7-1 พันธสัญญาแรก

1709 คำ
ริมทะเลสาบ จิ่วเหมยฮวาเพลิดเพลินกับการขุดดินที่อ่อนนุ่มบรรจงเก็บกล้าสมุนไพรพันธุ์แปลกตารอบริมน้ำ มีจำนวนไม่น้อยที่นางเคยอ่านพบในตำรา บางชนิดก็เคยพบเห็นหรือได้ใช้มาก่อนในชาติที่แล้วนับว่าเป็นพืชล้มลุกที่มีประโยชน์ทั้งสิ้น “นี่ก็ดี เจ้านี่ทำอาหารก็ได้ ปรุงโอสถ ทำพิษก็ได้” “ศิษย์น้อง ปลาสุกแล้ว” “ฮวาเอ๋อร์ เจ้าได้ยินไหมถ้าช้าข้าจะกินให้หมดเลยนะ” “ได้ยินแล้ว” มือที่เปื้อนดินทั้งสองข้างของนางรีบจุ่มลงไปในน้ำล้างจนสะอาด เสียงเรียกหลายรอบแล้วหากช้ากว่านี้ศิษย์พี่ของนางต้องบ่นระหว่างทานอาหารเป็นแน่ “น้ำในทะเลสาบเย็นยะเยือกจริงไม่รู้ว่าเบื้องล่างลึกเพียงใด” นางยิ่งเดินเข้าใกล้ยิ่งได้กลิ่นหอมโชยมากับลมแม้กระทั่งเจ้างูนั่นยังชูคอขึ้นมองอย่างสนอกสนใจแต่จิ่วเอ๋อร์และจิ่วเหมยฮวาไม่ได้นึกสนใจมัน ใครจะคิดว่างูจะอยากกินของปิ้งย่าง มันน่าจะกินเนื้อสดๆเสียมากกว่า ปลาหลายตัวที่เสียบไม้สุกได้ที่แล้วถูกวางพาดไว้กับไม้ด้านบนเสียงน้ำในตัวปลาหยดลงเปลวไฟดัง ชี่ชี่ เป็นระยะ ฮวาเอ๋อร์ยังตัดแบ่งเนื้อปลาสดเป็นชิ้นเล็กเท่าลูกเต๋าเตรียมไว้ให้เจ้างูขาวเกือบครึ่งถ้วยชา “ฮวาเอ๋อร์ ใบไม้ที่เจ้าให้ข้ามาผสมกับเกลือคลุกเคล้าก่อนโรยบนปลาก่อนย่างช่างดีเยี่ยมเจ้าดู เนื้อปลา เจ้าดมสิ หอมมากใช่หรือไม่ ต้องรสชาติดีแน่ๆ ชิมดูฝีมือข้า” "ศิษย์พี่ฝีมือผสมสมุนไพรปรุงรสข้าย่อมดีกว่าเจ้าเป็นแน่ นี่เป็นสูตรที่ผสมกับวิชาสมุนไพรใช้กระตุ้นการหมุนเวียนโลหิตได้ด้วยนะ" “ให้เจ้า..ยังมีอีกหลายตัวเราสองคนน่าจะทานกันไม่หมดนะ” จิ่วเอ๋อร์รำพึงรำพันขณะที่มือยื่นปลาส่งมาให้ฮวาเอ๋อร์ สองคนฉีกเนื้อปลากินกันไปพลางคุยกันไปพลาง ทันใดก็มีเสียงดังก้องในหูนาง “ข้าจะกินปลานั่น!” ใคร จิ่วเหมยฮวาร์หันไปรอบๆ ไม่มีใครนอกจากนางสองคนแล้วนางได้ยินเสียงใคร เมื่อหาไม่เจอนางก็ละความสนใจที่จะหา เริ่มแกะปลาในมือ ปลาในมือจิ่วเอ๋อร์หายไปครึ่งตัวแล้วอย่างว่องไวเพราะนางหิวจริงๆ “ทางนี้ ข้านี่ไง ข้าเอง งูขาวเอาให้ข้ากินด้วย” “งูขาว” จิ่วเหมยฮวาหันไปหาเจ้างูขาวที่กำลังชูคอ ผงกหัวไปมาให้นางเห็น งูก็อยากกินปลาย่างได้ด้วยสินะ นางเหลือบมองกองเนื้อปลาสดที่วางไว้มันยังอยู่เหมือนเดิมเจ้างูนี่แปลกประหลาดนางจึงแบ่งเนื้อปลาย่างของนางให้เล็กน้อย เจ้างูกินอย่างรวดเร็ว เมื่อจัดการมื้อเย็นเรียบร้อยเจ้างูน้อยขดนอนอย่างเงียบเชียบ “เจ้างูนี่ตัวนิดเดียวแต่มันกินจุจริงๆ” “นั่นสิ มันกินปลาเข้าไปสองตัว ถ้ามันกินจำนวนเท่านี้จริงข้าว่าเมื่อมันโตกว่านี้เจ้าจะหาออาหารมาเลี้ยงมันไหวหรือฮวาเอ๋อร์ ไม่สู้ปล่อยมันไว้ในป่าเช่นนี้จะดีกว่าไหม” นางมองงูสีขาวนิ่ง