“ใช่ค่ะ ฉันเหนื่อยมาก ทั้งเหนื่อยใจ และเหนื่อยกาย ถ้าจะมาหาเรื่องพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ค่ะ”
หล่อนขอร้องเขา แต่เขาไม่ให้ความร่วมมือเลยสักนิด เพราะอึดใจต่อมาเขาก็ทรุดกายลงนั่งบนโซฟาตัวเดิมที่โอเนลพึ่งลุกจากไป บ้าชะมัด นี่หล่อนจะไม่มีวันได้พบกับความสงบสุขในชีวิตเลยหรือไงนะ ทำไมผู้ชายพวกนี้จะต้องมาตามราวีหล่อนด้วย เนื้อนวลคิดอย่างท้อแท้ เบื่อหน่าย
“เชิญค่ะ”
“ฉันยังไม่กลับ ตราบใดที่ยังไม่ได้พูดในสิ่งที่ต้องการ”
หญิงสาวกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ จากนั้นก็กัดฟันทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาตัวตรงหน้ากับเขา มองเขาอย่างรอฟัง
“พูดมาค่ะ ต้องการอะไรก็พูดมา ฉันจะได้พักผ่อนเสียที”
สายตาของเขาเย็นชาชะมัดเมื่อจับจ้องมองมาที่หล่อน ไร้ความเป็นมิตร และเต็มไปด้วยความขยะแขยงชิงชังอย่างไม่ปิดบัง หล่อนเจ็บปวดกับสิ่งที่ได้เห็น เพราะหัวใจดันลุ่มหลงไปกับความหล่อเหลาของคิริลไปเสียตั้งแต่แรกพบแล้ว ห้ามตัวห้ามใจไม่ทันอีกแล้วเนื้อนวลคิดอย่างเศร้าใจเป็นที่สุด ไม่อยากเป็นศัตรูกับผู้ชายที่หล่อคับโลกแบบคิริลเลย
“เมื่อกี้คงใช้แรงไปมากสินะ”
แม้เขาจะไม่พูดตรงๆ หล่อนก็รู้ความหมายในหัวของเขาดี หล่อนกัดปากแน่น ก่อนจะเชิดหน้าทำเป็นไม่ใส่ใจ ทั้งๆ ที่ภายในอกน้ำตาทะลักแล้วทะลักอีกกับความอดสูที่เกิดขึ้น
“มันก็เรื่องของฉัน คุณมีอะไรก็พูดมาเลย พูดมาสิ ฉันเบื่อที่จะเห็นหน้าคุณแล้ว”
สีหน้าของเขายังราบเรียบและโคตรหล่อเช่นเดิม จะมีเปลี่ยนก็แค่แววตาเท่านั้นที่เหี้ยมกระด้างขึ้นจนคนมองอย่างหล่อนขนลุกซู่
“ฉันต้องการให้เธอยกเอวาให้กับฉัน”
คอของเนื้อนวลแข็งขึ้นในทันที หล่อนมองเขาตาลุกเป็นไฟ
“ฝันไปเถอะ ไม่ว่าคุณจะพูดคำนี้กับฉันอีกสักกี่ร้อยกี่พันครั้ง ฉันก็ไม่มีวันยกเอวาให้กับคุณ ฉันรักเอวาเข้าใจเอาไว้ด้วย”
ท่าทางเหมือนจงอางหวงไข่ของผู้หญิงตรงหน้าทำให้คิริลแสนจะสมเพช เขารู้ดีว่าหล่อนเน่าเฟะเพียงใด และที่สำคัญที่สุดหล่อนไม่มีจิตวิญญาณของคนเป็นแม่เลยสักนิด ที่กางปีกหวงก้างอยู่แบบนี้ก็คงจะต้องการเงินสินะ
“ต้องการเงินเท่าไหร่ก็ว่ามาเลย ฉันจ่ายไม่อั้น”
หญิงสาวกัดปากแน่น หน้าแดงก่ำ และพูดไม่ออก ซึ่งนั่นก็ทำให้คิริลคิดไปในอีกทางหนึ่งอย่างง่ายดาย
“พอได้ยินว่าจะได้เงิน อึ้งไปเลยสินะ ไม่ต้องรีบร้อน ค่อยๆ คิดว่าต้องการเท่าไหร่ ฉันจะจ่ายให้เธอครบทุกบาททุกสตางค์เลยทีเดียว ขอเพียงแค่เซ็นยกเด็กคนนี้ให้กับฉันเท่านั้น”
เนื้อนวลตัวสั่นเทิ้ม กำมือแน่น ก่อนจะผุดลุกขึ้นยืน จ้องหน้าเขาอย่างโกรธจัด
“นี่คุณคิดว่าเงินของตัวเองซื้อทุกอย่างบนโลกได้อย่างนั้นเหรอ”
เขาทำท่าไม่สะทกสะท้านและมันน่าหมั่นไส้มากในสายตาของหล่อน
“ใช่”
เขาหยุดพูดและตวัดสายตามองหล่อนไปทั้งตัวอย่างเหยียดหยาม ก่อนจะพูดออกมาอีกครั้งด้วยน้ำเสียงไม่ต่างจากเดิมเลย
“ก็เห็นๆ กันอยู่ว่ามันสามารถซื้อผู้หญิงอย่างเธอได้”
“คนปากร้าย ผู้ชายปากจัด”
เนื้อนวลแทบเต้นกับคำดูถูกดูแคลนของผู้ชายตรงหน้า นี่เขากล้าดียังไง กล้าดียังไงมาประณามหล่อนแบบนี้ คนบ้า!
