บทนำ
บทนำ
“อะไรนะคะ”
“บัตรของลูกค้าน่าจะมีปัญหาน่ะค่ะ”
“ทั้งสี่ใบเลยเหรอคะ ไม่น่าจะใช่มั้งคะ เครื่องมีปัญหาหรือเปล่า” ‘พลอยกะรัต’ ถามเสียงเครียดพลางดึงหน้าไม่พอใจ
“เอ่อคือ...”
“นี่ค่ะ สองร้อยแปดสิบใช่ไหมคะ ไม่ต้องทอนค่ะ”
‘หยาดทิพย์’ เห็นท่าไม่ดีรีบยื่นเงินสดให้กับพนักงานไปสามร้อยบาทก่อนจะดึงมือพลอยกะรัตออกจากร้านในทันที เพราะหากช้ากว่านี้เพื่อนสาวของเธออาจจะกางกระเป๋าสตางค์แบรนด์หรูแล้วหยิบบัตรเครดิตทุกใบออกมาปาใส่หน้าพนักงานร้านกาแฟก็เป็นได้
“มันจะเป็นไปได้ยังไง”
“ใจเย็นๆ ยัยพลอย เครื่องรูดบัตรที่ร้านอาจจะมีปัญหาจริง แต่พนักงานอาจจะเป็นพนักงานใหม่เลยไม่รู้ก็ได้”
“นั่นน่ะสิ ฉันว่าฉันกลับไปเคลียร์อีกรอบดีกว่า”
“ไม่ต้องๆ คิดเสียว่าฉันเลี้ยงกาแฟแกเนื่องในโอกาสที่วันนี้อากาศดีก็แล้วกัน” หยาดทิพย์หว่านล้อมอย่างสุดความสามารถ กอดแขนเพื่อนรักแน่นเพื่อรีบพาเดินออกให้พ้นจากบริเวณร้าน
หยาดทิพย์รู้ ทุกคนที่บริษัทรู้ว่าถ้าหากคุณหนูพลอยกะรัตคนนี้อาละวาดเมื่อไร ไม่ใครก็ใครต้องเดือดร้อนกันหมดแน่
“พอๆๆ ฉันรู้นะว่าแกกลัวฉันจะอาละวาด ไม่เห็นต้องกอดแขนแน่นลากเดินมาแบบนี้เลย” พลอยกะรัตบอกอย่างรู้ทัน แต่ยังอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเฮือกใหญ่ ลึกๆ แล้วเธอยังรู้สึกติดใจกับเรื่องของบัตรเครดิตที่อยู่ๆ ก็ดันมามีปัญหาพร้อมกันซึ่งไม่น่าใช่เรื่องปกติ
“ฉันแค่ไม่อยากให้เพื่อนเป็นขี้ปากชาวบ้านนี่นา”
“กลัวที่ไหนล่ะ เอาเข้าจริงไม่เห็นมีใครกล้าเดินมาว่าฉันต่อหน้าสักคน” ได้ยินแล้วพลอยกะรัตยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นกว่าเดิม
“เอาน่า แกก็อย่าอารมณ์เสียไปเลย รีบกลับไปทำงานกันเถอะ วันนี้วันศุกร์สิ้นเดือนทั้งที เย็นนี้จะฉลองยันเช้าไปเลย”
“เออๆ นี่ฉันเห็นแก่แกเลยนะ ไม่งั้นจะเดินกลับไปเอาเรื่องตั้งแต่พนักงานยันผู้จัดการร้านแน่” พลอยกะรัตตัดบทอย่างเอาแต่ใจ ก่อนที่เธอกับหยาดทิพย์จะพากันเดินกลับบริษัทเพราะร้านประจำของพวกเธออยู่ไม่ไกลจากบริษัทมากนัก หลังจากทานอาหารกลางวันกันเสร็จ พวกเธอก็มักจะแวะซื้อกาแฟหรือขนมกรุบกรอบติดไม้ติดมือก่อนกลับเข้าบริษัทเพื่อทำงานต่อในช่วงบ่าย
“ยัยพลอย”
“อะไร” พลอยกะรัตหันมองหยาดทิพย์ที่อยู่ๆ ก็เรียกด้วยน้ำเสียงกระซิบกระซาบทั้งยังทำท่าทางลับๆ ล่อๆ
“นั่นใช่คุณลุงรึเปล่า”
นิ้วชี้เรียวยาวชี้ตรงไปเบื้องหน้านำสายตาของพลอยกะรัตให้มองตามออกไป
ฟุ่บ!
“พ่อ”
ถุงขนมในมือของพลอยกะรัตร่วงลงกับพื้น เธอรู้สึกเหมือนถูกกระชากหัวใจออกไปจากอกเมื่อเห็นพ่อของตัวเองถูกตำรวจล็อกแขนเอาไว้ทั้งสองข้างและกำลังจะถูกนำตัวขึ้นรถตำรวจไปต่อหน้าต่อตา ท่ามกลางสายตาของพนักงานเกือบทั้งบริษัท
“พ่อคะ พ่อ มันเกิดอะไรขึ้น ปล่อยพ่อฉันนะ”
ฟุ่บ!
ไม่ทันวิ่งเข้าไปถึงตัวพ่อของเธอ ข้อมือก็ถูกกระชากเอาไว้เสียก่อน
“ปล่อย!”
“ขึ้นไปคุยกับผมข้างบน”
“ไม่ ฉันจะคุยกับพ่อฉัน” พลอยกะรัตตะคอกเสียงดังพลางสะบัดข้อมือของตัวเองสุดแรง ทว่าหันกลับมาอีกที พ่อของเธอกลับถูกตำรวจพาตัวขึ้นรถไปเสียแล้ว
“พ่อ นี่! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงโวยวายของพลอยกะรัตดังลั่นไปทั่วบริเวณ สองตาของเธอแดงก่ำและสั่นระริก โกรธจนอยากจะพังทุกอย่างตรงหน้าให้ราบ
“ฉันบอกให้ปล่อยไงล่ะ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง ปล่อยนะ!”
“ผมหรือคุณที่พูดไม่รู้เรื่อง”
“ปล่อย ฉันจะไปหาพ่อ” เธอดึงดันก่อนจะสะบัดข้อมือจนหลุดออกจากมือหนาของอีกฝ่าย สองเท้าก้าวตรงไปที่ลานจอดรถพลางเปิดกระเป๋าเพื่อหยิบกุญแจรถ
ฟึ่บ!
ทว่าไม่ทันที่จะได้กดปลดล็อก กุญแจรถในมือก็ถูกอีกฝ่ายที่เดินตามมาติดๆ แย่งไปต่อหน้าต่อตา
“พาตัวไป” ภูมิพัฒน์หันไปออกคำสั่งกับคนสนิทพลางเก็บกุญแจรถของพลอยกะรัตใส่เอาไว้ในกระเป๋าเสื้อสูทตัวนอก ก่อนที่เขาจะเดินนำกลับเข้าบริษัทไปในทันที
“ยัยเพชร” หยาดทิพย์ที่เดินตามพลอยกะรัตมาตั้งแต่แรกพยายามหาทางช่วย แต่เธอเองก็ถูกคนของภูมิพัฒน์ขวางเอาไว้ ไม่ต่างจากพลอยกะรัตที่ถูกล็อกแขนไว้ทั้งสองข้างจนดิ้นไม่หลุด
“ปล่อยฉันนะไอ้พวกบ้า!”