หญิงสาวบ่น ผู้ใหญ่เที่ยงยกมือขึ้นโยกศีรษะบุตรสาว “อย่างเราน่ะ พ่อให้ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ ขี้คร้านจะร้องไห้คิดถึงบ้าน” บุตรสาวของท่านไม่เคยนอนค้างอ้างแรมที่ไหน ผู้ใหญ่เที่ยงไม่เคยให้เพชรชมพูลำบาก การไปทำงานเป็นคนงานเก็บผลไม้ในต่างแดนมันต้องใช้ความอดทน คนหยิบโหย่งอย่างบุตรสาวท่าน ไปก็เสียเที่ยวเปล่า
“พ่ออะ ดูถูกเพชรจัง!” ใบหน้าเล็กๆ งอลง พร้อมกับบ่นอุบอิบ
“แหงสิ...พ่อน่ะเลี้ยงเรามานะ ทำไมจะไม่รู้ ไปร้องไห้ขี้มูกโป่งอายยัยหนูนิดาแย่เลย”
คนโตกว่ายังไม่หยุดกระเซ้า
“เพชรอยู่ที่นี่แหละดีแล้ว เราจะได้ไม่ห่วงยายมากนัก”
หญิงสาวรวบเอกสารในมือยัดใส่กระเป๋าสะพาย คงต้องไปศึกษารายละเอียดยิบย่อยอีกที ก่อนถึงวันที่เขาเปิดรับสมัคร แต่นิรดามีความตั้งใจ เธอจะต้องผ่านการทดสอบครั้งนี้ให้ได้ เพื่อตัวเอง...และอนาคตของยาย
ในอนาคตอันใกล้นี้ เธอต้องใช้เงินอีกไม่น้อย ไหนจะซ่อมหลังคาบ้านที่สังกะสีผุกร่อนเกินจะทานรับแรงลมและฝนได้ ยายจะได้พักผ่อนเหมือนผู้สูงอายุคนอื่นๆ หากเธอมีเงินเก็บสักก้อน เป็นทุนรอนไว้ในยามเดือดร้อน
“ให้เราไปส่งนิดานะ” เพชรชมพูเดินตามมาด้วย เมื่อนิรดาขอตัวกลับ
“อย่าเลย จวนจะมืดแล้ว” หญิงสาวบอกปัด ค่ำๆ มืดๆ เธอไม่อยากให้เพื่อนมีอันตราย
“เพราะว่ามันค่ำแล้วไง เราถึงต้องไปส่ง หากนิดาเดินไปเองเมื่อไหร่จะถึง” เพื่อนสาวบ่นก่อนจะเดินนำหน้า เพชรชมพูเข็ญรถมอเตอร์ไซน์ของเธอออกมา ก่อนจะยิ้มกว้าง เมื่อเพื่อนรักส่ายใบหน้าช้าๆ
“เร็วๆ เดี๋ยวค่ำก่อน” เวลาช่วงหน้าหนาว กลางคืนยาวกว่ากลางวันไม่ทันไรก็จะมืดค่ำ เมื่อพระอาทิตย์ลาลับลงจากฟ้า
“ดื้อตามเคย” นิรดาบ่นเบาๆ ก่อนจะวาดปลายเท้าขึ้นนั่งซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซน์ของเพื่อน
เพชรชมพูสตาร์ทรถคู่ใจ ขับออกไปจากบ้านความเร็วไม่มากนัก สายลมเย็นๆ พัดผ่านใบหน้า ความทุกข์ที่เคยเกาะถ่วงอยู่ในหัวใจเริ่มเบาบางลง หลังมีความหวัง
สาวอาภัพโบกมือให้เพื่อน ก้าวเดินผ่านประตั้วรั้วต้นกระถินเข้าไปด้านใน ยายสร้อยเปิดไฟกลางบ้านไว้ แต่ตัวนางกำลังทำกับข้าวอยู่ในครัว นิรดาวางกระเป๋าลงบนพื้น เดินเลยไปหลังบ้าน “ยายทำอะไรกินจ้ะวันนี้” เธอเอ่ยทักยายสร้อยที่กำลังก้มหน้าก้มตาจุดไฟในเตาฟืน
“ทอดไข่เจียวน่ะ มีน้ำพริกตาแดงของโปรดนิดาด้วยนะ”
วันนี้สร้อยมีงานจ้าง นางเลยมีสตางค์พอที่จะซื้อไข่ไก่มาทำอาหารให้หลานสาว
“ยายไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวหนูทำเองจ้ะ” นิรดาอาสา ยายเหนื่อยมาทั้งวันยังจะต้องมาหุงหาอาหารให้เธออีก อะไรที่ช่วยผ่อนแรงยายได้ นิรดาอยากทำแทนทั้งหมด
“เรานั่นแหละ ไปเปลี่ยนชุดก่อน เข้ามาทำไมไม่รู้ในครัวมีแต่ควัน”
พอไฟติดเชื้อฟืน ควันกับฝุ่นก็กระจายตามแรงพัดที่โบกไปมา เพื่อเพิ่มอุณหภูมิของเปลวให้แรงขึ้น
“หนูไปบ้านผู้ใหญ่เที่ยงมาจ้ะยาย” นิรดารีบหันหลังกลับ เธอรีบเปลี่ยนชุดนักเรียน แต่ก็ไม่วายตะโกนเล่าให้ยายสร้อยฟังด้วย เมื่อความหวังนั้น มีท่าทีเป็นจริง
“ไปทำไมกันล่ะ หรือผู้ใหญ่จะจ้างให้ไปทำอะไร?” สร้อยหยุดพัด เหลียวมองหลานสาวที่เดินมาทิ้งตัวนั่งข้างๆ
“เปล่าหรอกจ้ะ แต่ดีกว่านั้นอีก” นิรดาพูดต่อ ดวงตามีประกายสดใสขึ้น จนยายสร้อยพลอยรู้สึกยินดีไปด้วย
“อะไรหล่ะ...เล่ามาสิ ยายอยากรู้แล้ว” ยายสร้อยเอ่ยเสียงตื่นเต้น เดาจากท่าทีหลานสาว มันต้องเป็นข่าวดีแน่ๆ
“ยายไปอาบน้ำก่อนเถอะเดี๋ยวจะมืดก่อน ส่วนไข่เจียวนี่ เดี๋ยวหนูทำเองจ้ะ”
นิรดาแย่งตะหลิวในมือของยายสร้อยมาถือไว้เอง แล้วยังดันหลังนางให้ออกไปอาบน้ำก่อนที่ฟ้าจะมืดเพราะหมดแสง “ส่วนเรื่องนั้น หนูจะเล่าให้ฟังตอนกินข้าวจ้า” ไข่ไก่ใบใหญ่ๆ นิรดากะเทาะเปลือกเทใสชามพร้อมกับเทเครื่องปรุงใส่แบบรู้งาน ท่าทางทะมัดทะแมงจนยายสร้อยอดอมยิ้มไม่ได้
นางเลยปล่อยให้หลานสาวทำงานครัวไปเงียบๆ เดินไปฉวยผ้าถุงเก่าๆ ที่พาดไว้บนราวไม้ข้างบ้านหลัง ฉวยตระกร้าที่มีสบู่ ยาสีฟัน เดินตรงไปยังท่าน้ำ
กลิ่นไข่เจียวโชยไปถึงท่าน้ำตอนที่นางกำลังฟอกสบู่ สร้อยน้ำตารื้น คิดถึงบุตรสาวและลูกเขย เสียดายแทนลูกทั้งสอง ที่อยู่ไม่ถึงวันที่นิรดาโตเป็นสาว เด็กคนเดียวกันกับคนที่กอดนางไว้พร้อมกับร่ำไห้ปานใจจะขาด เมื่อข่าวร้ายมาเยือนครอบครัวนางในค่ำคืนหนึ่ง พ่อ-แม่ ของนิรดาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่ ทิ้งลูกน้อยไว้ให้แม่ที่แก่เฒ่าอุปการะ
แต่เด็กขี้แยคนนั้นไม่เคยทำให้นางร้อนใจเลย ยิ่งเติบใหญ่ ความกตัญญูยิ่งเพิ่มขึ้น หากอะไรที่นิรดาทำได้ เจ้าตัวจะแย่งมาทำไว้เสียเอง นางรักและเป็นห่วงหลานสาว จนกัดฟันทน แม้ป่วยไข้ก็ไม่ปริปากบอก เพราะนั่นจะทำให้นิรดาพลอยกังวลไปด้วย
สร้อยชะเง้อคอมอง เมื่อเห็นนิรดาโผล่หน้าไปที่หลังบ้าน บริเวณนั้นไม่มีไฟฟ้าส่องถึง และรกครึ้มไปด้วยวัชพืช
หลานสาวของนางคงกำลังเก็บผักข้างรั้ว ไปทำอาหารเพิ่มอีกอย่าง แถวนั้นต้นตำลึงขึ้นหนาแน่น ยอดอ่อนๆ กำลังแตก ผัดน้ำมันจิ้มน้ำพริกก็อร่อยจนลืมอาหารหรูๆ
สร้อยเตรียมจะขึ้นจากน้ำ นิรดาก็เดินตรงมาพอดี นางขยับที่ให้หลานสาวนั่ง แต่ยังไม่กลับไปที่บ้าน อยู่รอจนหลานสาวอาบน้ำเสร็จเรียบร้อย ถึงเดินกลับไปพร้อมกัน
ใต้หลังคาบ้านเก่าๆ คือความอบอุ่นที่สุดที่นางพยายามยื้อเวลาไว้ สร้อยวิงวอนสิ่งศักดิ์สิทธิในใจ ขอแค่เธอมีชีวิตถึงวันที่นิรดาสามารถยืนด้วยขาของตัวเองได้ นางไม่ได้ขอโชคลาภ ไม่ขอให้ตนเองร่ำรวย แต่ที่อยากได้คือลมหายใจที่อยู่กับนางไปนานๆ จนกว่าหลานสาวตัวน้อยจะมีหลักที่ปลอดภัยคุ้มครอง...
กับข้าวพื้นๆ น้ำพริกไข่เจียว และตำลึงผัดน้ำมัน สองยายหลานก็ร่วมรับประทานอาหารมื้อนั้นอย่างเอร็ดอร่อย
ยายสร้อยรอฟังสิ่งที่หลานสาวจะเล่า นางแทบอดใจรอไมไหว
“ลุงผู้ใหญ่เขาเอานี่มาให้นิดาดูน่ะยาย” เอกสารที่นิรดาเอามาจากบ้านผู้ใหญ่เที่ยง หญิงสาวยื่นให้ยายดู
ยายสร้อยส่ายหน้าปฏิเสธ ถึงมีไฟฟ้า แต่สายตาของนางมองไม่ชัดเสียแล้วยามกลางคืน “ยายมองไม่เห็นหรอก เล่ามาเลยอีหนูยายรอฟังอยู่”
หญิงสาวเล่าตามที่ผู้ใหญ่เที่ยงบอกมาอีกที ยายสร้อยฟังนิ่งๆ เริ่มห่วงขึ้นมานิดๆ แต่เมื่อนิรดาชี้แจงให้ฟัง นางก็เริ่มเห็นด้วย ช่วงเวลาที่ว่างก่อนมหาวิทยาลัยเปิดเกือบ5เดือน ช่วงนั้นนิรดาเองก็วางแผนที่จะทำงานเพื่อเก็บเงินสักก้อน แม้จะรู้ดีว่าเงินก้อนนั้นไม่มีวันพอกับค่าใช้จ่ายหากเธอหวังจะเรียนต่อ แต่เมื่อมีโอกาสที่จะทำให้ฝันเป็นจริงมาจ่ออยู่ตรงหน้า ถึงมันจะดูหน้าหวาดกลัวไปสักนิด เมื่อต้องเดินทางไกล อยู่ต่างบ้านต่างเมือง แต่ผลสำเร็จรับประกันได้ว่าชัวร์
“ยายบอกตามตรงนะนิดา...หากยายมีเงิน ยายจะไม่มีวันอนุญาตให้นิดาไปไกลขนาดนี้เลย ยายเป็นห่วง” ยายสร้อยเอ่ยเสียงเครือ ตัวแปรสำคัญคือเรี่ยวแรงและอายุของตนเอง หากทำแทนได้ ยายสร้อยก็จะอาสาไปเสียเอง แต่นี่ แค่งานจ้างในแต่ละวัน สังขารของนางก็แทบจะไม่ไหว
“นิดาเองก็ห่วงยายจ้ะ แต่...” หญิงสาวก้มหน้าลง ความฝันของเธอต้องใช้เงิน ดังนั้นเธอก็ต้องขวนขวายเอาเอง
“ยายรู้...เรามาพยายามไปด้วยกันนะ ยายอยากเห็นนิดาในวันที่นิดารับปริญญา”
สุขใดจะเท่า มองเห็นหลานสาวมีอนาคต...นางขอแค่ให้ตนเองอยู่ถึงวันนั้นก็พอ
“จ้ะยาย...นิดาจะคว้าปริญญามาฝากยายให้ได้”
หญิงสาวให้คำมั่น สอดมือกอดเอวของยายสร้อยไว้ พร้อมกับซุกหน้าซ่อนรอยน้ำตากับอกของหญิงชรา
บทที่2.การเดินทางไกลครั้งแรกของนิรดา
นิรดาเริ่มต้นศึกษาหาข้อมูลของประเทศเบลเยียมตั้งแต่วันนั้น เธอเตรียมพร้อมกับการสอบ แต่ก็ไม่วายหาข้อมูลไว้เพื่อความได้เปรียบ
วันสอบปลายภาคมาถึงและจบลงตามความคาดหมาย ข้อสอบส่วนใหญ่ นิรดาเคยอ่านผ่านตาและอาจารย์ประจำวิชาเคยติวเข้มให้บางแล้ว ดังนั้นผลสอบน่าจะออกตามความคาดหมาย
อาจารย์ที่ปรึกษาเรียกนิรดาเข้าไปพบ เมื่อท่านรู้ข่าวที่น่าจะเป็นประโยชน์กับนักเรียนของตัวเองมา
คำแนะนำของอาจารย์ที่ปรึกษาท่านนั้นทำให้ความฝันของนิรดาขยับเข้ามาใกล้ตัวอีกนิด...
ขั้นแรกที่เธอต้องทำ คือการไปสมัครขายแรงงานที่อำเภอ โดยที่ผู้ใหญ่เที่ยงจะเป็นคนเซ็นรับรองให้ จากนั้นก็รอวันคัดเลือก และหากสมหวัง...เธอจะได้เดินทางไปทำงานเก็บผลเชอรี่ในรอบแรกของการเดินทาง...
เบลเยียม เป็นประเทศในโซนยุโรปตะวันตกเฉียงเหนือ มีพรมแดนติดต่อกับหลายประเทศ เช่นเนเธอร์แลนด์ เยอรมนี ลักเซมเบิร์ก ฝรั่งเศส และทะเลเหนือ เมืองหลวงของ เบลเยียม คือ กรุงบรัสเซลส์ไม่น่าเชื่อว่าประเทศที่เธอตั้งใจจะไปเยือนมีขนาดเล็กกว่าประเทศไทยถึง สิบเจ็ดเท่า สภาพอากาศ ภูมิอากาศของเบลเยียมมีลักษณะเหมือนกับทางยุโรปตอนเหนือ คือเป็นแบบชายฝั่งทะเล จะค่อนข้างอบอุ่นและชุ่มชื้น ซึ่งประกอบไปด้วย สี่ฤดู