จากนี้รอเพียงเวลาในการเก็บต้นหญ้าแสงจันทร์ทมิฬ จากคำบอกเล่าของนกยักษ์ ต้นหญ้าแสงจันทร์ทมิฬมีลักษณะเป็นพุ่มขนาดเล็กเท่าฝ่ามือเด็กใบเรียวแหลมปกติจะมีสีเขียวเหมือนใบไม้ทั่วไป ทุกวันที่พระจันทร์เต็มดวงเมื่ออาบแสงจันทร์ยามเที่ยงคืนจะเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทผลิดอกสีแดงสดส่งกลิ่นหอมบางๆ เพียงครึ่งชั่วยาม "ท่านต้องจำไว้ ต้นหญ้าแสงจันทร์ทมิฬจำเป็นต้องเก็บให้ได้ในช่วงเวลาที่ดอกบานรับแสงจันทร์ซึ่งจะมีกลิ่นหอมกระจายออกมาเท่านั้น" “มีกลิ่นด้วยหรือ” “ใช่ และกลิ่นนั้นจะดึงดูงสัตว์อสูรที่มีระดับสูงมาที่นี่ได้ตลอดเวลา ดังนั้นมนุษย์ที่มีวาสนาพบและนำมันกลับไปได้นั้นแทบไม่เคยปรากฏ ท่านทั้งสองต้องระวังตัวให้ดี” ในที่สุดดวงจันทร์เคลื่อนมาตรงศรีษะแสงของพระจันทร์ส่องผ่านยอดไม้สูงมองเห็นเป็นลำแสงสวยงามฉายไปที่กลางเกาะในทะเลสาบ ต้นหญ้าแสงจันทร์ทมิฬเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำและดอกก็ค่อยๆบานออกเริ่มส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ กระจายออกก็มา จิ่วเหมยฮวานั่งบนหลังนกยักษ์เตรียมข้ามฝั่งไปที่เกาะเล็กกลางทะเลสาบ ทันใดก็มีค้างคาวปีศาจตาสีแดงปีกสีม่วงขนาดเกือบเท่านกยักษ์บินเข้ามาพร้อมส่งเสียงแหลม นกยักษ์รีบบินอย่างรวดเร็วพุ่งข้ามไปถึงเกาะกลางทะเลสาปย่อตัวให้จิ่วเหมยฮวาลงจากหลังของมัน แล้วรีบบินขึ้นไปค่อยปะทะกับฝูงค้างคาวราวกับพวกมันไม่พอใจที่ไม่สามารถบินเข้ามาถึงเกาะได้จึงส่งเสียงดังยิ่งขึ้นทำให้จิ่วเหมยฮวาเจ็บหน้าอกอย่างรุนแรงแทบหมดสติ กลิ่นคาวเค็มทะลักขึ้นมาจากลำคอ เลือดไหลออกจากปากทันที เสียงของค้างคาวยังดังไม่หยุดพุ่งเข้ามาโจมตีด้วยปีกที่แข็งแรงและเสียงที่มีพลังทำลายจิตวิญญาณ หากเป็นคนทั่วไปคงหมดสติ หรืออาจคุ้มคลั่งไปแล้ว นางพยายามกลั้นความเจ็บปวดเฝ้ามองนกยักษ์ที่พยายามปกป้องนางจากฝูงค้างคาว “ฮวาเอ๋อร์ อดทนไว้” จังหวะที่ค้างคาวหลายตัวถูกกระแทกถอยหลังไป นางรีบวิ่งพุ่งเข้าไปหาต้นหญ้าแสงจันทร์ทมิฬที่กำลังส่งกลิ่นหอมและเลือกเก็บต้นที่ใหญ่ที่สุดในกอมาได้เพียงต้นเดียว ค้างคาวตัวใหญ่สุดที่เป็นจ่าฝูงมองมาด้วยความโกรธเกรี้ยวในดวงตาสีแดงพวกมันส่งเสียงร้องก่อนจะบินพุ่งเข้ามากระแทกนางอย่างแรงจนร่างนางเซไปเกือบตกทะเลสาบ น้ำในทะเลสาบเวลานี้หมุนวนเป็นเกลียวอย่างรุนแรงมีสัตว์ขนาดใหญ่กำลังจะขึ้นมา นกยักษ์รีบบินเข้ามาจิ่วเหมยฮวารีบจับขาแล้วพากันหนีจากมา ไม่มีฝูงค้างคาวบินตามมาพวกมันละความสนใจจากนางยังคงทุ่มเทพุ่งเข้าไปหาต้นหญ้าแสงจันทร์ทมิฬที่เหลืออีกหลายกอที่ขึ้นอยู่บนเกาะ ขณะที่พวกนางพากันหนีออกจากที่นั่นเมื่อเหลือบกลับไปภาพที่เห็นยิ่งน่าหวาดกลัว งูสีดำขนาดใหญ่มากโผล่พ้นน้ำขึ้นมากำลังไล่กินค้างคาวเหล่านั้น ยังมีแมลงประหลาดอีกจำนวนมากที่ไม่รู้ว่ามาจากที่ใดบินวนรอบๆเกาะนั่นคล้ายหมอกสีดำปิดคลุมไปทั่ว “โชคยังดีหากช้ากว่านี้พวกเราทั้งสองคงไม่รอดกลับมา” “ขอบคุณพ่อนกมากที่กรุณาพวกข้า” “ไม่เป็นไร พวกเรารีบไปจากที่นี่ดีกว่า หากพวกนั้นได้กลิ่นต้นหญ้าแสงจันทร์ทมิฬที่เจ้าได้มาเกรงว่าคงยากจะปลอดภัย” “ไป” เสียงของค้างคาวไม่มีผลกระทบต่อนกยักษ์เมื่อถึงฝั่งร่างของจิ่วเหมยฮวาก็ตกลงจากหลังนกยักษ์ “ฮวาเอ๋อร์เจ้าได้รับบาดเจ็บ” เสียงของค้างคาวกระแทกในระยะใกล้ทำให้ชีพจรปั่นป่วน จิตวิญญาณเสียหายรุนแรง ลมหายใจแทบไม่มี จิ่วเอ๋อร์ยกมือป้ายริมฝีปากของตนเองนางก็บาดเจ็บเช่นกันเพียงแต่น้อยกว่าศิษย์น้องอย่างมากเพราะอยู่ไกล นางนั่งเขย่าแขนสลับกับคอยใช้ผ้าซับเลือดที่ไหลรินออกจากปากของจิ่วเหมยฮวา ตอนนี้นางกำลังกลัวมากศิษย์น้องของนางจะตายไหมนางจะทำอย่างไรดี นกยักษ์ทั้งยืนมองด้วยแววตาเป็นห่วงแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ “ทำอย่างไรดี ใครช่วยได้บ้าง โอสถที่ป้อนเข้าไปก็ไม่ช่วยอะไรเลย" “ฮวาเอ๋อร์ ศิษย์น้อง เจ้าอดทนไว้นะอย่าหลับ ข้าจะแบกเจ้ากลับไป อาจารย์รองต้องช่วยเจ้าได้ ฮือฮือฮือ…” นางรู้สึกตัวเพียงแต่ไม่มีแรงพอที่จะเจ็บจังเลยลืมตาไม่ขึ้น นางรู้ดีว่าคงจะทนได้อีกไม่นานแล้ว นางอยากพูดกับจิ่วเอ๋อร์แต่ไม่มีแรงเหลืออยู่แล้วเลือดนี่ช่างเค็มและคาวจังเลย ถ้ามีโอกาสนางจะตั้งใจบำเพ็ญให้มากกว่านี้หากพบเจอสัตว์อสูรที่ระดับสูงจะได้ไม่โดนทำร้ายจนตายโดยต่อสู้ไม่ได้แบบนี้ นางรู้สึกไม่อยากตายเสียดายโอกาสที่ได้มีชีวิตใหม่นี้เหลือเกิน คล้ายอยู่ในความฝันมีแต่ความมืดสลัวนางยืนอยู่เพียงลำพังความเจ็บปวดยังคงมีอยู่ จู่ๆก็มีเสียงพูดดังขึ้น “เจ็บใช่หรือไม่ ข้าสามารถช่วยเจ้าได้นะ เจ้าจะไม่ตายเพียงแต่เจ้าต้องช่วยเหลือข้าแล้วข้าจะช่วยรักษาจิตวิญญาณของเจ้าเอาไว้” เสียงของเด็กชายวัยห้าหกขวบดังขึ้น เป็นเสียงที่ทั้งรู้สึกคุ้นเคยและไม่คุ้นเคย “ใยข้าต้องเชื่อเจ้า" “ฮ่าฮ่าฮ่า .. เช่นนั้นเจ้าคอยดู” จิ่วเหมยฮวายืนเซไปเซมาแทบจะยืนไม่ไหวแล้วเด็กเบื้องหน้ากลายร่างในหมอกควันสีขาวจางๆ ภาพที่นางเห็นคล้ายว่าเห็นเด็กกลายเป็นงูขาวจากนั้นค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นรูปลักษณ์เปลี่ยนไปเป็นมังกรตัวใหญ่ลอยละล่องอยู่บนอากาศเหนือยอดไม้ และค่อยๆหดเล็กลงมาจนมีขนาดเท่าเดิม ลอยอยู่เบื้องหน้า “เป็นไง..ตะลึงเลยใช่ไหมหล่ะ” “ตอบมาเจ้าจะให้ข้าช่วยไหม หากว่าให้ข้าช่วยเจ้าก็ต้องช่วยข้าเช่นกัน” “ได้ เจ้าช่วยข้า ข้ายินดีช่วยเจ้าเป็นการตอบแทน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม