bc

เป็นฮูหยินอีกครั้ง

book_age18+
1.4K
ติดตาม
10.0K
อ่าน
ดราม่า
หวาน
ตึงเครียด
อดีตชาติ
การเกิดใหม่
ancient
passionate
like
intro-logo
คำนิยม

เป็นฮูหยินอีกครั้ง

โดย กุ้ยฉิน

**นิยายอีโรติกแนวจีนโบราณ**

.

เพราะสามีมักมาก มีเหล่าสตรีล้อมหน้าล้อมหลัง อู๋ชิวอิ่งถูกภรรยารองของสามีวางยาพิษจนนางต้องตายเพราะพิษกัดกร่อนตอนอายุยี่สิบสอง ก่อนตายยังได้รู้อีกว่านางถูกแม่สามีวางยาไร้บุตรมาตลอด ทว่าสวรรค์เมตตานางนัก นางได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง กลับมายังเช้าวันที่ต้องออกเรือน นางมีความคิดอยากจะยกเลิกงานแต่ง แต่ความเป็นจริงไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น ในเมื่อล้มพิธีแต่งงานไม่ได้แล้ว ไยนางถึงไม่เป็นฮูหยินของหลิวเต๋อหมิงอีกครั้งเล่า ถึงตอนนั้นนางจะเป็นผู้กุมชะตาตัวเองและชะตาของทุกคนที่ทำร้ายนางให้ได้

เพียงแต่บางเรื่องก็ใช่ว่าอู๋ชิวอิ่งจะกำหนดได้เสียทั้งหมด ชาตินี้ยังมีหญิงสาวมากมายที่พยายามเข้าหาสามีของนางให้จงได้ อู๋ชิวอิ่งที่เคยตายมาแล้วครั้งหนึ่งก็ไม่ใช่คนโง่อีกต่อไป ในเมื่อจัดการคนแรกได้ คนที่สองที่สามย่อมจัดการได้ แต่ในชาติใหม่นี้มีเรื่องแปลกที่ทำให้นางต้องคิดอยู่มาก ด้วยเพราะหลิวเต๋อหมิงไม่ได้เป็นเหมือนในชาติก่อนเสียทีเดียว ในชาตินี้เขารักและเอาใจใส่นาง และเขายังเห็นถึงโฉมหน้าที่แท้จริงของมารดาตัวเองตั้งแต่ต้น เช่นนั้นแล้วเรื่องราวทุกอย่างจึงมีเขาช่วยอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าสุดท้าอู๋ชิวอิ่งยังถูกเล่นงานจากมารดาของเขา แต่นางก็ได้รู้ว่าในชาติที่แล้ว เป็นนางที่ผิด เป็นนางที่ไม่เข้าใจเขาจนตัวตาย ถึงท้ายที่สุดหลิวเต๋อหมิงก็มิได้ทอดทิ้ง ไม่ได้หมางเมินนางเสียทีเดียว เรารักนาง ผูกพันกับนางแม้วิญญาญจะหาไม่

chap-preview
อ่านตัวอย่างฟรี
ตอนที่ 1 แต่งงานอีกครั้ง
ตอนที่ 1 แต่งงานอีกครั้ง               อู๋ชิวอิ่งปวดร้าวในอก หายใจติดขัด สองมือกำเสื้อตรงหน้าอกแน่นจนข้อนิ้วขึ้นสีขาว สายตาทอดมองใบหน้างามล้ำของหนึ่งสตรีวัยสาวกับสตรีกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังนาง หนึ่งคนแสยะยิ้มพอใจ หนึ่งคนเฉยชาแข็งกระด้างราวมองคนอย่างสิ่งของ ทั้งที่มีคนป่วยหายใจรวยรินอยู่บนเตียงทั้งคน แต่ถึงกระนั้นพวกนางทั้งสองก็ยังไม่เรียกใครเข้าห้องมาหรือไม่เรียกคนไปตามหมอ พวกนางลูกสะใภ้กับแม่สามีหรืออีกฐานะหนึ่งคือหลานสาวกับน้าหญิงที่รักใคร่กันดียิ่ง ถึงขนาดวางแผนจัดการภรรยาเอกอย่างอู๋ชิวอิ่งด้วยยาพิษกัดกร่อน           วันนี้แล้ว ตอนนี้ อู๋ชิวอิ่งรู้ว่านางกำลังหายใจลำบาก ซ้ำยังรู้สึกขมฝาดในลำคอ เสียงแหบแห้งอ่อนระโหยโรยแรงเปล่งออกมาได้เพียงแค่ลมแผ่วเบา           “หลายปีมานี้ข้าอยากกำจัดเจ้ามากแค่ไหนเจ้าไม่รู้หรอก ลูกสะใภ้ที่ข้าอยากได้คือหงเอ๋อร์ เพื่อไม่ให้เจ้าคลอดบุตรข้าวุ่นวายหายาหลายตำราเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้าจะไม่ตั้งครรภ์ แล้วข้าก็ไม่เหนื่อยเปล่า”           “ท่านแม่ไม่ต้องเหนื่อยแรงอีกแล้ว พิษกัดกร่อนทำร้ายภายในของนางไปจนหมด วันนี้ในปีหน้าก็เป็นวันครบรอบวันตายหนึ่งปีของนางแล้ว” ลูกสะใภ้แสนดีเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม           อู๋ชิวอิ่งไม่แปลกใจสักนิด แม่ผัวลูกสะใภ้ตรงหน้าคิดกำจัดนางมานานแล้ว ตอนนี้เห็นทีจะสมดังหวัง           “ตายเสียทีเถอะ รอท่านพี่กลับมาเจ้าก็ลงหลุมไปนานแล้ว ฮ่าๆ” เซี่ยหงเอ๋อหงายหน้าหัวเราะ ใบหน้างดงามหาญเหี้ยมผิดแปลกไปจากทุกที           อู๋ชิวอิ่งค่อยๆ อ่อนแรงลงทุกขณะ นางแทบไม่รับรู้อะไรแล้วแม้กระทั่งอากาศรอบตัว ปีกจมูกเปิดกว้างหายใจถี่เร็วแต่จนใจที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง นางหายใจไม่ออกแล้ว ริมฝีปากหยักยิ้มเศร้า อกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง เสียงหอบหายใจดังฝืดฟาดคล้ายคนเหนื่อยหอบ ไม่ถึงครึ่งเค่อ[1] นางจึงค่อยๆ สงบไป ใบหน้าซีดเหลืองไร้การขยับ ทุกสรรพสิ่งรอบกายเงียบสงัดวังเวง ร่างไร้ลมหายใจบนเตียงถูกทิ้งไปพร้อมเสียงฝีเท้าและเสียงปิดประตู             ยามดึกมีฝนโปรยปรายลงมาไม่ขาด จนกระทั่งใกล้รุ่งถึงได้หยุดไป อากาศปลอดโปร่งแจ่มใส ค่อยๆ เห็นแสงขาวจับขอบฟ้า เสียงนกร้อง เสียงตีปีกบินออกจากรังไปหากิน ล้วนแล้วเป็นไปอย่างนี้เช่นทุกวัน           “เฮือก!” ร่างหนึ่งสะดุ้งตื่น เหงื่อเต็มหน้าผากกลมมน หัวใจยังเต้นแรงตุบๆ คล้ายจะกระดอนออกมาจากอกอยู่แล้ว หนึ่งสาวนางนี้ไม่ใช่ใคร แต่เป็นอู๋ชิวอิ่งในวัยสิบห้าปีนั่นเอง นางกำลังตะลึงงัน พยายามสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ หลายครั้งหลายคราจนแน่ใจว่าตัวเองไม่มีอาการแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกอีกแล้ว ยังฉงนใจอยู่บ้างว่านางรอดตายมาได้อย่างไร สภาพทุกข์ทรมานมาสามปีนั้นของนางจะหายขาดได้แค่ในหนึ่งคืนหรือ           “คุณหนู คุณหนูถึงเวลาแล้วเจ้าค่ะ”           เสียงสาวใช้คุ้นหูดังอยู่ข้างกายเรียกสติอู๋ชิวอิ่ง ทั้งแรงเขย่าตรงแขน อู๋ชิวอิ่งยกมือขึ้นลูบใบหน้าที่ยังอุ่นและเนียนนุ่ม จากนั้นหันมองคนที่คุกเข่าอยู่ข้างเตียงทั้งยังเขย่าแขนนางอยู่           พรวด!            นางเด้งตัวลุกขึ้นกะทันหันจนสาวใช้ทั้งสี่ตกอกตกใจถึงกับอุทานพร้อมกัน อู๋ชิวอิ่งกวาดตามองในห้องที่แสนคุ้นเคย นี่มันห้องนอนก่อนที่นางจะออกเรือนในสกุลอู๋ สาวใช้ทั้งสี่ที่ยืนมองนางด้วยท่าทางตกใจยังอ่อนเยาว์ไม่ใช่สตรีวัยยี่สิบกว่าๆ อย่างที่ควรจะเป็น           นี่มันเกิดอะไรขึ้น!           “คุณหนูเป็นอะไรไปเจ้าคะ” อู๋ถงมองคุณหนูของนางด้วยความแปลกใจพิกล คุณหนูท่าทางแปลกๆ ทั้งยังจดจ้องพวกนางด้วยสายตาที่ไม่เคยเห็นมาก่อน           “คุณหนูไม่สบายตรงไหนหรือไม่เจ้าคะ บ่าวจะไปบอกฮูหยิน วันนี้เป็นวันดี ไม่อาจให้เกิดเรื่องใดได้” พูดจบอู๋ซิวทำท่าจะออกจากห้องไปแต่อู๋ชิวอิ่งรีบคว้ามืออีกฝ่ายไว้           “ยังอุ่น” เสียงของนางเล่าก็ยังมีเค้าความอ่อนเยาว์ ทั้งไม่แหบแห้ง ไม่เจ็บแสบในลำคอและกลางอกอีกแล้ว ตอนนี้นางสบายดียิ่ง เรี่ยวแรงยังปกติอย่างตอนที่ร่างกายไม่เจ็บป่วย           “หา!”           “คุณหนูฝันร้ายหรือเจ้าคะ” สาวใช้อีกคนนามอู๋ชิงเดินขึ้นหน้ามาประคองคุณหนูของตนนั่งลงบนเตียง           “ใกล้เวลาเต็มทีแล้วเจ้าค่ะ คุณหนูรีบอาบน้ำเถอะ” สาวใช้คนที่สี่นามอู๋เอ๋อเดินขึ้นหน้ามาคลายเชือกตรงสาบเสื้อของอู๋ชิวอิ่ง นางเห็นแล้วว่าคุณหนูไม่เป็นไร ซ้ำใกล้เวลาที่สตรีนำโชคจะเข้ามาช่วยคุณหนูของตนเกล้าผมแล้ว           “ใกล้เวลาอะไรหรือ?” อู๋ชิวอิ่งมีสีหน้างุนงงหันมองอู๋เอ๋อ           “คุณหนูนอนมากจนโง่งมไปแล้ว” อู๋ถงสะดุ้งไปทั้งตัวแล้วจับมือเจ้านายไว้           “คุณหนูคงนอนมากไปจริงๆ เมื่อวานก็เหมือนจะกินเยอะไปกระมัง” อู๋เอ๋อโคลงศีรษะคล้ายจนใจอยู่บ้าง นางดึงให้อู๋ชิวอิ่งลุกขึ้นประคองเดินไปทางห้องอาบน้ำที่เตรียมน้ำไว้เต็มถัง มีไอหมอกลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ในน้ำมีกลิ่นหอมและกลีบดอกไม้มากมาย           “บ่าวก็บอกแล้วว่าคุณหนูอย่ากินมากไป วันนี้ถ้าตอนนั่งเกี้ยวเจ้าสาวแล้วอยากจะถ่ายขึ้นมาไม่แย่หรือเจ้าคะ อีกสักครู่ต้องขับถ่ายเสียก่อนแล้วจะกินอะไรส่งเดชไม่ได้อีก จะเอาอย่างอู๋ถงกับอู๋ซิวได้อย่างไร”           “เอาล่ะ พี่ก็อย่าเริ่มบ่นคุณหนูเลย รีบอาบน้ำกันเถอะ” อู๋ชิงช่วยอีกฝ่ายจัดการกับชุดนอนของเจ้านายและประคองดรุณีวัยสิบห้าปีเรือนร่างอ้อนแอ้นลงไปในถังอาบน้ำ           อู๋ชิวอิ่งตกตะลึงไปแล้ว สาวใช้พานางไปไหน ให้นางทำอะไร นางล้วนไม่รับรู้แล้ว วันนี้เป็นวันที่นางจะออกเรือน เป็นไปได้อย่างไร นางก้มหน้าลง แหวกกลีบดอกไม้ออก มองเงาใบหน้าอ่อนเยาว์ในน้ำที่ไม่ใคร่ชัดเจนนักแต่ก็ได้เห็นใบหน้าจนนางถึงกับผงะไป           ไม่ใช่ว่านางเป็นสะใภ้สกุลหลิวไปแล้วหรือ ตอนนี้นางต้องอายุยี่สิบสองแล้วสิ ใบหน้าที่ยังคงมีเค้าความอ่อนเยาว์นี้มาได้อย่างไร สาวใช้ทั้งสี่นี้ยังอยู่ดีข้างกายนางด้วย           ก่อนนี้นางถูกภรรยารองของสามีนามเซี่ยหงเอ๋อและแม่สามีวางแผนทำร้ายจนจบชีวิตอยู่บนเตียง แม้กระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิตก็ยังไม่ได้เห็นหน้าสามี ก่อนหน้านั้นนางทนทุกข์ทรมานกับร่างกายอ่อนแอมาสามปี คิดไม่ถึงว่าที่นางเป็นเช่นนั้นเพราะเซี่ยหงเอ๋อแอบใส่ยากัดกร่อนให้นางกินทุกวันจนกระทั่งนางค่อยๆ อ่อนแอ ค่อยๆ ตายอย่างทรมาน ก่อนตายนางนึกในใจแค่ว่าขอให้ได้เจอหลิวเต๋อหมิงผู้เป็นสามีอีกครั้ง ขณะนั้นนางมีความคิดอยู่แค่นั้นจริงๆ แค่อยากรู้ว่าถ้าเขาเห็นนางใกล้ตายเขาจะยังหมางเมินใส่นางอยู่อีกหรือไม่           เดิมทีตอนที่นางแต่งเข้าสกุลหลิวไปใหม่ๆ สามีภรรยารักกันหวานชื่น จนกระทั่งมีเรื่องสาวใช้ห้องข้างเข้ามา นางถึงรู้ว่าผู้เป็นสามีมักมาก หลังจากแต่งงานปีที่สองสามีก็เริ่มรับหญิงงามที่มีคนส่งมาให้ ยกฐานะเป็นอนุบ้าง สาวใช้ห้องข้างบ้าง สาวใช้ในห้องหนังสือของเขาก็เป็นหญิงงามที่พร้อมปรนนิบัติทุกเรื่อง จนกระทั่งเมื่อแม่สามีอ้างว่านางแต่งเข้ามาสองปีแต่ไร้ทายาท คนเป็นแม่ร้อนใจยิ่ง จึงให้บุตรชายรับภรรยารองนั่นคือเซี่ยหงเอ๋อ หลานสาวแท้ๆ ที่เกิดจากพี่สาวของนาง นับแต่นั้นมาบ้านก็ไม่สงบอีกเลย สามีหมางเมินนางตั้งแต่นั้นมา เพียงแต่ยังเห็นแก่หน้าสกุลอู๋ของนาง เขาจึงให้นางอยู่ในฐานะภรรยาเอกอยู่คงเดิม ถามไถ่สารทุกข์บ้างตามสมควร           อู๋ชิวอิ่งความคิดสับสน ก้มหน้าน้อยๆ อยู่ตลอดยามที่พวกสาวใช้ช่วยกันสระผมและขัดตัวให้ นางครุ่นคิดถึงการกลับมาเกิดใหม่อีกครั้งอย่างน่าเหลือเชื่อแต่มันก็เป็นไปแล้ว สิ่งที่นางสัมผัสมานั้นนางเชื่อว่าไม่ใช่แค่ความฝันแน่นอน เป็นชีวิตรันทดหลังแต่งงานในชาติก่อนไม่ผิด ตอนนี้นางกลับมาอีกครั้ง ย้อนกลับมาในร่างเดิมในวัยสิบห้าปีและกลับมาในวันแต่งงานของตัวเองด้วย เรื่องราวกำลังจะเดินซ้ำรอยเดิมหรือ ไม่ นางไม่ยอม ในเมื่อสวรรค์ให้นางกลับมาเกิดอีกครั้งหรือนางสามารถฝันเห็นอนาคตหรืออย่างไรก็แล้วแต่ นางจะมีชีวิตที่ดีขึ้นให้ได้ ในเมื่อหนีงานแต่งไม่ทันแล้ว ซ้ำไม่รู้จะหนีอย่างไร จะให้นางไปโวยวายกับท่านพ่อท่านแม่ให้ยกเลิกงานแต่ง แล้วบอกพวกท่านว่านางแต่งให้หลิวเต๋อหมิงไม่ดี นางจะตายตั้งแต่ยังสาวหรือ ใครเขาจะเชื่อ           เช่นนั้นก็มีแค่ทางเดียวแล้ว นั่นคือเป็นฮูหยินของหลิวเต๋อหมิงอีกครั้งเถอะ แต่ครั้งนี้นางจะต้องมัดใจสามีให้จงได้ จะว่าไปแล้วหากไม่มีเรื่องสาวใช้ห้องข้างในครั้งนั้น สามีของนางก็นับว่าดีกับนางไม่น้อย แม้จะหมางเมินกับนางในช่วงหลังๆ แต่ก็ยังดูแล ให้นางกินดีอยู่ดี ให้เกียรติที่คนเป็นภรรยาเอกควรมี ไม่คิดหย่าร้างนางด้วยซ้ำ อาจเพราะนางไม่ได้คลอดบุตรให้เขา มีก็แต่บุตรหญิงชายที่เกิดจากเซี่ยหงเอ๋อเท่านั้น เขาจึงไปคลุกอยู่ที่เรือนของอีกฝ่ายนานเป็นพิเศษ แต่เขาก็แวะเวียนมาเยี่ยมนางบ้างเป็นบางครั้ง            อู๋ชิวอิ่งเงยหน้าขึ้น นางตัดสินใจแล้วว่าตัวเองจะเปลี่ยนแปลง เริ่มตั้งแต่ตอนนี้ นางต้องเป็นคนใหม่ มีชีวิตที่ดีกว่าเดิม ใครร้ายมา นางจะร้ายกับคนผู้นั้นยิ่งกว่า ใครอ่อนแอใส่ นางจะอ่อนแอให้ยิ่งกว่า ใครดีมานางจะดีกลับเป็นร้อยเท่า           เห็นเจ้านายยิ้ม อู๋เอ๋อก็ยิ้ม “วันนี้ออกเรือนย่อมสมควรจะแย้มยิ้มมิใช่ขมวดคิ้วจริงๆ นะเจ้าคะ”           “อือ” อู๋ชิวอิ่งขานรับ จากนั้นก็ให้สาวใช้ช่วยอาบน้ำจนเสร็จ           “วันนี้นับว่ามีลางมงคลจริงๆ ตอนค่ำฝนพรำไม่มีท่าจะหยุด พอใกล้เวลาคุณหนูจะออกเรือนฝนก็หยุดไปแล้ว โบราณว่าไว้ฝนตกฟ้าร้องก่อนออกเรือน ขึ้นเกี้ยวฝนหยุดแดดออกนับเป็นลางดี” อู๋เอ๋อเอ่ย ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง           อาบน้ำลงขี้ผึ้งหอมบำรุงผิวเสร็จสตรีนำโชคอาวุโสเข้ามาเกล้าผมให้ มารดายืนยิ้มน้ำตาปริ่มมองดูนางอยู่ใกล้ๆ อู๋ชิวอิ่งคิดถึงมารดายิ่ง ตั้งแต่ออกเรือนก็ต้องจากบ้านในฉางอันไปยังเสียนหยาง นางจึงแทบไม่ได้เจอมารดาเลย เดิมทีสามีนางเป็นคนเมืองหลวง สกุลหลิวมีบุตรหลานเป็นขุนนางในเมืองหลวงหลายคนรวมถึงบิดาและท่านลุงของเขาด้วย แต่บิดาจากไปหลายปีแล้ว ส่วนหลิวเต๋อหมิงนั้นผ่านการสอบเคอจวี่[2]ได้เป็นปั๋งเหยี่ยนด้วยคะแนนที่ไม่ห่างกับจอหงวนนัก คนเป็นจอหงวนได้นั่งตำแหน่งในเมืองหลวง ที่เหลือถูกส่งไปรับราชการต่างเมือง รอสั่งสมประสบการณ์อีกสักหน่อยย่อมได้เลื่อนตำแหน่งและเข้ารับหน้าที่ในเมืองหลวง หลิวเต๋อหมิงก็ไม่ต่างกัน เขาเป็นเจ้าเมืองเสียนหยางตั้งแต่อายุยี่สิบ ชาวบ้านยกย่องนับถือด้วยเพราะเขามีอัธยาศัยดี หน้าตาหล่อเหลารูปงามขยันหมั่นเพียรจนคนชื่นชอบ           อู๋ชิวอิ่งใจลอยไปไกล ไม่รู้เหตุใดนางถึงได้คิดถึงแต่สามีผู้นั้น นางกับเขาหมั้นหมายกันมาหนึ่งปีแล้วจากความเห็นชอบทั้งท่านพ่อของนางกับท่านลุงของเขา ทั้งที่มารดาของเขาไม่ชอบนางเลยสักนิด แต่ไม่อาจขัดใจท่านลุงและท่านย่าของเขาได้ มารดาของเขาจึงก้มหน้ารับสะใภ้เข้าจวนอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก จะว่าไปแล้วใช่ว่าชีวิตในสกุลหลิวจะไม่ดีเอาเสียเลย อย่างน้อยๆ พี่สาวของสามีหลิวเป่าหลิงที่เป็นม่ายและกลับมาอยู่บ้านเดิมยังนับว่าดีกับนางมาก พี่สามีคนนี้เข้าข้างนางทุกอย่างและไม่ชอบญาติผู้น้องทางฝ่ายมารดาอย่างเซี่ยหงเอ๋อสักนิด           คิดถึงหลิวเป่าหลิงแล้วนางต้องยิ้ม อีกฝ่ายเป็นคนเปิดเผยจริงใจ เพียงแต่ชีวิตแต่งงานไม่ดีนัก ถูกบ้านสามีเอาเปรียบ สามีทำร้ายตบตีไม่เว้นแต่ละวันเพราะเป็นพวกวิปริตผิดวิสัยคนทั่วไป จนหลิวเต๋อหมินทนไม่ไหว ไปบีบบังคับให้บ้านพี่เขยเขียนหนังสือหย่าให้พี่สาวและรับนางกลับมาอยู่ด้วย นับว่าหลิวเป่าหลิงจึงหลุดพ้นเคราะห์กรรมมาได้แต่ก็ต้องอยู่โดดเดี่ยว ซ้ำเจ้าตัวไม่คิดจะออกเรือนเป็นครั้งที่สองอีกด้วย           “อิ่งเอ๋อร์ เจ้าบ่าวมาแล้ว” เสียงนุ่มละมุนของมารดาดังอยู่ใกล้ๆ อู๋ชิวอิ่งถึงได้รู้ว่าตัวเองสวมผ้าคลุมหน้าแล้ว มือนุ่มของมารดากำลังประคองนางให้ลุกขึ้น พาเดินไปหยุดหน้าประตูห้องรอเจ้าบ่าวมารับตัว นางไร้ความตื่นเต้นใดๆ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รอคอยเอาเสียเลย จำได้ว่าชาติที่แล้วนางตื่นเต้นจนเดินสะดุด ดีที่หลิวเต๋อหมิงมือไวตาไวประคองนางไว้และกุมมือนางไม่ยอมปล่อยอีกเลย           “คารวะน้องหญิง เต๋อหมิงมารับน้องหญิงแล้ว” เสียงนุ่มทุ้มไม่เคยเปลี่ยนพาให้หัวใจอู๋ชิวอิ่งเต้นรัวเร็วขึ้นมาเล็กน้อย ครั้งก่อนเขาก็พูดเช่นนี้เหมือนกัน           จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงพี่ชายคนโต “พี่จะแบกเจ้าออกไป ระวังด้วย” ว่าแล้วก็ก้มตัวลงแบกเจ้าสาวขึ้นหลังและค่อยๆ เดินออกไป “ดูแลตัวเองด้วย ออกเรือนไปไกลก็จงเข้มแข็ง มีเรื่องใดส่งข่าวมาบอกพี่ใหญ่สักคำ”           อู๋ชิวอิ่งกดปลายนิ้วที่วางอยู่บนบ่าพี่ชายมากขึ้น นางรับรู้แล้วว่าพี่ชายห่วงนางมาก ทำให้นางอดน้ำตาซึมไม่ได้ นางไม่ได้พูดอะไร พี่ชายก็ยังกระซิบกับนางเบาๆ ไปจนถึงหน้าประตูจวน จนกระทั่งวางนางลง จากนั้นมือใหญ่ปลายนิ้วด้านเล็กน้อยของหลิวเต๋อหมิงก็ยื่นออกมาจับมือนาง ประคองนางขึ้นเกี้ยวเจ้าสาว           ประทัดดังสนั่นอีกครั้ง เกี้ยวเจ้าสาวถูกยกขึ้นและเคลื่อนไปช้าๆ พร้อมกับเสียงแสดงความยินดี พิธีการยิบย่อยมากมาย ทั้งวันต้องเหน็ดเหนื่อยแล้วจริงๆ ตอนที่ถูกประคองเข้าห้องหอนางถึงกับผ่อนลมหายใจหนักๆ ออกมาครั้งหนึ่ง            หลังเปิดผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ดื่มสุรามงคลแล้วก็ได้รับรอยยิ้มอบอุ่นของสามีและเขาก็นั่งอยู่ที่ขอบเตียงข้างนาง “ข้าต้องออกไปดื่มกับแขกข้างนอกอีกสักพัก น้องหญิงพักผ่อนก่อนก็ได้”           อู๋ชิวอิ่งตั้งท่าจะขยับปาก แต่เหมือนจะฉุกคิดได้ ริมฝีปากสีชาดจึงคลี่ยิ้มอ่อนหวาน “ข้าจะรอท่านพี่”            แล้วก็จริง หลิวเต๋อหมิงชมชอบความอ่อนหวานนุ่มละมุนของสตรี เขาหอมแก้มนางครั้งหนึ่ง ปลายนิ้วไล้ใบหน้าของนางเบาๆ แล้วเปลี่ยนมากุมมือนางไว้ “เช่นนั้นข้าจะรีบกลับมา”            อู๋ชิวอิ่งยิ้มเอียงอาย ท่าทางน่ารักน่าทะนุถนอมยิ่งจนเจ้าบ่าวอดใจไม่ไหวต้องก้มหน้าลงประทับริมฝีปากจุมพิตนางครั้งหนึ่ง ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดผิวแก้มนาง ริมฝีปากทั้งสองประทับกันแนบแน่นพักหนึ่งเขาจึงผละออก เขายิ้มอวดฟันขาวเรียงตัวเป็นระเบียบจากนั้นจึงลุกขึ้นยืน ตอนปล่อยมือนางทำท่าทางอาลัยอาวรณ์อยู่สักหน่อย สตรนำโชคอาวุโสเร่งมาแล้ว เขาจึงตัดใจออกจากห้องหอไป           อู๋ชิวอิ่งมองตามเงาหลังเขาไปจนลับสายตา รอยยิ้มถูกเก็บกลับ “ในเมื่อข้าได้เกิดใหม่ ข้าจะแก้ไขชีวิตให้ดีขึ้น ท่านพี่ ท่านย่อมต้องเป็นสิ่งที่ข้าต้องแก้ไขตั้งแต่แรกเริ่ม สตรีขี้อายไม่ชอบแสดงความรักลึกซึ้งอะไรนั่นจะไม่มีอีกแล้ว จะมีอู๋ชิวอิ่งที่เป็นหญิงคณิกายามอยู่บนเตียง จะเป็นแม่ศรีเรือนที่ดีพร้อมดูแลสกุลหลิวไม่ยอมปล่อยมือให้ใครอีก ท่านรอดูเถอะ”            จากนั้นนางก็นั่งรออย่างสงบเสงี่ยมอยู่ในห้องหอ พวกสาวใช้ทั้งสี่ของนางนั่งอยู่เป็นเพื่อนคุย ส่งของว่างและน้ำชาให้นางรองท้องขณะรอเจ้าบ่าวไปด้วย จนกระทั่งผ่านไปราวหนึ่งชั่วยาม นางได้ล้างหน้าบ้วนปากเสร็จเจ้าบ่าวถึงถูกปล่อยตัวกลับมา เขารีบสาวเท้าเข้าห้อง สาวใช้ทั้งสี่รีบลุกขึ้นคำนับและถอยจากไปและดึงประตูปิดให้อย่างเบามือ ภายในห้องหอจึงเหลือแต่เจ้าบ่าวที่ใบหน้าแดงก่ำพระสุราเล็กน้อย กับเจ้าสาวผู้งดงามเลอโฉมที่ยิ้มน้อยๆ ชวนมองยิ่ง           หลิวเต๋อหมิงนั่งลงขอบเตียงข้างกายนาง “สองปีแล้วที่ข้าไม่อยู่ในเมืองหลวง แทบจะไม่ได้ยินข่าวน้องหญิงเลย เจ้าคงสบายดีกระมัง”            “ข้าสบายดียิ่ง” นางยื่นมือไปเริ่มปลดชุดเจ้าบ่าวออก “ดึกแล้ว พักผ่อนเถอะเจ้าค่ะ”            หลิวเต๋อหมิงมวนท้องน้อยขึ้นมาทันที กลางหว่างขาเริ่มขยับขยายเคลื่อนไหวแล้วตั้งเป็นกระโจมขึ้นมาทันใด เขาช่วยนางถอดเสื้อผ้าจนทั้งสองเหลือแต่ชุดตัวใน กระทั่งถูกนางผลักลงนอนบนเตียงเขาก็ไม่อาจละสายตาจากใบหน้างดงามชวนเคลิ้มลอยนั้นไปได้อีก เห็นนางค่อยๆ ดึงเชือก แหวกสาบเสื้อ เนื้อผ้าเนียนนุ่มเลื่อนไหลลงไปทางไหล่กลมมนเล็กขาวผ่องนวลเนียนตา ลำแขนเรียวสวยค่อยๆ เผยออก หน้าอกอวบอิ่มพุ่งดันเสื้อเอี๊ยมสีแดงปักลายนกยวนยางเล่นน้ำคู่หนึ่ง ปลายยอดอกเห็นรำไรชวนหลงใหล จากนั้นปลดมวยผมดกดำออก ผมงามเงาดำขลับทิ้งตัวอ่อนนุ่มส่งกลิ่นหอมรวยรินติดปลายจมูก เสื้อผ้านางค่อยๆ หายไปทีละชิ้น จนกระทั่งเปล่าเปลือยเผยให้เห็นผิวกายขาวดุดหิมะ ปลายยอดอกสีชมพูระเรื่อ คล้ายเชิญชวนจนหลิวเต๋อหมิงไม่อาจถอนสายตาแล้ว เขายื่นมือไปลูบไล้เอวคอดกิ่วเนียนมือ หัวใจเต้นรัวเร็ว ความกระสันเริ่มก่อตัว ดวงตาดอกท้อ[3]พราวระยับจับตา           “น้อยหญิงงดงามถึงเพียงนี้” เสียงเขาคล้ายละเมอแล้วเขาก็ทนไม่ไหวอีก ลุกขึ้นไปกอดนางพลิกกายตลบหนึ่งร่างอ้อนแอ้นจึงไปอยู่ใต้ร่างเขาทันใด            ริมฝีปากกรุ่นกลิ่นสุราจุมพิตลงมาเร่าร้อนและรุนแรงไปบ้าง แต่อู๋ชิวอิ่งก็ตอบรับด้วยดี นางเปิดริมฝีปากรับลิ้นที่ซอกซอนเข้ามากวาดต้อนตักตวงความหอมหวานในปากนาง ริมฝีปากทั้งสองบดเคล้าคลอเคลียกันอยู่พักใหญ่ มือเขาลูบไล้ ผ่านไหล่มนไปที่หน้าอกอิ่มเต่งตึง ฟอนเฟ้นไปพร้อมสะกิดปลายยอดจนผลอิงเถา[4]เล็กๆ สีชมพูตั้งชัน ลมหายใจของคนทั้งสองเร่งร้อนและถี่เร็วขึ้น มีแต่เสียงหายใจและเสียงสวบสาบยามผ้าผ่อนเสียสีกัน           หลิวเต๋อหมิงลุกขึ้น รีบเร่งปลดเปลื้องอาภรณ์ที่เหลือของตน จากนั้นก็มองเจ้าสาวผู้งดงามไม่วางตา แสงจากเทียนมงคลคู่สว่างจ้าเข้ามาบนเตียงที่ยังไม่ปลดม่านมุ้ง แต่เขาก็ไม่มีความตั้งใจจะดับเทียนอยู่แล้ว ความงามของเจ้าสาวเขาย่อมอยากชมให้เต็มตา เขาทิ้งกายลงนอนข้างนาง จับใบหน้าหวานล้ำให้หันมารับจุมพิตเร่าร้อนอีกครั้งหนึ่ง มือก็ลูบไล้หน้าอกอิ่มเลื่อนต่ำลงไปข้างล่างจนวางนิ่งอยู่บนเนินหลังเต่าน้อยๆ ที่นวลเนียนยิ่งกว่าผิวเด็กทารกเสียอีก ปลายนิ้วมือลูบไล้ลงไป เขาชมชอบยิ่ง จากนั้นเริ่มเลื่อนต่ำลงไปและดันสองขานางให้แยกออก และนางก็เข้าใจดีเลยให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจ เขาลูบไล้อยู่สองสามครั้งจากนั้นค่อยๆ กดปลายนิ้วลงไป ลงแรงขยี้เบาๆ             “อือ ท่านพี่” อู๋ชิวอิ่งกายสั่น ส่งเสียงครางแผ่วหวาน แต่เปิดอ้าสองขาให้เขาเต็มที่            เสียงครางแผ่วของนางทำให้เขากายสั่นสยิวไปทั้งตัว เสียงนางช่างหวานล้ำ เนื้อตัวเนียนนุ่มหอมกรุ่น เขาถึงกับก้มลงงับปลายยอดอก ดูดเลียรัวลิ้นทันใด จึงได้รับเสียงครางหวานล้ำอีกคำรบหนึ่ง            “อ่าส์ ท่านพี่ ท่านพี่ ข้า อ่าส์ อือ” อู๋ชิวอิ่งรู้ดีว่าร่างกายนางไวกับสัมผัสมาก ซ้ำหลิวเต๋อหมิงยังชำนาญการเล้าโลมยิ่ง เขาทำให้นางอ่อนระทวยแล้วจริงๆ            ชายหนุ่มลุกขึ้น แทรกกายไปอยู่ระหว่างขานาง ริมฝีปากแตะจูบและลงลิ้นเลียหน้าอกทั้งสองข้างจนปลายยอดสีหวานเปียกชื้นดูฉ่ำวาว นางเองก็แอ่นอกรับการรุกรานจากเขาอย่างเต็มใจและเริ่มลูบไล้ไหล่และแผ่นหลังของเขาไปด้วย ลมหายใจหอบหนักของเขาสะดุดบ้างเพราะเขาเองก็รู้สึกดีมากที่นางแตะต้องเขา ภรรยาตัวน้อยนี้เขาชมชอบมากจริงๆ            ใบหน้าเขาเลื่อนต่ำลงไป แวะจูบหน้าท้องแบนราบของนางครั้งหนึ่งจากนั้นก็จับสองขานางแยกอ้า ทำให้เนินเนื้อเด่นตาขึ้นมา มันอวบอิ่มเต่งตึง กลีบเนื้อเล็กๆ สีชมพูสวย เริ่มมีน้ำใสๆ ไหลซึมออกมาหยดหนึ่ง เขาอดใจไม่ไหวแล้วจึงก้มหน้าลงไปหา แลบลิ้นเลียน้ำค้างหยดนั้นเข้าปากไป            “ท่านพี่ แบบนั้น อือ ข้า อา ข้าชอบ” คำพูดนางกระท่อนกระแท่นนัก           ชายหนุ่มก้มลงไปอีกครั้ง จูบปิดทางรักและแลบลิ้นเลียร่องรักเล็กๆ นั้นหลายครั้งด้วยความชอบใจ นางหวานไปทั้งตัว น้ำค้างหยดแล้วหยดเล่าที่ซึมออกมาก็ยิ่งอร่อยนัก “น้องหญิง เจ้าช่างหวานนัก”            เขาลุกขึ้น ยื่นใบหน้าเข้ามาและจุมพิตเร่าร้อนอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้หญิงสาวรับรู้ได้ว่าเขาตั้งใจถูไถความแข็งขึงกับเนินเนื้อกระสันของนาง พาให้อารมณ์ถลำลึกลงไปเรื่อยๆ           “ให้ข้าเข้าไปเถอะนะ เจ้าทนเจ็บหน่อย” เสียงเขาแตกพร่า ลมหายใจหอบหนักขึ้นทุกที            “ท่านพี่ทำตามใจเลยเจ้าค่ะ” เสียงแผ่วหวานเอ่ยตอบ แววตาฉ่ำวาวจ้องมองเขาตาไม่กะพริบ            ชายหนุ่มยิ้ม ค่อยๆ ดันกายขึ้นนั่งคุกเข่าอยู่ระหว่างขานาง จับสองขานางตั้งขึ้น ดันท่อนลำอวบใหญ่เข้าไปประชิดกลีบเนื้ออวบอิ่มสีชมพู แม้ขนาดดูต่างกันแต่เขามั่นใจว่าเขาจะเข้าไปพักพิงในกายนางได้และจะรู้สึกยอดเยี่ยมมากด้วย ส่วนหัวแท่งเนื้อถูกดันเข้าไปต่อหน้าต่อตาเขา สองมือเขาช่วยแบะกลีบเนื้อให้เห็น ท่อนลำถูกดันเข้าไปอีกเล็กน้อย นางเกร็งไปพักหนึ่งแต่ยังพยักหน้ายิ้มหวานให้เขาทั้งที่หัวคิ้วขมวดน้อยๆ แล้ว เขารู้ว่านางเจ็บ เขาเองก็สงสาร แต่ก็ต้องผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้ เขาจึงค่อยๆ ดันท่อนเนื้อตัวเองเข้าไปในกายนางไม่หยุดยั้งอีก ดันไปจนสุดแล้วถึงกับปล่อยเสียงครางแหบต่ำออกมาประสานกับเสียงครางแผ่วของนาง            สะโพกแกร่งเริ่มขยับเข้าออกแผ่วเบา ท่อนเนื้อกับผนังนุ่มเริ่มเสียดสีกันเกิดเป็นน้ำรักที่ผสมกับเลือดพรหมจรรย์ที่เคลือบลำเนื้อแข็งขึงของเขา จากนั้นไม่นานจังหวะกระแทกกระทั้นเริ่มหนักขึ้นแรงขึ้นจนเลือดพรหมจรรย์หยดลงยังผ้ารองด้านล่าง แล้วความกระสันเสียวจึงมาเยือนบ่าวสาวหมาดๆ เขาก้มลงไปกอดนางไว้ ขณะที่สะโพกยกขึ้นลงเป็นจังหวะรัวเร็ว มือข้างหนึ่งช้อนใต้ศีรษะนางให้ยกขึ้นมารับจุมพิตหนักหน่วง ทั้งสองกอดกัน จุมพิตกันไปพร้อมกับขยับขับเคลื่อนร่างกาย เสียงสวบสาบดังถี่เร็ว เสียงเตียงลั่นเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ เตียงหลังใหญ่นี้ถูกเปลี่ยนใหม่แล้ว แต่ถึงกระนั้นเมื่อถูกแรงพลังมากล้นของชายหนุ่มมันถึงกับต้านทานไม่ไหวเหมือนกัน             สองเสียงครางประสาน เรือนกายชื้นเหงื่อ เนื้อกลางกายสอดประสานไหลลื่นกว่าเดิมนัก น้ำรักไหลริน กลิ่นวสันต์กรุ่นอวล           “อูท่านพี่ ท่านพี่ ดียิ่งนัก อือ”            “เด็กดี โอว” เขาเองก็เสียวกระสันถึงใจ สะโพกตอกเน้นย้ำๆ ครั้งแล้วครั้งเล่ารัวเร็วขึ้นเรื่อยๆ             “อา ท่านพี่ ข้ารู้สึก ข้ารู้สึกดียิ่ง” อู๋ชิวอิ่งกอดเขาไว้แน่น ใบหน้าฝังอยู่ที่ซอกคอเขา ความกระสันมาเยือนจนต้องครางเสียงดังอย่างเผลอไผล           “ให้ข้าได้ปลดปล่อยสักครั้ง อ่า” สะโพกเขารัวเร็วถึงขีดสุดกระแทกดังสนั่นห้องหอ เนื้อตัวเปียกเหงื่อแต่ความกระสันกำลังเกาะกินจนกระทั่งเขาและนางครางเสียงดังยาวออกมาพร้อมกัน ร่างกายกระตุกกันคนและแบบ ภายในร่องรักที่หดเกร็งทำให้เขาสุขสมยิ่ง ปลดปล่อยธารารินรักมากล้นจนมันไหลเปรอะเปื้อนออกมาด้านนอก เขายังคงสาวท่อนเนื้อเข้าออกในร่องรักนางอีกหลายครั้งเสียงพับๆ ดังอยู่ตลอดจนกระทั่งเขาปลดปล่อยออกมาทุกหยาดหยดแล้วถึงได้หยุดสะโพก เขายกศีรษะขึ้น มองใบหน้าหวานล้ำกำลังเคลิ้มลอยเพราะความสุขสม นางลืมตากลมโตฉ่ำวาวขึ้นมองเขา จากนั้นจึงจูบปากเขาครั้งหนึ่ง             หลิวเต๋อหมิงสุขสมยิ่ง เขาก้มลงบดจูบริมฝีปากหวานล้ำนุ่มนิ่มที่คล้ายยั่วยวนคล้ายเชิญชวนด้วยความร้อนแรง ความกระหายที่เพิ่งผ่านพ้นไปก่อตัวขึ้นอีกครั้งโดยไม่ทันตั้งตัว   ------------------------------------------------------------- [1] 1 เค่อเท่ากับ 15 นาที [2]  เคอจวี่ (**) เป็นระบบการสอบเข้ารับราชการของจีน ซึ่งประกอบด้วยการสอบสามรอบ 1. เป็นการสอบระดับท้องถิ่น (หมู่บ้าน,ตำบล,อำเภอ,จังหวัด) ผู้ที่สอบผ่านจะเรียกว่า "ซิ่วไฉ" 2. เป็นการสอบคัดเลือกระดับภูมิภาค (มณฑลหรือภาค) ผู้สอบผ่านจะเรียกว่า "จวี่เหริน" 3. ผู้สอบผ่านรอบนี้จะได้รับการขึ้นบัญชีเพื่อรอการเรียกบรรจุเข้ารับราชการ ผู้เข้าสอบรอบนี้ทุกคนจะถูกเรียกว่า "ก่งเซิ่ง" จะได้รับโอกาสให้เข้าสอบรอบสุดท้ายในพระราชวังและผู้สอบผ่านจะเรียกว่า "จิ้นซื่อ" ผู้ที่ได้คะแนนสูงสุดสามอันดับแรก จะมีชื่อเรียกดังนี้ 1."จ้วงหยวน"หรือจอหงวน 2. "ปั๋งเหยี่ยน" 3. "ทั่นฮวา" [3]  ดวงตาดอกท้อ หมายถึงดวงตาที่มีเสน่ห์เย้ายวนชวนมอง มักพรรณนาถึงนิสัยเจ้าชู้กรุ้มกริ่ม [4] ผลอิงเถา หมายถึง ผลเชอรี่

editor-pick
Dreame - ขวัญใจบรรณาธิการ

bc

My Buddy เล่นเพื่อน

read
26.5K
bc

กระชากกาวน์

read
8.0K
bc

นางสาวอินทุอรณ์

read
8.1K
bc

FirstLove น้องพี่ที่รัก

read
15.3K
bc

ซ่านเสน่หา พี่น้องต่างสายเลือด

read
7.1K
bc

ร้อยสวาททาสหัวใจ

read
6.2K
bc

แคดดี้ที่รัก

read
1.3K

สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook