ตอนที่ 4 เสียงแผ่วในรถม้า
เช้าวันถัดมาขบวนเดินทางไปเสียนหยางก็พร้อมแล้ว ที่มากสุดเห็นจะเป็นสินเดิมของอู๋ชิวอิ่งสองคันรถ แต่ก็ส่งไปก่อนล่วงหน้าแล้วถึงเจ็ดส่วน ที่เหลือแค่นี้นับว่าไม่มากแล้ว ทั้งสองคันรถนี้มีสาวใช้ของนางนั่งไปด้วย สองบ่าวที่ตามมาทีหลังเป็นคนขับรถม้าเอง ของพวกนี้นับว่าไม่มากมายอะไรนัก ซูซื่อนั่งรถม้าพร้อมบุตรสาวคนโต ตั้งแต่ไปบอกลาฮูหยินผู้เฒ่าก่อนขึ้นรถ นางไม่แม้แต่จะชายตาแลลูกสะใภ้สักนิด ใช่ว่าหลิวเต๋อหมิงไม่เห็น เขาเพียงอยากให้มารดากับภรรยาปรองดองกันเท่านั้น แต่เห็นเช่นนี้ก็ได้แต่เก็บปากเงียบ หลิวเป่าหลิงเห็นแล้วเช่นกัน นางหันไปยิ้มปลอบใจให้น้องชายอย่างรู้ใจ สองพี่น้องไม่ได้พูดอะไรกับมารดานักเพราะถึงอย่างไรก็มีเวลาอีกมากให้แม่สามีกับลูกสะใภ้คู่นี้ได้ทำความรู้จักกันดีๆ
หลิวเต๋อหมิงกับอู๋ชิวอิ่งนั่งอีกคันหนึ่ง คนสกุลหลิวกับสกุลอู๋ไม่ได้ตามไปส่งเพราะตอนกลับไปเยี่ยมบ้านเดิมอู๋ชิวอิ่งรั้งบิดามารดาและพวกพี่ชายไว้ เพราะการจากลามันปวดใจ นางจึงไม่ยอมให้พวกเขาตามไปส่ง แต่ถึงกระนั้นอู๋ชิวอิ่งรู้สึกอาลัยครอบครัวอยู่บ้าง ชาติก่อนนางมีโอกาสกลับมาเยี่ยมบ้านแค่สองครั้ง หลังจากนางตายไปไม่รู้ท่านแม่ของนางจะปวดใจแค่ไหน และครั้งนี้นางไปแล้วจะได้กลับมาอีกหรือไม่นางก็ไม่อาจคาดเดา
ในชาติก่อนนั้นหลิวเต๋อหมิงมีโอกาสย้ายกลับมารับตำแหน่งที่เมืองหลวงสองครั้ง แต่เขากลับตัดสินใจอยู่เสียนหยางต่อด้วยเหตุผลเพียงเพราะเขาผูกพันกับชาวบ้านที่นั่นและชอบแบบรรยากาศที่นั่นจึงตัดใจไม่ลง นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ซูซื่อตำหนินางที่ไม่ยอมเกลี้ยกล่อมให้สามีเปลี่ยนความคิด ครั้งนั้นนางจะทำอะไรได้ ได้แต่ก้มหน้าให้แม่สามีตำหนิต่อไปจนตัวตายนั่นแหละ
ครั้งนี้นางก็จะไม่เกลี้ยกล่อมให้เขากลับมา หากเขาอยากกลับก็ต้องเป็นความสมัครใจของเขาเอง ส่วนนางที่ห่วงหาบ้านเดิมนั้นก็ค่อยว่ากัน ถึงอย่างไรนางก็ออกเรือนแล้วนับว่าเป็นคนสกุลอื่นจะให้เกาะติดท่านแม่ของนางไม่เลิกราก็คงไม่ได้
นางนั่งมองออกไปนอกหน้าต่าง สองข้างทางนอกประตูเมืองเป็นย่านการค้าที่ค่อนข้างจะคึกคักมาก แต่ถึงกระนั้นอาคารบ้านเรือนยังนับว่าเป็นระเบียบสวยงาม ห่างไปไม่ไกลมีเรือมาจอดเทียบท่าส่งสินค้าขึ้นรถแทบไม่ขาดสาย
รถม้าเล่นไปตามถนนหลวงนอกเมืองหลวงมาได้ราวห้าสิบลี้[1]แล้ว ในรถม้าคันใหญ่นี้กว้างขวางมาก โดยภายในถอดเก้าอี้ออก ทำเป็นยกพื้นต่างระดับขึ้นมาเล็กน้อย ปูพื้นด้วยพรหมหนานุ่ม มีหมอนผ้าห่มเตรียมไว้พร้อม โต๊ะเล็กหนึ่งตัว มีเตากับกาน้ำชาวางอยู่ กล่องอาหารสามชั้นอีกหนึ่งกล่อง กล่องขนมและของทานเล่นอีกหนึ่งกล่อง ตามผนังเหนือศีรษะมีช่องเก็บของใช้กระจุกกระจิก หน้าต่างสองข้างระบายอากาศได้ดีแขวนม่านสองชั้น รถม้าแล่นไปตามทาง แม้เป็นถนนหลวงแต่ก็เป็นถนนนอกเมืองมีทางขรุขระบ้างแต่ภายในรถม้านั่งสบายจนแทบไม่รู้สึก เพียงแต่คนนั่งภายในกลับไม่ได้นั่งดีๆ เท่านั้นเอง ตั้งแต่ผ่านย่านการค้านอกกำแพงเมืองมา ถนนค่อนข้างเงียบสงบ อยู่ๆ หลิวเต๋อหมิงก็ดึงหน้าต่างปิดทั้งสองบานแล้ว
“ที่บ้านพ่อตาเมื่อวานก็รู้สึกว่าดียิ่ง แต่ตอนนี้ยิ่งดีกว่ามาก น้องหญิงว่าใช่หรือไม่” เสียงนี้ดังแค่กระซิบ
อู๋ชิวอิ่งมองไปทางประตูรถม้าที่ปิดไว้สนิทดีแล้ว รถม้ากำลังเคลื่อนไปด้วยความเร็วสม่ำเสมอ นางก้มลงมองตัวเองที่เสื้อผ้าหลุดลุ่ยไม่ต่างจากหลิวเต๋อหมิง หน้าอกนางเปิดเปลือยอวดอกอวบอิ่มและยอดสีชมพูเด่นตา เนินเนื้อสองก้อนล้วนมีรอยจ้ำแดงจากการถูกดูดและขบกัด
“แบบนี้ดีหรือไม่” เขาเอื้อมมือมาจากด้านหลังกอดคนด้านหน้าที่นั่งซ้อนตักเขาหันหน้าไปทางประตูรถม้า ปลายนิ้วบดขยี้อยู่กลางระหว่างต้นขาที่แยกกว้างของนาง กางเกงตัวในและผ้าปิดอายถูกเขาถอดออกไปแล้ว เหลือก็แต่กระโปรงที่เขาถลกมันขึ้นมาเหนือต้นขา
เขารู้สึกว่าได้ทำอะไรกับนางเช่นนี้ช่างทำให้ตื่นเต้นและแปลกใหม่มาก นั่งอยู่ในรถม้านานเข้าก็เริ่มเบื่อเลยจับนางมาหยอกเล่นเสียเลยดีกว่า คนขับรถม้าก็คือบ่าวคนสนิทของเขาเอง หลิวตงไม่ใช่คนพูดมากและไม่พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดอยู่แล้ว พวกที่ติดตามเขามาด้วยคือพวกทหารที่แม่ทัพหยางจิ่นจัดมาให้เขาเพื่อการเดินทางครั้งนี้ เดิมทีเขาจะให้พวกมือปราบในที่ว่าการตามมาด้วย แต่จนใจที่มือปราบมีน้อย ซ้ำยังต้องดูแลความเรียบร้อยในเมืองระหว่างที่เขาไม่อยู่ แม่ทัพหยางจึงส่งทหารมาให้อย่างรู้ใจ ซึ่งรับรองได้ว่าพวกทหารเหล่านี้ไม่กล้าล่วงเกินเขาที่เป็นเจ้าเมืองแน่
“ตอนนี้กำลังเดินทาง ไม่งามเลยนะท่านพี่” อู๋ชิวอิ่งอ่อนอกอ่อนใจยิ่ง นางนั่งตัวอ่อนยวบอยู่บนตักเขา แผ่นหลังพิงอกเขา สองมือพยายามดึงมือเขาออกจากส่วนเร้นลับของตัวเองแต่เขากลับไม่ยินยอม ตอนนี้เขาสอดนิ้วเข้าไปทักทายภายในนางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“อา ท่านพี่” นางกระซิบเรียกเขาด้วยความรัญจวนใจ เพียงแต่ไม่กล้าส่งเสียงดังนัก
