ตอนที่ 3

1353 คำ
หลังจากมานั่งที่ห้องโถงรับแขกของเจ้าของตำหนักฮ่องเต้ก็ตรัสถามฟางอี้หลิงถึงข่าวลือที่เกิดขึ้นในเมืองตอนนี้ "เจิ้นจะจัดการกับข่าวลือที่ทำให้เจ้าเสียหาย ขออภัยที่การหวังดีของเจิ้นทำให้เจ้าเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะน้องชายของเจิ้นเองอยากให้เจิ้นทำอย่างไรบอกมาได้เสีย ฝ่ายเจิ้นเป็นคนผิดเองในเรื่องนี้" ฮ้องเต้ตรัสบอกกับฟางอี้หลิง "ขอบพระทัยฝ่าบาทที่มีเมตากับหม่อมฉันถ้าเป็นไปได้หม่อมฉันต้องการหย่าขาดจากท่านอ๋องหยวนอวิ๋นฉีทรงได้หรือไม่เพคะถ้าพระองค์ต้องการช่วยหม่อมฉันจริงๆ พระราชทานหนังสือหย่าแล้วให้หม่อมฉันลงลายมือก่อนท่านอ๋องหยวนอวิ๋นฉี รอท่านอ๋องกลับมาจากชายแดนเมื่อจบศึกจากชายแดนเหนือค่อยลงชื่อในใบหย่าก็ได้เพคะ เพียงแค่พระองค์ทรงอนุญาติ ท่านอ๋องก็จะได้อยู่กับคนที่ท่านอ๋องรักนั้นคือพระชายารองจางว่านอี้เพียงเท่านี้เพคะฝ่าบาท" ฮ่องเต้เองยังตกใจที่พึ่งจะเคยเจอฝ่ายหญิงขอหย่าจากสามี ช่างเปิดหูเปิดตาของเจิ้นอ๋องหยวนอวิ๋นฉีเจอคนจริงเสียแล้ ใจเด็ดไม่ต่างกัน ชอบบอกชอบเกลียดบอกเกลียดไม่เสแสร้งแกล้งทำนับว่าเพรชได้หลุดมือน้องชายของเจิ้นไปแล้ว "พระชายาฟางอี้หลิงลองตรองดูอีกสักครั้งได้หรือ ไม่รอให้ใจเย็นแล้วค่อยคุยปรับความเข้าใจกันใหม่ กว่าอ๋องหยวนอวิ๋นฉีจะกลับมาหลังจบศึกครานี้เจิ้นก็ไม่รู้ว่าจะนานเท่าไร ก็เหมือนกับแม่ทัพฟางอี้หลุนบิดาของพระชายาที่ต้านข้าศึกกับพี่ชายของพระชายาที่ชายแดนใต้ในตอนนี้ ซึ่งจะใช้เวลากี่เดือนหรือกี่ปีเจิ้นคิดว่าอ๋องหยวนอวิ๋นคงจะหายโกรธแล้วกระมัง" ฮ่องเต้ตรัสถามย้ำอีกครั้งให้พระชายาฟางอี้หลิงตัดสินใจใหม่ "หม่อมฉันตัดสินใจดีแล้วเพคะและจะขอไปที่บ้านเดิมของท่านยายเพื่อจะคอยหาเสบียงให้กับกองทัพของท่านพ่อกับพี่ใหญ่เพคะขอพระองค์โปรดเมตากระหม่อมด้วยเพคะฝ่าบาท" ฟางอี้หลิงคลุกเข่าร้องของความเมตาจากโอรสสวรรค์ให้ประทานหนังสือหย่าขาดจากพระสวามีแลกกับการหาเสบียงให้กองทัพของบิดาเป็นข้อแลกเปลี่ยน ฮ่องเต้กับฮองเฮาทรงคุยกันเกือบหนึ่งชั่งยามกับอี้หลิง พระชายาฟางอี้หลิงก็ยืนยืนคำเดิมคือต้องการจะหย่าพระสวามีโดยไม่สนใจคำครหาจากชาวบ้าน พระองค์จึงตัดสินใจบอกกับพระชายาเอกฟางอี้หลิงไปว่าพระองค์นั้นให้ขันทีส่วนพระองค์ร่างหนังสือหย่าให้ แต่มีข้อแม้ว่าท่านอ๋องหยวนอวิ๋นฉีเต็มใจประทับลายมือเท่านั้นจึงจะเสร็จสมบรูณ์ พระองค์รับเรื่องแต่คนตัดสินใจอีกทีคือท่านอ๋องหยวนอวิ๋นฉีที่จะลงลายมือหรือไม่นั้นสุดแล้วแต่อ๋องหยวนอวิ๋นฉี พระชายาฟางอี้หลิงนั้นฮ่องเต้ไม่อยากให้น้องชายเสียพระชายาที่ดีไปจึงหาทางออกให้กับทั้งสองฝ่าย "หวังว่าน้องชายของเจิ้นจะมีสติรู้ชัดนะฮองเฮา" พระองค์ตรัสกับฮองเฮาก่อนจะเสด็จกลับไปทรงงานต่อ ส่วนฟางอี้หลิงนั้นได้เพียงเท่านี้ก็พอใจแล้วเพราะว่าเธอคิดในใจว่าท่านอ๋องที่เกลียดชังตนเองนั้นจะต้องรีบลงลายมือเพื่อจะได้อยู่กับชายารักได้สมใจ ก่อนจะลาฮองเฮากลับจวนเพื่อจะเตรียมตัวเดินทางไปที่เมืองจี้เป่ยบ้านเดิมของท่านยายที่ทำนาข้าวอยู่แล้ว นางจะกลับมาเมืองหลวงอีกทีต้องให้บิดานั้นชนะศึกในครั้งนี้เสียก่อน หลังจากที่เตรียมตัวอยู่สองอาทิตย์ขบวนเดินทางของนางก็ออกเดินทางไปเมืองจี้เป่ยบ้านเดิมของมารดาด้วยองครักษ์ฝีมือดีจากฮ้องเต้หลายสิบคน เดินทางอยู่ครึ่งเดือนก็ถึง ฟางอี้หลิงนั้นได้ส่งจดหมายบอกพี่ชายว่าได้เดินทางไปเมืองจี้เป่ยและจะรอพี่ใหญ่กับท่านพ่ออยู่ที่นั้นเลยทั้งบอกเรื่องของนางให้พี่ชายฟังและไม่ให้เป็นห่วงเรื่องนี้ฝ่าบาทกับฮองเฮารับรู้ทุกอย่าง นางไม่ได้หนีออกจากตำหนักของท่านอ๋องหยวนอวิ๋นฉี เรื่องนี้ท่านแม่ทัพฟางอี้หลุนส่งคนกลับเมืองหลวงมาสืบข่าวอีกทีหลังได้รับจดหมายจากบุตรสาวที่ตอนนี้คงพักที่บ้านเดิมของมารดาไปแล้วเพราะนี้ก็เป็นเวลาสองเดือนแล้วที่ได้รับข่าวเพราะบุตรสาวนั้นต้องการให้พี่ชายกับบิดารู้เรื่องช้าที่สุดนั้นเอง จดหมายนั้นมาพร้อมกับรถม้าที่ขนเสบียงมาจากเมืองจี้เป่ยนั้นเองปลายทางคือค่ายทหารของบิดา ใช่แล้วฟางอี้หลิงนั้นนำข้าวสารเนื้อแห้งออกมาจากในมิติส่งไปให้บิดาพร้อมจดหมายหลังจากที่เดินทางมาถึงบ้านเดิมของท่านยายได้สองเดือน ฟางอี้หลิงนั้นได้เข้ามาอยู่ที่นี้ได้ห้าเดือน ทำนาข้าวมากมายจากการซื้อที่ดินว่างเปล่าเป็นเกือบสองพันหมู่ ทั้งผลไม้ที่กินได้ทุกอย่าง ด้วยการจ้างชาวบ้านทุกครัวเรือนช่วยงานในไร่นาแล้วให้คนของนางไปซื้อทาสมาช่วยดูแลเพิ่มอีกหลายครอบครัวทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง แต่ที่น่าตกใจตอนสองเดือนนั้นนางได้ตั้งครรภ์จากการเข้าหอกับอดีตพระสวามี ตอนนี้อายุครรภ์ได้ห้าเดือนเต็มกับท้องที่ใหญ่โตเกินคนท้องทั่วไปสร้างความดีใจให้กับนางมากเพราะต้องการทายาทที่จะสืบทอดมรดกพิเศษของตัวเอง ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเรียบง่ายด้วยความร่วมมือของคนสนิทพร้อมทั้งนายอำเภอที่เป็นเพื่อนของบิดาที่บิดาให้คอยมาสอดส่องดูแลบุตรสาวแทนตัวเองทั้งยังมีเพื่อนเป็นหมอในเมืองจี่เป่ยเสียด้วย ผู้ใหญ่บ้านหลายหมู่เองก็คอยมาถามไถ่เพราะฟางอี้หลิงนั้นสร้างงานให้กับคนในหมู่บ้านจนชาวบ้านลืมตาอ้าปากได้ กับการสอนหลายสิ่งหลายอย่างให้ผู้ใหญ่บ้านนำไปสอนชาวบ้าน เล่นได้ว่าเมืองจี้เป่ยนั้นคึกคักเพราะมีการจ้างงานