ผมที่นั่งทำงานอยู่ในห้องพลางนึกถึงหน้าเมเบล จู่ๆมันก็ทำให้ผมอารมณ์เสียทันที ผมยอมรับว่าผมเจอผู้หญิงมากมายหลายตาที่เข้าหาผมเพราะเงิน หรือเพราะเรามีความต้องการตรงกัน แต่มีผู้หญิงชื่อเมเบลที่ดูยังไงผมก็เดาทางเธอไม่ถูก เวลาเธอคิดหรือจะทำอะไรผมไม่สามารถรู้ได้เลย และอีกอย่างเป็นผู้หญิงที่แมนยิ่งกว่าผู้ชายเสียอีก หึ! แต่ยังไงผมไม่ปล่อยให้ผู้หญิงที่ด่าผมตอนอยู่ญี่ปุ่นไปหรอก ผมอยากจะรู้นักว่าจะเก่งได้แค่ไหนเชียว
เสียงเคาะประตูจากด้านนอกทำให้ผมหลุดออกจากความคิดตัวเอง "เข้ามาได้" ผมเงยหน้ามองลูกน้องของผมที่กำลังทำหน้าเครียดอยู่
"นายครับ ผมยอมรับว่าผมคิดที่จะฆ่าตัวตาย" ผมขมวดคิ้ว
"มีปัญหาอะไร ทำไมไม่บอกฉัน"
"ครอบครัวของผมติดหนี้เงินกู้นอกระบบเป็นเงินจำนวนมาก พวกมันขู่ถ้าผมไม่จ่ายภายในวันนี้ มันจะฆ่าครอบครัวผม" ลูกน้องผมคุกเข่าต่อหน้า "ผมมืดแปดด้านแล้วครับนาย จนผมคิดว่าอยากจะฆ่าตัวตาย ตะ...แต่" ผมเลิกคิ้วมองหน้าลูกน้อง
"ผู้หญิงคนเมื่อกี้เขาทำให้ผมเปลี่ยนใจ ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเธอรู้ได้ยังไง ผมไม่เคยพูดบอกใครเลยด้วยซ้ำ" ยัยนั่นเนี่ยนะทำให้ลูกน้องผมเลิกหลงผิด
"เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันจะจัดการให้ ส่วนเรื่องยัยนั่นอาจจะบังเอิญพูดไปเรื่อยแล้วดันถูกก็ได้ เพราะยัยนั่นคงอยากเอานายไปเป็นพวกช่วยต่อรองเรื่องเงินกับฉัน"
"ขอบคุณนายมากๆนะครับ แต่..." ผมขมวดคิ้วตามลูกน้องอีกครั้ง
"อะไร"
"ผมเป็นคนต่างจังหวัด แล้วแถวบ้านผมจะเชื่อในสิ่งลี้ลับ ผมคิดว่าเธออาจจะเป็นคนที่มีสัมผัสพิเศษก็ได้ครับ" ผมเค้นหัวหัวเราะทันที อย่างยัยนั่นเห็นครั้งแรกก็คิดว่าไม่ปกติแล้ว บ้าๆแบบนั้นใครจะเชื่อ
"อืม หมดธุระก็ออกไปได้แล้ว"
18:00 น.
ฉันเดินไปตามถนนที่โคตรจะร้อนเลย แดดประเทศไทยนี่ดีจริงๆครอบคลุมทุกพื้นที่ หลังจากที่ฉันมีหนี้ขึ้นมาอย่างไม่ทันได้เตรียมตัว ไอ้ฉันก็ต้องหาเงินเพิ่มเป็นสองเท่า ถึงจะต้องไปทำงานที่บ่อนนายเจไดก็เถอะ แต่ฉันก็อยากใช้หนี้ให้เสร็จเร็วๆ
อีกอย่างพรุ่งนี้ก็เปิดเทอมแล้วด้วย ฉันก็ต้องแบ่งเวลาเรียนกับทำงาน เฮ้อ เกิดเป็นเมเบลนี่ยากแท้หยั่งถึง จะโดนแดกแกลบแทนข้าววันไหนก็ไม่รู้ อีกอย่างเรื่องที่ฉันมีหนี้อินดี้ก็รู้แล้วด้วย รู้จากปากไอ้โช่เพื่อนรักฉันเองแหละ พอมันรู้แค่นั้นแหละสวดฉันซ่ะยับยิ่งกว่าพ่อฉันอีก
"เฮ้อ เมื่อไหร่ฉันจะรวยเนี่ย"
"ยืนแหกปากกลางถนนเธอก็ไม่รวยขึ้นมาหรอกนะ" ขวับ!!! ฉันหันไปมองรถสปอร์ตราคาแพงขับชะลออยู่ข้างๆ ฉันที่จับจ้องไปที่คนขับ พอรู้ว่าเป็นใครแค่นั้นแหละ หึ เจ้ากรรมนายเวรฉันเองแหละ ตายอยากจริงๆ
"มีอะไรหรอคะคุณเจ้าหนี้"
"ขึ้นรถ" ฉันต้องหูฝาดแน่ๆนายเจไดชวนขึ้นรถ จะว่าไปลองขึ้นไปนั่งให้เป็นบุญไอ้เบลหน่อยดีกว่า
"จะพาฉันไปไหน" หลังจากขึ้นรถมาฉันก็ถามขึ้นทันที ว่าแต่รถคันนี้นั่งสบายสุดๆเลยล่ะ
"ไปทำงานไง"
"อ้อ ทุกวันนี้มีบริการเจ้าหนี้ขับรถมารับลูกหนี้แล้วเหรอ ฉันไม่เคยจะรู้เลย"
ตุ๊บ ฉันเลิกคิ้วก่อนจะมองโทรศัพท์เครื่องหรูที่โยนมาบนตักฉัน ซึ่งมันคือโทรศัพท์ของเขา "อะไร จะให้ฉันเหรอ"
"เปล่า เอาเบอร์เธอมา" ฉันเบะปาก่อนจะกดเบอร์ให้เขา
"ว่าแต่บ่อนของนายถูกกฎหมายปะ"
"....." เงียบ เงียบให้ได้ตลอดนะ ชิ๊
ครืด ครืด ฉันเลิกคิ้วก่อนจะมองโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆซึ่งกำลังปรากฎชื่อคนโทรเข้ามา จี้จี้ หึ คนอะไรชื่อเหมือนหมากระเป๋าของไอ้โช่เลย "รับให้หน่อย" ฉันเนี่ยนะ ดวงตาได้แต่มองมือถือราคาแพงที่ยื่นมาให้
"มือถือนาย นายก็รับเองสิ"
"ไม่เห็นหรือไงว่าฉันขับรถอยู่" ชอบทำให้ฉันลำบากอยู่เรื่อยเลย
"ได้ ถ้ามีปัญหาอะไรอย่าโทษฉันก็แล้วกัน" พูดจบฉันก็กดรับสายทันที
(เจคะ วันนี้จะมาหาจี้หรือเปล่า) OMG!!! เสียงหวานเชียว
"เธอถามว่านายจะไปหาเธอหรือเปล่า" ฉันใช้มือปิดมือถือก่อนจะถามเจ้าของมือถือ
"ไม่ว่าง"
ฉันยกโทรศัพท์มาแนบหูอีกครั้ง "เขาบอกว่าไม่ว่าง" จู่ๆ เสียงก็เงียบก่อนที่จะมีเสียงดังยิ่งกว่าหอกระจายข่าวแถวบ้านฉันดังขึ้น
(กรี๊ด แกเป็นใคร ทำไมถึงรับโทรศัพท์เจ) โว้ย จะกรี๊ดหาพระแสงอะไรเนี่ย
"เป็นคน มีอะไรจะถามอีกหรือเปล่า" ฉันหรี่ตาเจ้าของมือถือที่กำลังยกยิ้มมุมปาก
(ฉันจะคุยกับเจ เจอยู่ไหน)
"ขับรถ"
(แกโกหก แกเอาเจไปไว้ไหน) ถึงคนอย่างเมเบลจะได้ฉายาจอมโจรสาวแต่ไม่เคยคิดจะเอานายเจเคไปซ่อนนะเฮ้ย ขายก็ไม่ได้เงิน จะเอาไปทำอะไร ไม่เห็นมีประโยชน์เลยสักนิด
"เดี๋ยวนะยัยปากนกหวีด ทำอย่างกับฉันขโมยหมาเธอไปงั้นแหละ"
(แก กรี๊ด) ฉันกดวางสายทันทีก่อนจะยื่นมือถือให้นายเจได เพราะแสบแก้วหูกับเสียงกรีดของคนปลายสาย
"เธอนี่ก็ดุเหมือนกันนะ" ถ้าใครได้เป็นแฟนนายเจไดฉันว่าคงเป็นประสาทก่อนแน่ๆ ฉันไม่อยากจะคิดถึงอนาคตผู้หญิงคนนั้นเลย
"ฉันก็เป็นฉันแบบนี้แหละ"
ไม่นานรถหรูก็เคลื่อนมาจอดที่ลานจอดรถ VIP จะว่าไปนายเจไดก็รวยใช่เล่น แต่ติดอยู่นิดเดียว ใช้ผู้หญิงอย่างกับกระดาษทิชชู่
ฉันลงจากรถก่อนจะเดินตามนายเจไดไปที่ห้องแต่งตัว อ้อ จะพาฉันมาเปลี่ยนชุดพนักงานนี่เอง "สวัสดี" ฉันยกมือโบกทักทายลูกน้องนายเจได แต่ก็ต้องเกาท้ายทอยตัวเองเมื่อเขาไม่ทักฉันกลับ
"นี่ชุดทำงานของเธอ" ฉันมองชุดทำงานหน้าตาประหลาดก่อนจะหยิบขึ้นมาดู
"เดี๋ยวนะ นายจะให้ฉันใส่ไอ้ชุดเศษผ้านี้เหรอ" ให้ตายเถอะ วัวตายควายล้ม คนอย่างไอ้เบลที่แค่ใส่กางเกงสามส่วนก็ว่าสั่นแล้ว แต่ไอ้ชุดนี้มันยิ่งกว่า
"เลิกทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แล้วก็รีบไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว ฉันมีเวลาสำหรับพนักงานอย่างเธอไม่มากหรอกนะ"
"รู้แล้วน่า" ชิ๊ ฉันเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะเดินตัวเกรงออกมา
"หึ เธอก็ใช้ได้เหมือนกันนี่" ฉันขบกรามแน่น ฉันว่าฉันกำลังเจอแกล้ง สายตาสะใจคู่นั่นฉันดูออก
"นี่คืดพิภพลูกน้องฉัน คนที่จะสอนงานให้เธอ" พูดจบนายเจไดก็เดินออกไป ปล่อยให้ฉันกับพี่พิภพอยู่ด้วยกันสองคน
"ตามมา" แม๋ ทีแบบนี้ทำเป็นพูด ทักเมื่อกี้ไม่เห็นจะพูดกับฉันเลย
"นั่นคืองานของเธอ" ฉันเบิกตากว้างก่อนจะส่ายหน้ารัวๆ
"ถ้าจะให้ฉันไปนั่งคลอเคลียกับพวกผู้ชายฉันไม่เอาหรอกนะ ถึงฉันจะจนแต่ก็มีศักดิ์ศรีนะ"
"แต่มันคืองานของเธอ เธอจะต้องทำ เพราะนายให้เธอทำ อ้อ แล้วก็อย่าสร้างปัญหาล่ะ"
"ได้" ฉันกัดริมฝีปากล่างก่อนจะยกยิ้มมุมปาก พร้อมกับหน้าร้ายๆของฉัน เข้าเมืองตาหลิ๋วต้องหลิ๋วตาตามสินะ
"เอาไปเสริฟที่ห้อง VIP 1 " ฉันรับไวน์ราคาแพงก่อนจะเดินไปห้อง VIP พอมาถึงก็เปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็พบว่ามีผู้ชายสามคนนั่งอยู่ในห้องโดยผู้ชายสองคนกำลังคลอเคลียกับผู้หญิงนั่งข้างกาย ดูไปผู้ชายสามคนนี้น่าจะเป็นคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับนายเจได ส่วนหน้าตาก็จัดว่าอยู่ในระดับหล่อ
"เอ้า น้องยืนอยู่ได้ รีบมานั่งข้างๆเพื่อนพี่สิจ้ะ" แต่ปากนี่จัดอยู่ในระดับใกล้เคียงกับนายเจไดเลย
"ฉันเดินไปนั่งข้างๆผู้ชายที่ไม่แม้จะสนใจผู้หญิงคนอื่น" ครืด แก้วเปล่าถูกเลื่อนมาตรงหน้าฉัน และฉันมองมันอย่าง งงงวย
"รินไวน์มาสิ บื่ออยู่ได้" ฉันหันไปมองผู้ชายข้างๆกลับต้องตะลึง หน้าตาหล่อระดับหนึ่งเลยทีเดียว หล่อแบบใสๆเหมือนอ้ปป้าเกาหลีเลย ส่วนนายเจไดจะหล่อแบบแบดๆ ดูหล่อแบบเลวๆอะไรประมาณนั้น โอ้ย แล้วฉันจะคิดถึงผู้ชายอย่างนายนั่นทำไมเนี่ย
"นะ นายโอเคหรือเปล่า" ดูท่าทางของเขาเหมือนจะมีปัญหานะ
"เด็กใหม่เหรอ" ฉันพยักหน้าตอบเขา จะว่าไปเขาก็ดูไม่ใช่ผู้ชายอันตรายสักเท่าไหร่ แต่ยังไงก็เถอะ ผู้ชายไว้ใจได้ซ่ะที่ไหน
"ขยับมาใกล้ๆฉัน"
"....." เอ่อ อย่างน้อยฉันก็ไม่ควรเข้าใกล้ผู้ชายที่ไม่รู้จัก
"ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า"