ตอนที่ 3 อคิน (3)

1148 คำ
จ้าวจันทร์ได้ยินจักรดุลย์เอ่ยเบาๆ พร้อมๆ กับกลั้นขำไปด้วย และเมื่อเขาหันมาเห็นว่าเธอนั่งจ้องตาไม่กะพริบก็เลยหัวเราะกับเธออย่างกลั้นไม่อยู่ จ้าวจันทร์พยายามแล้วที่จะยกมือโบกห้ามเพื่อนหนุ่ม แต่กลายเป็นว่าเธอและจักรดุลย์เมื่อมองหน้ากันก็หยุดหัวเราะกันไม่ได้ ยิ่งหันไปมองหน้าฝนทิพย์ที่ทำตาขวางก็ยิ่งขำไปกันใหญ่ ราวๆ สิบวินาทีได้ที่จ้าวจันทร์พยายามกลั้นขำกับจักรดุลย์ จนกระทั่งคนที่นั่งข้างซ้ายมือเอาศอกมากระทุ้งเบาๆ “ขำไรกัน” ทีแรกขุนศึกก็ว่าจะไม่สนใจ แต่เห็นสองคนนี้หัวเราะไม่หยุดก็เลยอดถามไม่ได้ “อ่า...ไม่กล้าเล่า” จ้าวจันทร์กระซิบตอบเบาๆ “เล่ามา” “เล่าก็ได้ แต่ต้องสัญญานะว่าจะไม่เอาไปเล่าใคร” “ฉันดูเหมือนคนที่ชอบเอาเรื่องชาวบ้านไปเล่าใครเหรอ?” ขุนศึกเอ่ยเสียงเรียบ แต่แค่นั้นก็เล่นเอาคนขี้เกรงใจหน้าเจื่อน จริงสินะ เธอก็มัวแต่ขำจนลืมตัวพูดอะไรที่ไม่เมกเซนส์ออกมา “ไม่เหมือน ไม่เหมือนเลยสักนิด” พึมพำบอกเขาเสียงแผ่วเบา ก่อนจะก้มหน้าหลบสายตาคมที่ดุวาวเวลาทำหน้านิ่งๆ นั้น “เล่ามา” เขาย้ำขึ้นมาอีกครั้ง จ้าวจันทร์หันไปมองด้านหน้าเห็นว่าอาจารย์กำลังเขียนกระดานอยู่ ก็เลยเอนตัวไปกระซิบบอกเขาเบาๆ ฝ่ายขุนศึกที่ตัวสูงกว่าเธอมากก็เอนตัวลงมาเพื่อให้เธอกระซิบใกล้ๆ หูได้ถนัด “เวย์ทำปากกาหล่นใส่กระโปรงเบสต์ เบสต์เลยโมโห” ขุนศึกได้ฟังแล้วก็ทำหน้าละเหี่ยใจ ก่อนจะส่ายหัวอย่างเพลียๆ แล้วหันกลับไปตั้งใจเรียนต่อ หลังจากนั่งเรียนไปจนหมดคาบ นักศึกษาทั้งหลายก็ต่างส่งเสียงเซ็งแซ่หลังจากอาจารย์เดินกลับออกไปยังไม่ถึงห้าวินาที ด้วยว่าหิวข้าวไปตามๆ กัน แต่ก่อนที่จะได้เก็บของเสร็จและมีใครเดินออกไปพักเที่ยงนั้น รุ่นพี่ในคณะราวสี่คนก็เดินเข้ามาในห้องเรียนก่อนพอดี “ขออนุญาตน้องๆ สักครู่นะคะ” “ค่า/คร้าบ” “เดี๋ยวทางมหาวิทยาลัยของเราจะมีประกวดดาวกับเดือน มีใครสนใจลงสมัครคัดเลือกไหมคะ” ทั้งห้องส่งเสียงเซ็งแซ่ฟังไม่ได้ศัพท์อีกครั้ง ต่างคนต่างก็บุ้ยใบ้ให้เพื่อนในกลุ่มแก๊งของตนที่สนิทกันเป็นตัวแทน ส่วนแก๊งห้าแสบนั้นก็ได้แต่มองหน้ากัน ก่อนจะทำหน้าทำตาประมาณว่าใครจะสมัครไม่สมัครก็แล้วแต่เหอะ และเมื่อเห็นว่าน่าจะยังไม่ได้ข้อสรุปง่ายๆ พี่ๆ ที่มาเลยรีบพูดต่อ “เอางี้ ช่วงเย็นที่สาขาจะมีการคัดเลือก ใครสนใจเลิกเรียนแล้วไปเจอพวกพี่ที่คณะได้เลยนะคะ” “เกี๊ยว!” พี่คนที่พูดๆ อยู่ชะงัก เมื่อเพื่อนของเธอเรียกเสียงดังจนกลบทุกเสียงที่เอ่ยแทรก “ว่าไง” “เนี่ย ห้าคนนี้หน้าตาดีทั้งนั้นเลย” พี่ผู้หญิงคนที่เรียกเพื่อนว่าเกี๊ยวเดินมาหยุดชี้โว้ชี้เว้อยู่ใกล้ๆ กับเก้าอี้ที่อธิปัตย์นั่งอยู่ พร้อมกับเหลือบตามองแก๊งห้าแสบแบบเรียงตัว “น้องผู้ชายสามคนสนใจสมัครมั้ยคะ” “ไม่ครับ!” ขุนศึกและอธิปัตย์รีบตอบพร้อมกันโดยไม่ต้องคิด ขณะที่จักรดุลย์ไม่ได้ปฏิเสธแต่ก็ไม่คิดจะตอบรับแน่นอน