ภูริวัฒน์จัดการไล่ขวัญรุ้งออกตามที่สัญญากับภรรยาเอาไว้ทันที แม้ว่าอีกฝ่ายจะพยายามอ้อนวอนแต่เขาก็ไม่ใจอ่อน เขาส่งเรื่องต่อให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายบุคคล โดยให้เหตุผลว่าขวัญรุ้งไม่ผ่านโปรการทดลองงาน
นอกจากนี้เขายัง พยายามเป็นสามีที่ดีและเตรียมตัวจะเป็นพ่อที่ดีให้ได้มากที่สุด เขาจะแบ่งเวลาที่ว่างจากการทำงาน ไปเข้าคอร์สเตรียมตัวเป็นคุณพ่อและคุณสามีที่ต้องดูแลภรรยาตั้งครรภ์
แต่ทางปรีญาณินนั้น เธอยังคงตัดใจลืมเรื่องที่ผ่านมาไม่ได้ ส่วนหนึ่งคงเป็นผลของฮอร์โมนคนท้อง ทำให้เธอคิดมากและไม่สามารถลืมเรื่องนี้ได้สักที
"นี่คุณทำกับข้าวเองเหรอ" หญิงสาวเอ่ยถามขึ้นเมื่อเธอเห็นว่าสามีของตัวเองยกจานอาหารมาตั้งที่โต๊ะรับประทานอาหารแถมเขายังสวมผ้ากันเปื้อนอีก
นี่ถือเป็นภาพที่ค่อนข้างจะแปลกตาสำหรับปรีญาณิน แต่นี่ก็ไม่ใช่ภาพเดียวที่เธอรู้สึกแปลกตา นับตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเธอตั้งครรภ์ จนถึงตอนนี้เธอตั้งครรภ์ได้ 7 เดือนแล้ว
หลายอย่างที่ภูริวัฒน์พยายามเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เขาทั้งคู่ได้เดินหน้าต่ออย่างราบรื่นที่สุด
ตรงนี้ปรีญาณินก็พอจะสัมผัสได้อยู่บ้าง แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน เธอจึงก้าวผ่านอดีตที่เลวร้ายของตัวเองไม่ได้สักที
"ผมพึ่งไปเข้าคอร์สเรียนทำอาหารสำหรับคุณแม่ไตรมาสที่ 3 มา ก็เลยอยากลองลงมือทำให้คุณชิมดู" ชายหนุ่มไม่ว่าเปล่า เขาเดินเข้ามาประคองภรรยาของตน ที่ไหนตอนนี้สวมชุดคลุมท้องสีฟ้าอ่อน ปรีญาณินที่มีอายุครรภ์ 7 เดือนท้องโตจนสังเกตได้
หลังจากที่ทั้งสองครอบครัวได้รับรู้เรื่อง การตั้งครรภ์ของปรีญาณิน ก็พากันดีใจยกใหญ่ทั้งปู่ย่าตายาย ไม่ทันถึงกำหนดคลอด ก็วางแผนซื้อของรับขวัญกันแล้ว
แต่นั่นก็ยิ่งทำให้ปรีญาณินรู้สึกผิด เพราะหากบุคคลเหล่านี้ ได้รับรู้เรื่องที่เธอเผลอไผลทำผิดไป ก็คงจะเสียใจกันไม่น้อย
“วันนี้หมอนัดใช่ไหม คุณจะไปตอนไหน ผมจะได้มารับถูก” ชายหนุ่มพูดขึ้น ตั้งแต่ครบกำหนดครรภ์ 5 เดือน ภูริวัฒน์ก็ขอให้ภรรยาของเขา ลาพักผ่อนอยู่บ้าน เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยกลับไปทำงาน หากว่าเธอยังอยากทำอยู่
นอกจากนี้เขาก็ยังรับหน้าที่ รับส่งภรรยาเวลาที่ต้องไปหาหมอ เพราะอยากรู้ความคืบหน้าของลูกในท้องด้วยเช่นกัน
“เดี๋ยวฉันให้ลุงสมานพาไปก็ได้ เมื่อคืนคุณบอกว่าวันนี้มีประชุมใหญ่ไม่ใช่เหรอ”
“ได้ไงล่ะ อาทิตย์ที่แล้วหมอก็สั่งไว้อยู่ว่าช่วงนี้สำคัญ ผมจะพลาดได้ยังไง” ปรีญาณินไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับเขา ในเมื่อเขายืนยันว่าจะพาไป เธอก็ไม่ขัด อีกอย่างก็รู้ดีว่าเขาพยายามจะทำหน้าที่พ่อให้เต็มที่ที่สุด
“ส่วนเรื่องคลอดฉันคิดดูแล้วนะว่าจะผ่า” หญิงสาวเอ่ยขึ้นขณะที่กำลังตักผัดฟักทองใส่จานข้าว อาทิตย์ก่อนคุณหมอที่เธอฝากครรภ์ให้คำถามมาว่าอยากคลอดเองหรือผ่าคลอด จริงๆ ก็คิดหนัก เพราะว่าเธอไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย เรื่องที่จะมีลูก และก็ไม่มีความรู้เรื่องคลอดแบบไหนดีกว่ากัน แต่หลังจากได้หาข้อมูล และพูดคุยกับสามีแล้ว เธอคิดว่าผ่าคลอดน่าจะเหมาะกับเธอมากกว่าคลอดเองตามธรรมชาติ
“ผมตามใจคุณอยู่แล้ว วันนี้ก็ให้คำตอบหมอไปก็แล้วกัน”
“อร่อย” หญิงสาวพูดขึ้นมาเพียงสั้นๆ แต่ก็ทำให้คนฟังยิ้มจนแก้มปริได้ ปรีญาณินเพียงอยากตอบแทนความตั้งใจของเขา แต่ผัดฟักทองที่เธอเพิ่งกินมันก็อร่อยอย่างที่พูดจริงๆ แต่ก็คิดว่าควรจะพูดออกมาให้คนทำได้ยิน เขาจะได้มีกำลังใจทำต่อไป
“งั้นก็กินเยอะๆ เลยนะ จะได้อิ่มทั้งแม่ทั้งลูก” หญิงสาวสัมผัสได้ว่า สามีไม่สนิทใจนักเรื่องลูกในท้องของเธอ แม้ว่าปากของเขาจะพูดอยู่ตลอดว่ายินดีรับผิดชอบ แต่มันเหมือนมีบางอย่างที่ทำให้เขาร็สึกไม่มั่นใจ ว่าเด็กในท้องของเธอจะเป็นลูกของเขา
ถึงอย่างนั้นภูริวัฒน์ก็ไม่ได้มีท่าทีรังเกียจ หรือลังเลออกมาให้เห็น เพียงแต่ปรีญาณินสัมผัสได้จากแววตาของเขาในบางช่วงเวลา ถึงจะปรากฏให้เห็นแค่เสี้ยววินาที แต่เธอก็รับรู้ได้ นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้หญิงสาวยังคงกังวล
ส่วนตัวเธอนั้นรู้อยู่เต็มอกว่า เด็กในท้องเป็นลูกของสามีเธอแน่นอน แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะทำให้เขามั่นใอย่างไรได้ เพราะตอนที่อยู่ในอารมณ์โกรธ ดันไปพูดให้เขาคิดเสียแล้วว่าเด็กอาจไม่ใช่ลูกของเขา และเหมือนว่าสามีของเธอก็จะคล้อยตามคำพูดนั้นเสียด้วย
-คลินิก-
“สุขภาพแข็งแรงดีทั้งแม่และเด็กครับ น้ำหนักใช้ได้ หัวใจชีพจรดีทุกอย่าง” คุณหมอพูดก่อนจะหันมองหน้าหญิงสาวในชุดคลุมท้องสีฟ้าอ่อน เขาสัมผัสได้ถึงแววตาที่ดูเต็มไปด้วยความกังวลของเธอ จึงได้ตัดสินใจเอ่ยถาม
“คุณแม่มีเรื่องไม่สบายใจ กังวลใจอะไรหรือเปล่าครับ”
“ก็กังวลเรื่องคลอดนี่แหละค่ะ แอบกลัว”
“อ๋อ...ไม่ต้องกังวลไปครับ คุณแม่แข็งแรงดีขนาดนี้ การคลอดจะต้องผ่านไปด้วยดีแน่นอน แต่ว่าได้คำตอบแล้วใช่ไหมครับ ว่าจะคลอดเอง หรือผ่าคลอด”
“ค่ะ ฉันคิดว่าผ่าคลอดน่าจะดีกับฉันที่สุดนะคะ” หญิงสาวพูดพลางเหยียดยิ้ม หมอหนุ่มพยักหน้ารับ
“ผมเข้าไปกับภรรยาได้ใช่ไหมครับ วันที่เธอคลอด” ภูริวัฒน์แทรกขึ้น
“ครับ คุณพ่อจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปให้กำลังใจคุณแม่ได้” ปรีญาณินนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ขณะที่ภูริวัฒน์กำลังพูดคุยกับหมอ ความคิดบางอย่างแทรกเข้ามาในความคิด ความลังเล และเรื่องที่ทำให้กังวลใจกันอยู่ตอนนี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเดินหน้าไปอย่างราบรื่นไม่ได้
“คุณหมอคะ”
“ครับ”
“สามารถตรวจ DNA ก่อนคลอดได้หรือเปล่าคะ”