“เอาน่า เลิกแสดงละครว่ารักลูกห่วงลูกได้แล้ว อยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามาเลย ฉันยินดีจะจ่าย”
หญิงสาวเม้มปากแน่น จ้องหน้าเขาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
“ฉันไม่ต้องการเงิน”
“หือ... นี่ฉันหูฝาดไปหรือเปล่านี่”
เขาเยาะหยัน ด้วยท่าทางน่าตะกุยหน้าเป็นที่สุด
“คุณไม่ได้หูเฝื่อน หูฝาด แต่ฉันบอกว่าฉันไม่ต้องการเงิน ต่อให้เงินเป็นร้อยๆ ล้านฉันก็ไม่ต้องการ เอวาจะต้องอยู่กับฉัน คุณไม่มีวันได้แก จำเอาไว้ด้วย”
คิริลหรี่ตามองร่างแน่งน้อยที่กำลังโกรธจนตัวสั่นเทิ้มอย่างพิจารณา แม่นี่แสดงได้แนบเนียนเหลือเกิน นี่ถ้าเขาไม่รู้ประวัติหล่อนมาก่อนหน้า เขาคงเชื่อสนิทใจเลยทีเดียวว่าผู้หญิงคนนี้รักลูกของตัวเองจริงๆ ไม่ได้เลี้ยงทิ้งๆ ขว้างๆ อย่างที่กำลังทำอยู่
“ก็บอกว่าให้เลิกแสดงละครได้แล้วไง ฉันรู้เช่นเห็นชาติของเธอทั้งหมด ดังนั้นอย่าคิดจะมาโกหกอะไรอีกเลย”
ชายหนุ่มพูดเสียงราบเรียบแบบเดิม แต่คนฟังอย่างหล่อนรู้ดีว่าเขากำลังเต็มไปด้วยโทสะมากมายแค่ไหน ก็ถึงแม้ใบหน้าหล่อลากไส้จะยังคงเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มหยัน แต่นัยน์ตาสีเขียวจัดของเขานั้นเปลี่ยนเป็นสีเพลิงไปเสียแล้ว
“ยกเอวาให้กับฉันตอนนี้ ก่อนที่ฉันจะไม่ให้อะไรเธอเลย”
“อย่ามาขู่ฉันเสียให้ยาก ฉันไม่มีทางยกเอวาให้กับคุณ หรือว่าใครหน้าไหนทั้งนั้น”
หญิงสาวตะเบ็งเสียงใส่เมื่อเดินไปหยุดตรงหน้าของเขา จ้องมองเขาที่ยังนั่งอยู่ด้วยสายตาเคืองขุ่น คนบ้า ไม่รู้อะไรเข้าสิง ถึงได้มองหล่อนเลวร้ายนัก
“นี่จะเป็นคำเตือนสุดท้ายของฉัน...”
แล้วพ่อเจ้าประคุณก็ลุกพรวดขึ้นโดยไม่ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้า เป็นผลให้คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแบบหล่อนถอยหลังหนีไม่ทัน ร่างกายของหล่อนกับเขาจึงห่างกันแค่ฟุตเดียว ซึ่งนั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะปัญหามันอยู่ที่กลิ่นหอมเซ็กซี่จากกายหนุ่มที่โชยเข้ามาในจมูกของหล่อนต่างหากล่ะ