พี่ๆ ทั้งสี่คนที่ตอนนี้มายืนรุมล้อมอยู่หน้าเจื่อนลงไปนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ละความพยายาม “ช่วยสาขาเราหน่อยนะ ถ้าน้องสมัครเราน่าจะชนะเป็นตัวแทนของคณะได้เลย” “ไม่เอาครับ” ขุนศึกและอธิปัตย์ยังคงปฏิเสธอย่างแข็งขัน “เอาดาวมั้ยครับ เนี่ยดาว...” จักรดุลย์เอ่ยขึ้นอย่างอารมณ์ดีพร้อมกับชี้มือไปที่ฝนทิพย์ คนโดนพาดพิงก็ไม่น้อยหน้ารีบยกมือตีไหล่เขาพัลวัน “เออ คนนี้สวยเฉี่ยว หุ่นก็ดี น้องลองยืนได้มั้ยคะ” “หา!” ฝนทิพย์อ้าปากค้าง แต่ก่อนจะได้พูดอะไร พี่ผู้หญิงคนหนึ่งก็เดินมาจับแขนเธอให้ลุกขึ้นยืนเสียก่อน “หุ่นดีมากเลยค่ะน้อง พี่ส่งน้องเนี่ยแหละประกวด รับรองสาขาเราชนะชัวร์ ได้เป็นดาวคณะแน่ๆ” พี่เกี๊ยวพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนจะหันไปทางจ้าวจันทร์เมื่อเพื่อนที่มาด้วยกันแย้งขึ้น “แต่คนนี้ก็น่ารักนะแก” จ้าวจันทร์เลิ่กลั่กขึ้นมาอีกคน ด้วยไม่คิดว่าตัวเองจะโดนไปด้วย “ตัวเล็กไปหน่อยอะดิ คนนี้แหละสูงดี” พี่เกี๊ยวว่าพร้อมกับหันมามองฝนทิพย์ตาเป็นประกายเหมือนกับได้เจอขุมทรัพย์ “เอาไปสองคนมั้ยล่ะ เผื่ออีกคนตกรอบ สาขาเราจะได้มีทางเลือกเพิ่ม” “เออ ก็ดี” “งั้นน้องสองคนมาเจอพวกพี่ตอนหมดคาบเรียนนะ” พี่เกี๊ยวพูดจบก็พาเพื่อนๆ อีกสามคนเดินจากไป ทิ้งให้จ้าวจันทร์กับฝนทิพย์หันมองหน้ากันและอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น “ไม่เอา กูไม่ไป!” ฝนทิพย์โวยวายพร้อมส่ายหน้า “ถ้าไอ้เบสต์ได้เป็นดาวจริงๆ จะยังไงนี่” อธิปัตย์เอ่ยขึ้น ทั้งขำทั้งสงสารเพื่อนที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “บรรลัยสิครับ โอ๊ย!” จักรดุลย์พูดไม่ทันจบดีก็โดนทุบหลังอย่างแรง “เจ็บนะ” “สมน้ำหน้า” จักรดุลย์ทำท่าจะทุบคืน แต่พอเห็นใบหน้าเบ้ๆ ตาแดงๆ ของเพื่อนสาวก็เลยเปลี่ยนใจ ยกมือลูบหัวเพื่อนสาวเบาๆ “โอ๋ๆ ไม่ต้องร้องนะ ยังไงก็ตกรอบแน่ๆ ไม่ต้องกลัว ขี้เหร่ขนาดนี้” “ไอ้เวย์!” จักรดุลย์เห็นฝนทิพย์โมโหจนหน้าดำหน้าแดงอย่างนั้นก็รีบลุกหนีจากเก้าอี้แล้ววิ่งออกจากห้องไปทันที โดยไม่สนใจจะเก็บสัมภาระ ฝ่ายฝนทิพย์ที่เดิมเครียดอยู่ก็ยิ่งโมโหหนักและวิ่งตามไปเพื่อจะตีเพื่อนปากเสีย เดือดร้อนถึงจ้าวจันทร์ที่ต้องเป็นฝ่ายเก็บกระเป๋ารวมถึงสัมภาระอื่นๆ ของทั้งคู่และหอบหิ้วออกไปให้ “ถือหมดมั้ยจ้าว” อธิปัตย์ถาม “ได้ๆ ไม่หนัก พอร์ชกับคินเดินไปก่อนเลยเดี๋ยวจ้าวตามไป” เธอบอกเพื่อนทั้งสอง และเมื่อเก็บข้าวของเสร็จหมดแล้วก็เดินตามคนทั้งคู่ออกไปเพื่อรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน ผ่านพ้นวันที่สนุกไปอีกครึ่งวัน ว่าแต่ต้องไปคัดเลือกดาวมหาวิทยาลัยจริงๆ เหรอเนี่ย ไม่อยากไปเลย...จ้าวจันทร์ได้แต่คิดอย่างเซ็งๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม