เจ้าหญิงไลอาด์มองออกไปนอกตัวรถ ซึ่งสองข้างทางเป็นกำแพงหินสูง เห็นได้ชัดว่าสนามบินแห่งนี้ถูกสร้างอย่างลับๆ ไว้ภายในหุบเขาที่ไม่มีใครรู้มาก่อน ก็เกิดอาการหวาดหวั่น ใบหน้าขาวซีด หันมาเอ่ยถามคนที่ลักพาตัวเธอมา
“คุณจะพาฉันไปไหน ผู้พัน!”
ขณะเค้นเสียงถาม ก็พยายามเปิดประตูรถ แต่เพราะถูกล็อกอัตโมมัติจากแผงควบคุมด้านคนขับ ทำให้เจ้าหญิงไม่อาจทำตามที่ใจต้องการได้
ผู้พันฮาคิมหันมามองคนเค้นเสียงถามด้วยหางตัว แล้วเอ่ยตอบห้วนๆ อยู่ในลำคอ เพราะยังคงถูกอารมณ์ของความหึงหวงเล่นงานไม่หยุด
“นรกกับสวรรค์! เลือกเอาเองว่าอยากไปที่ไหน”
เจ้าหญิงไลอาด์หน้าตึง กัดเม้มริมฝีปากเพราะความโกรธ ตวาดถามกลับคืนตามอารมณ์ที่เริ่มเดือดพล่านไม่ต่างกัน
“นรกกับสวรรค์มันคงมีค่าไม่ต่างกัน หากสถานที่เหล่านั้นมีคุณอยู่ด้วย และฉันเลือกไปสวรรค์ เพราะฉันมั่นใจว่าที่นั่นจะไม่มีคนทรยศอย่างคุณคอยไปตามรังควานฉัน”
ผู้พันฮาคิมยิ้มเยาะตรงมุมปากกับคำตอบที่เข้าทางตน “ตอบได้ดีนี่ เจ้าหญิงไลอาด์ และอย่าเพิ่งมั่นใจไปว่าสถานที่ที่คุณอยากไปจะไม่มีผมอยู่ด้วย เพราะอีกไม่กี่นาที ผมจะพาคุณไปขึ้นสวรรค์ชั้นเจ็ด เหมือนทุกๆ ครั้งที่เราเมคเลิฟด้วยกัน”
คราวนี้เจ้าหญิงไลอาด์ถึงกับหน้าแดง ทั้งเพราะความโกรธและความอายที่แล่นเข้ามาปะทะตัว สิ่งที่ผู้พันฮาคิมมาพูดล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น
คราใดที่ตกอยู่ในอ้อมแขนของผู้พันฮาคิม เธอก็ลืมทุกอย่างเสียสิ้น จดจำได้แค่เพียงบทรักอันแสนเร่าร้อน ซึ่งปฏิเสธไม่ลงว่า เธอลุ่มหลงอยู่ในภวังค์ของความหฤหรรษ์หรรษา ซึ่งอาบลึกไปทั่วเรือนร่าง ในทุกคราวที่ถูกผู้พันจับจูงให้เริงรักด้วยกัน
“ที่หน้าแดงซ่าน แถมยังหลุดเสียงครางออกมาด้วย เพราะกำลังคิดถึงรสรักของผม หรือของไอ้หน้าจืดคนนั้นกันแน่”
“กรุณาอย่าปรักปรำฉัน...ฉันไม่ได้คราง ไม่ได้คิดถึงรสสวาทของใครหน้าไหนทั้งนั้น”
เจ้าหญิงไลอาด์เค้นสั่งเสียงห้วน ดวงตากลมโตลุกโชนด้วยไฟโกรธ มั่นใจว่าตนเองไม่ได้หลุดเสียงครางออกมาตามที่ถูกเยาะหยัน
“ปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่ได้ร้องคราง ก็ไม่เป็นไร เมื่อสักครู่ผมคงหูแว่วไปเอง แต่สาบานได้ว่าอีกไม่กี่นาที ผมจะทำให้คุณร้องครวญครางไม่มีหยุด”
“อย่ามาทำอะไรบ้าๆ น่ะผู้พันฮาคิม พาฉันกลับไปในเมืองหลวงเดี๋ยวนี้”
เจ้าหญิงผู้งดงามถึงกับนั่งไม่ติดเก้าอี้ ทำได้แค่เพียงตวาดออกคำสั่ง ทว่า...คำสั่งเหล่านี้กลับไม่เป็นผลกับผู้พันฮาคิม
“ในเมืองหลวงไม่มีอะไรน่าสนใจเท่ากับที่นี่หรอก ไลอาด์”
ดวงตากลมโตหันไปมองตามสายตาของผู้พันฮาคิม และก็เห็นว่าอีกฝ่ายขับรถยนต์มาจอดอยู่บ้านพักหลังใหญ่ ซึ่งมีบ้านพักหลังเล็กอีกสี่ห้าหลังรายล้อมอยู่ด้วย และแน่นอนว่าบ้านพักเหล่านี้ รวมทั้งสนามบิน ถูกโอบล้อมไว้ด้วยกำแพงหินสูงมหึมา
“บ้านของใคร” เจ้าหญิงไลอาด์เอ่ยถามสั้นๆ ห้วนๆ
“จะบ้านของใคร ถ้าไม่ใช่ของผม”
ผู้พันฮาคิมกระโดดลงจากรถ โดยไม่ลืมเดินไปเปิดประตูรถแล้วดึงร่างบางระหงให้ลงจากรถยนต์ ซึ่งไม่ได้รับความร่วมมือจากอีกฝ่ายสักเท่าไร