ในรถเริ่มอวลไปด้วยกลิ่นอายเฉพาะยามสองคนร่วมรักกัน “ให้ข้าช่วยน้องหญิงสักครั้งก่อน แล้วน้องหญิงค่อยช่วยข้าบ้าง”
หลิวเต๋อหมิงเคล้นคลึงหน้าอกนางหนักมือขึ้น มืออีกข้างเริ่มสอดเข้าออกในร่องรักเป็นจังหวะที่ถี่กระชั้น อู๋ชิวอิ่งหอบหายใจรุนแรง เสียงครางเล็ดลอดออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า นางรู้สึกหวิวในท้องน้อย น้ำรักหลั่งรินอาบชโลมมือเขาไปแล้วเพราะความตื่นเต้นและความกระสันเสียวอย่างรุนแรง เพียงแต่นางยังไม่ถึงฝั่งฝันที่สูงสุดก็เท่านั้น
“น้องหญิงตื่นเต้นจนน้ำเยอะขนาดนี้เชียวหรือ อือ” เขาถอนนิ้วออกมาดู เห็นในอุ้งมือตัวเองเปียกไปด้วย เพียงแต่มันเปื้อนเพราะเขาทำ กลิ่นหอมรัญจวนเย้าอารมณ์จนเขาอดใจไม่ไหวส่งปลายนิ้วนั้นเข้าปาก ดูดเลียต่อหน้านาง จากนั้นก็คว้าหมับให้นางหันหน้ามารับจุมพิตเร่าร้อนจากเขา รสชาติในปากเขากับนางจึงเป็นรสและกลิ่นเดียวกันไปแล้ว เขาทำเรื่องน่าอายคนเดียวไม่พอ ยังบังคับนางให้ทำกับเขาด้วย
ทั้งสองบดจูบแลกลิ้นกันจนแทบหายใจไม่ทัน อู๋ชิวอิ่งเบือนหน้าหนีเพื่อจะสูดอากาศหายใจ เขาจึงยอมหยุดจูบ วกกลับลงไปด้านล่าง นิ้วแข็งและยาวสอดเข้าไปในช่องทางคับแคบอีกครั้ง
“ทำพร้อมกันดีหรือไม่” เขาถามนางไปอย่างนั้นแหละ ทั้งที่จริงเขาก็คิดไว้ก่อนแล้ว
อู๋ชิวอิ่งถูกผลักให้ล้มตัวลงนอนคร่อมบนตัวเขา หันศีรษะไปคนละทาง นางจึงเข้าใจว่าเขาต้องการให้ทำอะไร เพราะเขาเคยพูดไว้ว่าอยากทำอย่างนี้มานานแล้ว เขายกตัวขึ้นเล็กน้อย คลายเชือกกางเกงตัวใน ดึงท่อนเนื้อแข็งผงาดออกมาเด่นหราอยู่ตรงหน้านาง
“กว่ารถจะจอดเพื่อพักก็อีกหนึ่งชั่วยาม น้องหญิง พวกเราค่อยๆ ทำกันเถอะ” เสียงเขาแหบพร่าขณะที่จับต้นขานางดึงให้สะโพกนางใกล้ใบหน้าเขาอีกสักนิด กลิ่นกายนางหอมหวาน บุปผาแดงฉ่ำยิ่งมีกลิ่นสาบสาวที่หอมเฉพาะตัวที่เขาชอบมาก
อู๋ชิวอิ่งไม่วายที่จะหันมองประตูรถม้าที่ปิดไว้อย่างแน่นหนา นางไม่ได้หน้าหนาเช่นเขาเสียหน่อย บ่าวคนสนิทของเขาก็ขับรถม้าอยู่ใกล้นิดเดียว ไหนจะพวกทหารที่ติดตามมาอีกเล่า
หลิวเต๋อหมิงไม่ได้คิดมากขนาดนั้น เขาแค่เกิดอารมณ์จึงคิดจะชักชวนนางปลดปล่อยสักครั้งก็เท่านั้น ตอนนี้ก็พร้อมแล้ว เขาใช้หัวแม่มือลูบไล้อยู่กับเนื้ออวบอูมที่ลอยเด่นอยู่เหนือหน้าตน ริมฝีปากแตะจูบที่ความสาวครั้งหนึ่ง จากนั้นแลบลิ้นเลียหยาดฝนวสันต์ที่กำลังไหลซึมออกมาเล็กน้อย แต่ก็ทำให้อู๋ชิวอิ่งถึงกับชะงักหดกายเล็กน้อย
“ทำให้ข้าสิ” เสียงแหบพร่าของเขาเร่งเร้ามา อู๋ชิวอิ่งถึงก้มลงมองท่อนเนื้อตรงหน้าอย่างจริงจังตั้งใจ แม้นางกับเขาจะร่วมรักกันมาหลายครั้ง ทั้งนางเคยใช้มือให้เขา แต่ไม่ค่อยกล้ามองท่อนเนื้อที่ใกล้และชัดเจนเช่นนี้มาก่อน นางค่อยๆ กุมมันไว้ในอุ้งมือ เนื้อแข็งทั้งยังอุ่นจัด ที่สำคัญรูปร่างหน้าตามันน่าอายมาก ส่วนหัวเป็นหยักชัดเจน มีสีชมพูอ่อน ไปๆ มาๆ ถึงกับหน้าร้อนวูบวาบ แต่ก็ไม่ได้ผละไป นางลูบท่อนเนื้อขึ้นลงอย่างที่เคยทำให้เขา ไม่นานก็ได้ยินเสียงครางแหบต่ำในลำคอของคนใต้ร่าง นางรู้ว่าเขาชมชอบ จึงเร่งจังหวะขึ้นไปอีก ส่วนปลายเริ่มมีหยาดน้ำค้างสีใสซึมออกมาให้เห็น ยิ่งมองนางเองก็ยิ่งอยากทำอีก อยากจะทำให้มากกว่านี้
“จูบมันหน่อย อา น้องหญิง จูบ” เขาสั่งเหมือนกับอ้อนวอนให้นางจูบท่อนเนื้อของเขา
อู๋ชิวอิ่งจึงก้มหน้าลงไปหาท่อนเนื้อ ริมฝีปากแตะจูบแผ่วเบา จากนั้นจึงค่อยๆ แลบลิ้นออกมาแตะมันครั้งหนึ่ง รสชาติมันหรือ นางก็บอกไม่ได้ รู้แค่ว่าแม้แต่กลิ่นกายเขาก็ทำให้นางมึนเมาคล้ายล่องลอยแล้ว
ตอนนี้เองที่หลิวเต๋อหมิงลงมือกับส่วนนั้นของนางเต็มที่แล้ว เขาจับต้นขานางให้แยกออกกว้าง คว้าหมับเข้าที่สะโพกกลมมน จากนั้นฝังใบหน้าไปคลุกเคล้ากับบุปผาแดงฉ่ำ ริมฝีปากจูบเม้ม ปลายลิ้นแลบออกมาเลียลากยาวขึ้นลงยังกลีบเนื้อเล็กๆ จนมันเปียกแฉะกว่าเก่า นิ้วมือสอดเข้าไปในช่องคับแคบนั้นทันใด จากนั้นเริ่มขยับเข้าออกไปพร้อมกับละเลงลิ้นเลียเนินเนื้อกระสันและตุ่มเนื้อที่บวมขึ้นมาเล็กน้อย
“อือ อา” อู๋ชิวอิ่งผละจากท่อนเนื้อหงายหน้าร้องครางด้วยความลืมตัว นางชะงักไปและพยายามเก็บเสียง กายสั่นระริกเพราะถูกเขารุกเร้าจนตั้งตัวไม่ทัน
“น้ำจากตรงนี้อร่อยยิ่งนัก น้องหญิงเล่า รีบๆ ลงมือเข้า” เขากระดกสะโพกขึ้นจนท่อนเนื้อผงกหัวอยู่หลายครั้ง นางจึงกุมมันไว้มั่น ก้มลงไปหา แลบลิ้นรัวเลียมันเช่นกัน เลียส่วนหัวอยู่พักใหญ่ก็เริ่มเลียด้านข้าง ทิ้งรอยน้ำลายเคลือบท่อนเนื้อไว้ตลอดทาง
อู๋ชิวอิ่งผละจากท่อนเนื้อเขาเล็กน้อย มองความแข็งที่ผงาดน่าดูชม จากนั้นจึงตัดสินใจก้มลงไปหามันอีกครั้ง คราวนี้นางอ้าปากครอบมันเข้าไป
“อา อูย แบบนั้น ใช้ลิ้นด้วย เลียอีก ขยับหัวด้วย” เขาเอื้อมมือมากดหัวนางลงพร้อมกับเสยสะโพกขึ้น ทำให้ท่อนเนื้อเข้าลึกไปในลำคอนางจนแทบหายใจไม่ออก นางดันต้นขาเขาหลายครั้งแต่เขายังกดหัวนางอยู่ จนกระทั่งเขาถอยเอง แต่ก็นำพาให้นางเริ่มขยับหัวและอ้าปากครอบท่อนเนื้อขึ้นลงไปตามจังหวะเบาๆ จนกระทั่งนางเริ่มทำเองเป็นแล้ว เขาเลื่อนมือไปเคล้นคลึงสองเต้าอวบอิ่มสองสามครั้ง จากนั้นก็ลงไปสาละวนอยู่กับบุปผาของนางอีกครั้ง
“อือ อึก อา” อู๋ชิวอิ่งครางเสียงแผ่ว แต่เพราะนางอมท่อนเนื้อไว้ เสียงที่ออกมาจึงเปล่งแปลกสักหน่อย เขาทำให้นางกายสั่นเพราะความซ่านเสียว นางจึงเอาคืนด้วยการดูดเลียลงลิ้นหนักขึ้น เน้นดูดและเลียตรงส่วนยอด กลืนกินฝนวสันต์ของเขาเข้าไปอึกแล้วอึกเล่า แต่น้ำลายนางก็เคลือบลำแข็งขึ้นจนเหนียวเยิ้มเช่นกัน
ทั้งสองผลัดกันรุก คล้ายโกรธ คล้ายอยากเอาคืน แต่มีแค่ความรู้สึกเสียวซ่านรัญจวนไปถึงทรวงเท่านั้น เสียงครางเริ่มดังขึ้นเล็ดลอดออกไปนอกรถม้าบ้าง พวกทหารที่ควบม้าอยู่ไม่ห่าง หันมองรถม้าท่านเจ้าเมืองแล้วก็มองใบหน้านิ่งดุจหินก้อนใหญ่ของหลิวตงที่ขับรถม้าอยู่เงียบๆ ในเมื่อเจ้าหลิวตงไม่แสดงอาการใด พวกเขาก็อย่าได้คิดมากเลย เพียงแค่ขี่ม้าออกห่างจากรถม้าท่านเจ้าเมืองหน่อยก็ไม่เป็นไรกระมัง
สองคนในรถม้าก็เก็บอาการและเสียงรัญจวนไม่อยู่แล้วเช่นกัน อู๋ชิวอิ่งเร่งมือรูดท่อนเนื้อขึ้นลงไม่หยุดพร้อมกับครอบปากอ้าอมส่วนปลายไปด้วย ลงลิ้นรัวเลียไปด้วย จึงเกิดเสียงแผล็บๆ อยู่ตลอด มีหลายครั้งที่เขาตัวเกร็งและเสยสะโพกขึ้นใส่นาง
หลิวเต๋อหมิงรู้สึกดีมาก ลมหายใจหอบแรงและครางเสียงต่ำในลำคอตลอด แต่เขาไม่ได้หยุดมือและปากที่กำลังปรนเปรอบุปผางามอยู่ นิ้วมือถูกชักเข้าชักออกรัวเร็ว ขยี้ลิ้นรัวใส่ตุ่มเนื้อเล็กๆ ไม่หยุด จนกระทั่งรับรู้ได้ถึงผนังในช่องทางคับแคบนั้นบีบรัดนิ้วเขาถี่เร็ว น้ำหวานใสไหลออกมาให้เขาดูดดื่มไม่ขาด หญิงสาวตัวสั่นเกร็ง ปล่อยริมฝีปากออกมาครางเสียงหวานแล้วก็ถูกมือตะปบปิดเสียงไว้ แต่ร่างกายนางยังสั่นกระตุกอีกหลายครั้ง จากนั้นร่างกายส่วนบนของนางจึงอ่อนยวบ นอนหอบหายใจถี่เร็วอิงแอบท่อนลำแข็งขึงของเขาอยู่
หลิวเต๋อหมิงขยับกายลุกขึ้นและผลักนางให้ลงไปนอนด้านล่าง ใบหน้างามแดงก่ำ ไรผมชื้นเหงื่อแล้ว นางอ่อนแรงรวยรินปวกเปียกไปหมด เขาจึงก้มลงไปจุมพิตนาง ริมฝีปากบดเคล้าแลกลิ้นดุนดูดกันเร่าร้อน เขานำมือนางไปวางที่ท่อนเนื้อที่ยังไม่ได้คายพิษออกมา นางเห็นใบหน้าที่รอคอยของเขาแล้วก็ยกตัวขึ้น ดันเขาให้นอนลง แล้วก้มลงไปครอบครองท่อนเนื้อนั้นไว้ด้วยริมฝีปาก อ้าอมครอบปากลงไปเป็นจังหวะ ปลายลิ้นก็เริ่มรัวกับส่วนยอดไม่หยุด ชายหนุ่มถึงกับหายใจหอบถี่ สองมือกดหัวนางไว้ สะโพกยกขึ้นเสยใส่นางติดๆ กันหลายครั้ง
เสียงแผล็บๆ ผับๆ ดังอยู่ชั่วขณะหนึ่งก็หยุดและตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำของบุรุษ หลิวเต๋อหมิงตัวเกร็งกระตุกไปแล้ว น้ำพิษที่ถูกเขารีดเค้นออกมานั้นถูกนางกลืนกินไปด้วยความไม่ตั้งใจเพราะเขายังกดหัวนางอยู่กับต้นขาเขา นางจึงหายใจลำบากอยู่บ้าง จนกระทั่งน้ำกามขาวขุ่นล้นเลอะออกมา นางจึงดันต้นขาเขา สองมือที่ยึดหัวนางไว้จึงคลายออก เขาดึงนางขึ้นมา ใบหน้าเขาบ่งบอกถึงความสุขสม เขากำลังยิ้มกริ่มอย่างพอใจ จากนั้นใช้หัวแม่มือปาดน้ำกามที่เลอะริมฝีปากของนาง
“น้องหญิงเก่งกาจถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไร” เสียงเขายังแหบพร่าไม่เป็นปกตินัก
ในรถม้าเริ่มร้อนอบอ้าว กลิ่นวสันต์อวลอยู่ในอากาศเข้มข้น สองคนร่างชื้นเหงื่อซุกซบกอดกันและกัน ริมฝีปากชายหนุ่มเริ่มไล้เลียริมฝีปากนาง จากนั้นแตะจูบลงไปแผ่วเบา เขาหายใจในจังหวะเป็นปกติแล้ว มือหนึ่งเคล้าคลึงหน้าอกอวบอิ่มที่เต่งตึงของนางอยู่ตลอด
“ทำเช่นนี้ก็ไม่เลวเลยว่าหรือไม่”
“ไม่เอาแล้ว” นางส่งเสียงอย่างอ่อนอกอ่อนใจ แม้จะตื่นเต้นและแปลกใหม่ แต่นางไม่อยากทำเรื่องเช่นนี้นอกบ้านบ่อยนักหรอก น่าอายจะตาย
“ได้ วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้” เขาหัวเราะเสียงต่ำในลำคอ จากนั้นโอบนางขึ้นมานอนทับร่างตน กอดกระชับนางไว้แน่น
“เมื่อสักครู่ท่านทำเสียงดังไปแล้ว”
“แล้วอย่างไรเล่า” เขาพลิกตัวกลับให้นางลงไปนอนใต้ร่างเขาและก้มลงไปจูบเนินเนื้อหน้าอกที่ยังเปิดเปลือยอยู่ “แค่ได้ยินเสียงแต่ไม่เห็น ไยต้องกังวลไป”
“ท่านพี่... เฮ้ย ให้ข้าเช็ดเนื้อเช็ดตัวก่อน” นางถอนหายใจพร้อมทั้งค้อนใส่เขาและดันอกเขาไปด้วย
หลิวเต๋อหมิงกลับกอดนางไว้แน่น เขาชอบให้นางมองค้อน ชอบให้นางทำแง่งอนใส่ ชอบเห็นท่าทางจนใจที่เอาชนะเขาไม่ได้ เขาชอบใบหน้าแดงเปล่งปลั่งที่มีสีเลือดฝาดนั้นยิ่ง
“น้องหญิง พวกเราสามีภรรยาอยู่กันดีๆ ปรองดองกันไว้ ข้าจะไม่มีใครนอกจากอาชิวของข้า” เขาได้ยินพี่ใหญ่ของนางเรียกนางว่าอาชิว จึงลองเรียกดูบ้าง
“ท่านพูดเร็วเกินไปหรือไม่” นางสะท้อนใจไม่หาย นี่เป็นการสัญญารักของเขาหรือ ชาติก่อนตอนที่เดินทางเช่นนี้ เขากับนางนั่งไปเงียบๆ ไม่ได้ทำเรื่องวาบหวิว ไม่ได้สัญญารักเช่นนี้
“หรือน้องหญิงอยากให้สามีรับอนุ?”
อู๋ชิวอิ่งตัวแข็งไปชั่วขณะ หน้าถอดสีไปเล็กน้อย แม้นางจะยิ้มกลบเกลื่อนแต่หลิวเต๋อหมิงสังเกตอยู่ มีหรือเขาจะมองไม่เห็น นางยังไม่พูด เขาจึงรัดนางแน่นขึ้นอีก “ว่าอย่างไร?”
นางหลุบตาลงพักหนึ่ง จากนั้นจึงช้อนตาขึ้นสบตาเขาที่ยังรอคำตอบอยู่ “ข้าไม่อยากให้ท่านพี่รับอนุ” พูดออกไปแล้วก็รอดูท่าทีเขา เห็นเพียงแค่นัยน์ตาเขาวาวแสงขึ้นครั้งหนึ่ง
“แต่นั่นก็ต้องขึ้นอยู่กับท่านแม่ด้วยว่าอยากให้ท่านรับอนุหรือไม่”
“เหตุใดถึงพูดเช่นนั้นเล่า” เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ท่านแม่ไม่ชอบข้า ท่านพี่ ขออภัยที่ข้าต้องพูดตรงๆ วันใดวันหนึ่งท่านแม่อาจบีบบังคับให้ท่านรับสตรีที่นางพอใจมาเป็นลูกสะใภ้อีกคนก็ได้”
“เจ้าเป็นฮูหยินของข้า ถ้าเจ้าไม่ยินยอมก็ไม่มีใครเข้ามาแทรกได้”
“แล้วถ้าข้ายินยอม ท่านพี่เองก็ยินดีเช่นนั้นหรือ?” นางจ้องเขาเขม็ง
“ไม่ยินดี” เขาตอบเสียงต่ำ แต่ท่าทางจริงจังเกินกว่าที่อู๋ชิวอิ่งคาดไว้มาก ชาตินี้นางตั้งใจแก้ตัว แก้ไขข้อผิดพลาดในชาติที่แล้ว นางถึงเอ่ยปากบอกเขาไปตามตรงว่านางไม่ยินยอมให้เขามีใครนอกจากนาง หลังจากนี้ก็ต้องดูแล้วว่านางจะทำสำเร็จหรือไม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังต้องระวังตัวไว้บ้าง
“ข้าไม่ยินดีให้ท่านพี่รับอนุ ท่านโกรธข้าหรือไม่ที่ข้าเป็นสตรีขี้หึงเช่นนี้”
เขายิ้ม “เป็นสตรีงดงาม ขี้หึงหน่อยถึงจะดี”
นางไม่ได้พูดอะไรแต่ยิ้มมองเขาตรงๆ ชายหนุ่มก็ไม่พูดอะไรอีก ต่างคนต่างเงียบ นอนกอดกันอยู่อย่างนั้นจนอู๋ชิวอิ่งเผลอหลับไป
หลิวเต๋อหมิงก้มหน้ามองนาง เขาเขี่ยปลายจมูกนางครั้งหนึ่ง “ข้าอยากให้เจ้าหึงหวงข้า นั่นหมายความว่าเจ้ารักและใส่ใจข้า” กล่าวจบก็แตะจูบที่หน้าผากนางครั้งหนึ่งแล้วลุกขึ้นนั่ง เอื้อมไปหยิบผ้าในช่องเหนือศีรษะ เทน้ำจากถุงหนังใส่ในอ่างใบเล็ก เริ่มลงมือเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้นางและตัวเอง จากนั้นก็จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยและขยับไปนั่งเอนหลังกับหมอนใบใหญ่ คอยลูบหลังให้นางขณะที่นางถูกรถม้าเขย่าจนนอนไม่สบายตัว
[1] 1 ลี้ เท่ากับ 500 เมตร