เหนือเมฆส่ายหน้าแล้วเดินไปหาซื้อของสดเพื่อประกอบอาหารภายในไร่ ความจริงแล้วต้องเป็นหน้าที่ของหัวหน้าแม่ครัว แต่บังเอิญว่าวันนี้เกิดป่วยกะทันหันต้องขอลาหยุดหนึ่งวัน ส่วนคนอื่น ๆ นั้นก็งานล้นมือกันหมด เขาเลยต้องชวนน้องสาวออกมาเลือกซื้อของด้วยกัน
ส่วนผลิขวัญที่แอบเดินตามหลังนางร้ายชื่อฉาวไป แกล้งทำเป็นหยิบขวดน้ำดื่มขึ้นมาดู มีแอบลอบมองพาเพลินอยู่เป็นระยะ มองไปก็ยิ้มไป เพราะนางร้ายคนสวยไม่ได้ดูร้ายเหมือนที่พี่ชายพูดมาเลย พนักงานในร้านมองพาเพลินแล้วพากันซุบซิบด้วยความสงสัย พาเพลินเลือกของอยู่สักพักใหญ่ ๆ จึงเดินไปจ่ายเงินกับพนักงานซึ่งเปิดให้จ่ายเงินเพียงช่องเดียว ผลิขวัญเลยได้โอกาสหยิบขนมและของกินเล่นใส่ตะกร้า เดินตามหลังหญิงสาวไปต่อแถวรอจ่ายเงิน
“พี่ดูหน้าคุ้น ๆ จัง พี่เป็นดาราป้ะเนี่ย” พนักงานทำหน้างงแต่กล้าถามลูกค้าคนสวยซึ่งตอนนี้ทำเพียงยิ้มตรงมุมปากนิด ๆ
“ยิ้มแบบนี้ใช่จริง ๆ ด้วย พี่พาเพลินใช่ไหมคะ โอ๊ย หนูไม่ค่อยได้เห็นดาราเลยพี่ หนูขอเซลฟี่ด้วยหน่อยนะพี่” พนักงานตบเคาน์เตอร์อย่างถูกใจ มองหาโทรศัพท์มือถือของตนเองเป็นการใหญ่
“เอ่อ” พาเพลินหันหลังมามองคนต่อแถวด้วยท่าทางลังเลเล็กน้อย สีหน้าเกรงอกเกรงใจอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่เป็นไรค่ะตามสบายเลย ขวัญเองก็อยากเซลฟี่กับดาราเหมือนกันค่ะ” ผลิขวัญฉีกยิ้มพร้อมโบกมือให้อย่างยินดี
ส่วนพนักงานของร้านนั้น กำลังเปิดประตูบนของเคาน์เตอร์ออกมาข้างนอก เพื่อที่จะได้ถ่ายรูปคู่กับพาเพลิน นางร้ายคนสวยก็รู้งานหน้ากล้องเป็นอย่างดี คลี่รอยยิ้มบาง ๆ ต่อหน้ากล้อง
“หนึ่ง สอง แชะ แชะ” พนักงานสาววัยรุ่นได้รูปถ่ายแล้วก็ขอบคุณพาเพลิน ก่อนเดินยิ้มกลับเข้าไปทำงานต่อ
“จะถ่ายรูปไม่ใช่เหรอคะ” พาเพลินหันมาพูดกับคนที่ยืนอมยิ้มอยู่ด้านหลัง ซึ่งเจ้าตัวรีบกะพริบตาถี่ ๆ อย่างตื่นเต้น
“ค่ะคุณเพลิน ขวัญรบกวนด้วยนะคะ” ผลิขวัญรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้ว ขยับเข้าไปใกล้ ๆ กับพาเพลิน ก่อนจะรู้สึกปลื้มปริ่มอยู่ในอก เมื่อนางร้ายคนสวยโอบไหล่ของเธอไว้เบา ๆ
แชะ แชะ
“ขอบคุณคุณเพลินมากนะคะที่ยอมเซลฟี่กับขวัญ” ผลิขวัญขอบหญิงสาวหลังได้รูปคู่แสนถูกใจ
“ยินดีค่ะ”
“แปดร้อยสิบสองบาทค่าคุณดารา” เสียงพนักงานดังแทรกขึ้น ทำให้สองสาวถึงกับกลั้นขำไม่อยู่กับสรรพนามที่ใช้เรียกพาเพลิน
“นี่ค่ะ” พาเพลินหยิบธนบัตรใบสีเทายื่นให้พนักงาน ก่อนจะรับเงินทอนกลับมา หันมายิ้มให้ผลิขวัญเล็กน้อย ก่อนหิ้วถุงออกจากร้านไป
“ตัวจริงสวยเนอะพี่ ไม่เห็นหยิ่งหรือว่าร้ายอย่างในทีวีเลย”
“จ้า คิดเงินให้พี่ได้แล้วมัวแต่คุยอยู่นั่นแหละ” ผลิขวัญหันมาค้อนคนพูดเบา ๆ
“อุ๊ย ลืมตัวขอโทษค่ะพี่” พนักงานเอ่ยขอโทษแล้วรีบทำการคิดเงินให้ลูกค้าต่อ
ผลิขวัญคว้าถุงขนมกับถุงเครื่องดื่มรีบเดินออกจากร้านมา เห็นพาเพลินเดินหลังไว ๆ ไปที่รถจึงรีบตามไป แต่โทรศัพท์มือถือดันดังขึ้นเสียก่อน
“มีอะไรพี่เมฆ”
“มาช่วยพี่หิ้วหมูหน่อยมันหนัก”
“หิ้วหมู !” ผลิขวัญกลอกตามองบนในทันที
“ใช่ เนื้อหมู พี่ซื้อของเยอะด้วยถือกลับไม่ไหว รถเข็นแม่ค้าก็ดันมาพังอีก มาเดี๋ยวนี้เลยยัยขวัญ มัวแต่ไปตามแม่นางร้ายนั่นอยู่ได้ ไร้สาระมาก” เสียงบ่นยาวเหยียดของพี่ชาย ทำให้เธอต้องขยับหูออกห่างจากโทรศัพท์มือถือด้วยความรำคาญ
“ค่า ไปเดี๋ยวนี้แหละ” ผลิขวัญขานรับพี่ชาย ตาก็มองตามรถคันเก่าของไร่พาเพลิน ที่เคลื่อนตัวออกไปช้า ๆ ราวเต่าคลาน เสียโอกาสได้ทำความรู้จักกับนางร้ายคนสวย เพราะพี่ชายคนดีแท้ ๆ เลย
หญิงสาวเดินไปหาพี่ชายด้วยสีหน้าเนือย ๆ มีถุงผักถุงผลไม้และเนื้อหมูเยอะแยะเต็มไปหมด เหนือเมฆไม่ใช่คนมาจ่ายตลาดเป็นประจำ เลยไม่รู้ว่าต้องเอารถเข็นที่ไร่มาด้วย
“พี่ลืมรถเข็น ไม่ต้องมาทำหน้าเซ็งใส่พี่เลย” เหนือเมฆบอกราวกับรู้ความคิดของน้องสาว
“ค่า เดี๋ยวขวัญช่วยพี่เมฆเอง แต่ขวัญไม่กลับพร้อมพี่เมฆนะคะ” ผลิขวัญหยิบถุงใส่เนื้อหมูขึ้นระหว่างพูด คนเป็นพี่ชายก็รวบถุงที่เหลือด้วยสองมือ
“ทำไมละ”
“ขวัญนัดเพื่อนไว้ที่ห้างค่ะ นี่ว่าจะไปนั่งกินกาแฟรอห้างเปิด วันนี้วันอาทิตย์นะพี่เมฆ วันหยุดขวัญค่ะ” ผลิขวัญบอกแล้วหิ้วถุงเนื้อหมูเดินนำหน้าพี่ชายไปที่รถ
“ธุระเยอะจริง ๆ น้องสาวไอ้เมฆ” ปากบ่นแต่มือก็ยังต้องหิ้วของเดินตามหลังน้องสาวไป
รถจี๊ปสีดำคันโปรดของเหนือเมฆ จอดนิ่งรอเจ้าของซึ่งกำลังขนของที่ซื้อมาทั้งหมดใส่ไว้ตรงเบาะหลัง
“ขับรถกลับไร่ดี ๆ นะพี่เมฆ เดี๋ยวขวัญให้ยัยจาไปส่งที่ไร่เองค่ะ ตอนนี้ร้อนมากขอไปหากาแฟเย็น ๆ กินก่อนนะคะ” ผลิขวัญบอกพี่ชายก่อนขอตัวไปหาร้านกาแฟนั่งรอห้างเปิด เพราะนัดเพื่อนไปชอปปิงด้วยกันในวันนี้
“อย่ากลับเย็นนักล่ะขวัญรู้ไหม” คนห่วงน้องตะโกนไหล่หญิงสาวไป
“รู้แล้วค่า” คนเดินไปได้หลายก้าวแล้ว ยกมือขึ้นโบกเหนือศีรษะให้พี่ชาย
เหนือเมฆยกมือขึ้นเสยผมแบบลวก ๆ อากาศค่อนข้างร้อนกว่าปกติ อีกทั้งยังออกแรงยกของหนัก ทำให้เขาต้องรีบขึ้นรถเปิดแอร์ให้เย็นฉ่ำ ก่อนหมุนพวงมาลัยออกจากตลาดไป
ขับรถมาได้ครึ่งทางเหนือเมฆก็สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติบนท้องถนน ชายหนุ่มกระตุกยิ้มตรงมุมปากเล็กน้อย เมื่อเห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นตรงข้างถนน เขาชะลอความเร็วของรถลงเหมือนกำลังจะเข้าไปให้ช่วยเหลือ แต่แล้วก็เหยียบคันเร่งผ่านหน้าคนที่ยืนโบกรถมือหว็อย ๆ อยู่ข้างถนนไป
“อะไรอ่ะ ไม่มีน้ำใจเลย” พาเพลินถอนหายใจอย่างสุดเซ็ง คิดว่ารถคันนั้นจะลงมาช่วย ถนนเส้นนี้นาน ๆ ครั้งถึงจะมีรถแล่นผ่านมา ยืนโบกมาสามสี่คันแล้วก็ยังไม่เห็นมีใครจอดรถ ลงมาช่วยเธอเลยแม้แต่คันเดียว
แต่แล้วจู่ ๆ รถจี๊ปคันสีดำเมื่อครู่ก็ถอยหลังกลับมาอย่างช้า ๆ พาเพลินใจชื้นขึ้นมาก่อนจะห่อแฟบลงอย่างช้า ๆ เมื่อเห็นว่าพ่อหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตลายหมากรุกกับกางเกงยีนสุดเก่าขาดวิ่น ที่กำลังเปิดประตูรถลงมานั้นเป็นใคร
‘คุณเหนือเมฆ’