“ลงมา เจ้าหญิงไลอาด์”
เจ้าหญิงไลอาด์นึกเกลียดในทุกครั้งที่คนตรงหน้าเค้นเสียงเรียกชื่อของเธอเต็มฐานันดรศักดิ์ ไม่เหมือนที่ผ่านมาซึ่งอีกฝ่ายมักจะเรียกเธอว่า ‘ที่รัก’ เสมอ
“บ้านของคุณ แล้วทำไมฉันไม่เคยรู้ว่ามีบ้านพัก หรือสนามบินอยู่ที่นี่ด้วย”
“ก็เพราะว่าที่นี่ ไม่ปรากฎอยู่ในแผนที่ของประเทศคาลาส์น่ะสิ”
ผู้พันฮาคิมตอบเสียงลึก แน่นอนว่าไม่มีใครรู้ว่ามีสนามบิน และบ้านพักสี่ห้าหลัง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นฐานทัพย่อยๆ ของเขาอยู่ที่นี่ เพราะสนามบินและบ้านพักเหล่านี้ไม่เคยปรากฏอยู่ในแผนที่ของประเทศคาลาส์ ทุกอย่างถูกเก็บไว้เป็นความลับมานานหลายสิบปีแล้ว
“ทำไมต้องจี้เครื่องบิน ทำไมต้องพาฉันมาอยู่ที่นี่ด้วย”
เกิดคำถามขึ้นมากมาย ล้วนเป็นคำถามที่ผู้พันฮาคิมไม่อาจปริปากตอบออกมาได้ นอกจากเค้นตอบอยู่ในใจเท่านั้น
‘ก็เพราะรักและเป็นห่วงคุณยิ่งกว่าชีวิต ถึงต้องพาคุณมาหลบซ่อนอยู่ที่นี่’
ทางด้านของเจ้าหญิงไดอาด์พอเอ่ยถามไปแล้ว ก็เริ่มโกรธจัดกว่าเดิม เมื่อผู้พันฮาคิมเลือกความเงียบ เป็นการตอบคำถามของเธอ
“หูหนวกหรือยังไงผู้พันฮาคิม ทำไมไม่ตอบคำถามของฉัน”
“ได้ยินชัดเจนเต็มสองรูหูนั้นแหละ แต่! ผมไม่อยากตอบคำถามของคุณ มีอะไรไหม?” ในตอนท้ายเลิกคิ้วใส่อย่างยียวนกวนโทสะเป็นที่สุด
“ไม่อยากตอบก็ต้องตอบ ฉันอยากรู้ว่าผู้พันพาฉันมาที่นี่ทำไม”
เจ้าหญิงไลอาด์สั่งเสียงทรงอำนาจ และด้วยอยากได้คำตอบ จึงไม่รู้ว่าตนเองกำลังหลงกลผู้พันจอมเจ้าเล่ห์เข้าให้แล้ว พอร่างใหญ่ล่ำสันก้าวเดินยาวๆ ขึ้นไปบนบ้านพักก็เดินตามไปติดๆ มารู้ตัวอีกทีก็เดินมาติดกับดักอยู่ในห้องนอนของอีกฝ่ายซะแล้ว
ผู้พันฮาคิมลอบยิ้มหลังจากล่อให้เจ้าหญิงไลอาด์เดินเข้ามาในห้องนอนของตนเองได้อย่างง่ายดาย ร่างใหญ่ยืนกอดอกพิงประตูห้องเป็นการปิดตายไม่ให้เจ้าหญิงหนีออกไปได้ และแทนที่จะตอบคำถาม ผู้พันกลับเอ่ยถามในคำถามที่ยังค้างคาอยู่ในใจของเขา
“ผมกับไอ้คู่หมั้นดั้งหักของคุณ ใครมีลีล่ารักเด็ดกว่ากัน”
เจ้าหญิงไลอาด์งุนงงไปชั่วขณะ เมื่อจู่ๆ ก็ถูกเปลี่ยนคำถามอย่างกะทันหัน ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นหน้าชากับคำถามประชดประชัน
“หยาบคาย หัวสมองคิดอยู่แต่เรื่องเดียว” เจ้าหญิงไลอาด์ถลึงตาใส่ เค้นด่าอย่างอดใจไม่อยู่ หน้าแดงซ่านเพราะความโมโห
“แน่นอนคนอย่างผมมันหยาบคาย มีนิสัยเถื่อนๆ อยู่แล้ว”
ผู้พันฮาคิมถากถางเสียงห้วน ใบหน้าถมึงทึงเพราะพิษหึง เค้นถามอย่างประชดประชัน เมื่อยังไม่ได้รับคำตอบถามที่ต้องการ
“ผมถามคุณ ไม่ได้ยินหรือ เจ้าหญิงไลอาด์ มาดา ราฟาห์”
“ถอยไปผู้พัน ฉันจะกลับบ้าน”
เจ้าหญิงไลอาด์เลี่ยงการตอบคำถาม ก็จะให้ตอบได้อย่างไร ว่าใครเด็ดกว่าใคร ก็ในเมื่อธาซิมเป็นแค่เพียงองครักษ์ของเธอ และถูกอุปโลกน์ให้เป็นคู่หมั้นกำมะลอเท่านั้น
เมื่อไม่ได้รับคำตอบสักที อารมณ์ของคนถามก็เริ่มเดือดพล่านขึ้นมา ร่างใหญ่ถลันจากประตูห้องเข้าไปคว้าร่างบางมาปะทะอก
“ตอบไม่ได้ว่าลีลาของผัวเก่ากับผัวใหม่ ใครเด็ดกว่ากัน เห็นทีว่าต้องฟื้นความจำกันบ้างแล้ว”