคู่หมั้นของเจ้าหญิง ผู้พันไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมจัดการเขาเองครับ” “ดี” พิษของความหึงหวงแล่นทั่วตัวในทุกครั้งที่พูดถึงคู่หมั้นของเจ้าหญิงไลอาดห์ ดวงตาคมกริบทอดมองเขม็งไปยังเครื่องบินเจ็ท พอกัปตันทำการร่อนลงจอดกระทั่งล้อแตะกับพื้นรันเวย์ ก็ดึงผ้าโพกหน้าสีดำสนิทมาปกปิดใบหน้าของตนเองไว้จนมิด ออกคำสั่งกับผู้กองฟาดิสในทันที “ไป ฟาดิส กัปตันลงจอดแล้ว” “ไปกันเลยครับ ผู้พัน” ผู้กองฟาดิสดึงผ้าโพกสีดำมาปกปิดใบหน้าเช่นเดียวกัน ก่อนจะวิ่งตามร่างใหญ่ล่ำสันของผู้พันฮาคิมตรงไปยังเครื่องบินเจ็ท ซึ่งลงจอดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจากที่สั่งให้ผู้กองฟาดิสเป็นคนจัดการคู่หมั้นของเจ้าหญิงไลอาด์ แต่พอเปิดประตูเครื่องบิน ภาพแรกที่เห็นคือผู้ชายคนหนึ่งกำลังก้มหน้าเข้าไปใกล้จนจมูกของอีกฝ่ายเกือบชนกับพวงแก้มเนียนของเจ้าหญิงไลอาด์ เห็นภาพบาดตาบาดใจเช่นนั้น ผู้พันฮาคิมก็เก็บอารมณ์หึงหวงเอาไว้ไม่อยู่ ก้าวยาวๆ แค่ไม่กี่ก้าวเข้าไปกระชากคอพร้อมกับประเคนหมัดเข้าไปเต็มใบหน้าของผู้ชายคนนี้ ผัวะ! “อ๊ากก!!” ผู้พันฮาคิมไม่สนใจเสียงร้องเพราะความเจ็บปวดระคนตกใจจากคนที่ถูกชก ดวงตาคมกริบซึ่งตอนนี้กำลังโชนไฟโทสะ กวาดไปมองเจ้าหญิงไลอาด์ ความโกรธ ความหึงหวงทะยานขึ้นสูงอีกครั้ง เมื่อเจ้าหญิงไลอาด์ทำท่าจะเข้าไปดูแลคนที่ถูกชกจนจมูกหัก เสียงกัดฟันดังกรอด ตามด้วยมือใหญ่ที่คว้าต้นแขนเล็กไว้แล้วจับกระชากให้ร่างบางระหงถลาเข้ามาปะทะกายตน พอเจ้าหญิงไลอาด์ดิ้นหนี ก็กอดไว้แน่นโดยไม่สนใจเสียงหวีดร้องขออิสระ กระทั่งรู้สึกเจ็บแปลบตรงบริเวณต้นแขนสีแทน เพราะถูกเจ้าหญิงไลอาด์ก้มลงกัดอย่างไม่ปราณี “โอ๊ย! บ้าฉิบ! ไลอาด์ กลายเป็นหมาบ้าตั้งแต่เมื่อไรกัน” ไม่จำเป็นต้องเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย แค่เพียงได้ยินน้ำเสียงอันคุ้นเคย เจ้าหญิงไลอาด์ก็เบิกตาโต เอ่ยเรียกคนที่สวมกอดตนเองไว้ด้วยความดีใจ “ผู้พันฮาคิม!” “ใช่! ผมเอง คุณคิดว่าเป็นใคร” คนที่กำลังโกรธเพราะความหึงหวงตอบเสียงห้วนๆ ก่อนจะเอ่ยถากถางต่อ “ต้องให้พูดว่าขอบคุณไหม ที่ยังอุตส่าห์จำชื่อสามีของตัวเองได้” ถึงกับหน้าม้าน เจอคำตอบแข็งห้วนแถมถากถางทุกคำพูด จากดีใจก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นโกรธ ถลึงตาใส่ผู้พันฮาคิมด้วยความไม่พอใจ “ผู้พันกำลังทำบ้าอะไรอยู่” เจ้าหญิงไลอาด์ถามเสียงแข็ง หันไปมองธาซิมซึ่งตอนนี้กำลังใช้ผ้าเช็ดหน้า เช็ดห้ามเลือดที่ยังคงไหลซึมอยู่ ก่อนจะหันมาตวาดเหน็บแนมผู้พันต่อ “ชกหน้าคู่หมั้นของฉันจนดั้งหัก กระชากกันอย่างไม่ปราณีปราศรัย นี่คือการต้อนรับผู้หญิงที่ผู้พันเคยบอกว่ารักยังงั้นหรือคะ” ‘ตอนนี้ผมก็ยังรักคุณอยู่ ไลอาด์’ ผู้พันฮาคิมเอ่ยแก้ต่างอยู่ในใจ ทว่า...กลับเค้นเสียงตอบในทางตรงกันข้าม โดยยังคงจับยึดร่างบางระหงไว้แน่นเหมือนเดิม “แล้วคุณจะให้ผมต้อนรับคุณแบบไหน เจ้าหญิงไลอาด์ ให้ผมปูพรมแดงเป็นทางยาว ถือดอกกุหลาบช่อโตๆ ไว้รอรับคุณ เหมือนพวกมหาเศรษฐีหน้าโง่เขาทำกัน หรือ...จะให้ผมต้อนรับคุณตามแบบชายชาติทหารดิบเถื่อนที่ผมถนัดยิ่งนัก!” เจ้าหญิงไลอาด์ไม่ทันได้ตอบกลับ ก็มีอันต้องเบิกตาโพลง เมื่อผู้พันฮาคิมกระชากผ้าสีดำที่ปกปิดใบหน้าของตนเองทิ้ง แขนแข็งแกร่งกระชับแน่นไปรอบเอวบาง กดร่างเล็กให้แนบชิดกับกายตน ก่อนจะฉกริมฝีปากร้อนรุ่มเข้าหาเรียวปากอิ่ม บดขยี้จุมพิตเร่าร้อนดุดัน ทั้งโกรธ ทั้งคะนึงหาเรียวปากอิ่มหวานฉ่ำคู่นี้ในคราวเดียวกัน “อย่า...”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม