โอ้... พระเจ้ากลิ่นไอของผู้ชายใจร้ายคนนี้สามารถทำให้ร่างกายของหล่อนเบ่งบานได้ไม่แพ้กับดอกไม้ยามได้รับหยาดฝนเลยสักนิด ทำไม... ทำไมเขาถึงได้มีอิทธิพลกับหล่อนถึงเพียงนี้นะ และทำไมหล่อนถึงต้องแสดงท่าทางหลงใหลเขาแบบนี้ด้วย เมื่อคิดได้หล่อนก็รีบถอยหลังหนีทันที แก้มนวลแดงระเรื่อราวกับลูกตำลึงสุก
“ฉัน... ฉัน... ยังยืนยันคำเดิม”
คิริลหรี่ตามองหญิงสาวที่แก้มแดงระเรื่อตรงหน้านิ่ง
“งั้นเราก็จะได้รู้กันในอีกไม่ช้า”
“คุณ... คุณหมายความว่ายังไง”
แม้จะยังคงร้อนรุ่มแปลกๆ ในบางส่วนของร่างกาย แต่หญิงสาวก็ยังอดเค้นเสียงถามออกไปด้วยความกังขาไม่ได้ แต่คิริลไม่ยอมตอบให้หล่อนกระจ่างสักนิด
“เอาเป็นว่าวันนี้ฉันจะกลับไปก่อน เธอมีเวลาหนึ่งคืนสำหรับตัดสินใจว่าจะเลือกเงินหรือว่าลูกของตัวเอง แต่ฉันคิดว่าเธอน่าจะเลือกอย่างแรกมากกว่า”
เขาหัวเราะเยาะเหยียดหยาม จนหล่อนเต็มไปด้วยความอดสู
“พรุ่งนี้ก่อนเที่ยงฉันคิดว่าจะได้รับคำตอบที่ดีจากเธอ... เนื้อนาง”
“ฉันชื่อเนื้อนวลต่างหาก ตาบ้า”
หล่อนตวาดกลับ ก่อนจะรีบไล่ส่งเขาทันที
คิริลไม่ได้แปลกใจกับชื่อของหญิงสาวเพราะเขาคิดว่าตัวเองจำผิด
“ฉันกำลังจะไป”
“เชิญ!”
หญิงสาวรีบเดินไปที่ประตูบ้าน และผายมือไล่อย่างซึ่งๆ หน้า
“แล้วไม่ต้องกลับมาอีกนะ ฉันเบื่อหน้าคุณเต็มที่แล้ว”
เขาที่เดินข้ามธรณีประตูไปแล้วหันกลับมามองหล่อน พลางยิ้มหยัน
“ฉันจะไม่มาที่นี่อีก ถ้าเอวาไปอยู่กับฉันที่ Demon’s Palace แล้ว ซึ่งฉันมั่นใจว่าอีกไม่นาน”
เนื้อนวลเบ้ปากใส่อย่างหมั่นไส้ในความโอหังของคู่สนทนาหล่อระเบิด
“ฝันไปเถอะ”
พูดจบหล่อนก็กระชากประตูให้ปิดสนิทลงทันที จากนั้นก็รีบล็อกประตูอย่างแน่นหนา และทรุดฮวบลงกองกับพื้นด้วยหัวใจที่เต็มไปด้วยความอ่อนล้า น้ำตาค่อยๆ เอ่อล้นทะลักออกมาจากสองดวงตา ความเจ็บปวดกำลังกัดกินไปทั่วทั้งดวงใจ
เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่หล่อนจะสามารถก้าวข้ามความทุกข์ยากนี้ไปสักที เมื่อไหร่กัน หญิงสาวคร่ำครวญทั้งน้ำตาออกมาด้วยความท้อแท้ แต่เมื่อสายตามองไปเห็นร่างน้อยๆ กำลังจ้ำม่ำของเอวาที่นอนหลับปุ๋ยอยู่ในเปล หัวใจที่แสนอ่อนล้าก็ค่อยๆ มีแรงพลังขึ้นมา หล่อนต้องสู้ ต้องสู้กับปัญหาทุกอย่างที่ถาโถมเข้ามาหาในตอนนี้ ต้องสู้เพื่อเอวา หลานรักของหล่อน
“น้าจะสู้... เอวา น้าจะสู้ให้ถึงที่สุด”
ร่างอรชรที่ทรุดอยู่กับพื้นค่อยๆ ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินไปหยุดที่เปล จ้องมองร่างของเอวาผ่านม่านน้ำตาด้วยความรักสุดหัวใจ
“น้ารักหนูนะเอวา... น้าจะเป็นทั้งพ่อและแม่ให้กับหนูเอง...”
ก้มลงจูบศีรษะน้อยๆ ของหลานสาวแผ่วเบา ก่อนจะตัดสินใจไปโทรหาเนื้อนางพี่สาวของตัวเอง ในเมื่อไม่มีทางเลือกแล้วหล่อนก็จำต้องขอความช่วยเหลือจากพี่สาว และภาวนาว่าเนื้อนางจะไม่ใจดำกับหล่อนและลูกสาวของตัวเองนัก
“พี่นางนี่นวลเองนะ นวลมีเรื่อง...”
เมื่อพี่สาวรับสายก็รีบพูดทันทีแต่ยังพูดไม่จบเลยก็ถูกตัดบทด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
“จะโทรมาหาสวรรค์วิมานอะไรนังนวล ฉันกำลังหลับกำลังนอนอยู่ไม่เห็นหรือไง”
เนื้อนางตวาดเบาๆ มาตามสาย ขณะลอบมองสามีคนใหม่แก่คราวพ่อของตนเองอย่างกลัวว่าจะตื่นขึ้นมาได้ยินคำสนทนา
“ฉัน... ฉันขอโทษพี่นาง แต่ว่าฉันอยากจะให้พี่นางช่วย...”
“ถ้าจะมาขอเงิน หุบปากไปเลยนะ ตอนนี้ฉันก็ไม่มีเหมือนกัน ไอ้แก่นี่มันขี้เหนียวจะตาย ฉันจะช็อปปิ้งมันยังห้ามเลย”
เนื้อนางตัดบททันควัน และนั่นก็ทำให้เนื้อนวลน้ำตาซึมจนหนทางที่จะหาเงินไปใช้หนี้โอเนล
“แต่ว่า... พี่โอเนลมาทวงเงิน...”
“แกก็ใช้ไปสิ ฉันไม่เกี่ยว”
“พี่นาง... พี่พูดแบบนี้ได้ยังไงกัน คนเอาเงินไปคือพี่นะ ไม่ใช่ฉัน แถมพี่ยังมาปลอมลายมือฉันอีก”
เนื้อนวลพูดอย่างสิ้นสุดความอดทน แต่เนื้อนางไม่สนใจ
“เอาน่าอย่าโวยวายไปเลย ถือว่าแกช่วยฉันก็แล้วกัน ใช้หนี้แทนฉันไปแค่ไม่กี่เหรียญเอง อย่าบ่นเป็นยายแก่นักเลย”
เนื้อนางพูดอย่างเห็นแก่ตัว และนั่นก็ทำให้ผู้เป็นน้องสาวอย่างหล่อนน้ำตาไหลพราก ผิดหวังกับพี่สาวยิ่งนัก
“ทำไมพี่นางใจดำแบบนี้ล่ะ ฉันจะไปหาเงินที่ไหนมาใช้คืนพี่โอเนลล่ะ ตั้งแสนเหรียญเชียวนะ”
หล่อนได้ยินพี่สาวถอนใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“นั่นมันก็เรื่องของแก เอาล่ะ ฉันจะนอนแล้ว และไม่ต้องโทรมาหาอีกนะ ช่วยตัวเองไป เพราะตอนนี้ฉันไม่มีปัญญาช่วยเหลืออะไรใครทั้งนั้น”
แล้วเนื้อนางก็ตัดสายการสนทนาไปทันที
“พี่นาง... พี่นางเดี๋ยวก่อนสิ พี่นาง...”
หญิงสาวผู้เป็นน้องสาวก็ทำได้แค่เพียงร้องเรียกเท่านั้น เพราะพี่สาวของหล่อนใจดำยกเลิกการสนทนาไปแล้ว และเมื่อโทรกลับไปหาใหม่ก็พบว่าเนื้อนางปิดเครื่องไปเสียแล้ว เนื้อนวลทรุดฮวบลงร่ำไห้กับพื้นอีกครั้ง มือบางยังคงกำโทรศัพท์มือถือแน่น
“พี่นาง... ทำไมใจดำแบบนี้ ไม่สงสารฉันก็น่าจะสงสารเอวาบ้าง...”
เนื้อนวลร่ำไห้ปานจะขาดใจ สมองมืดจนไร้หนทางที่จะก้าวเดิน ตอนนี้ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ความมืดมิดก็เข้ามาครอบงำเสียทุกทาง หล่อนไม่มีทางเลือกอื่นใดอีกแล้วหรือ ไม่ทางที่จะรอดพ้นจากเคราะห์กรรมในยามนี้เลยหรือไง หญิงสาวสะอื้นไห้
ใครก็ได้ช่วยที ช่วยหล่อนกับเอวาที
หญิงสาวภาวนาทั้งน้ำตา แต่ก็รู้ดีว่าไม่มีใครช่วยเหลือได้ นอกจากตัวของหล่อนเองเท่านั้น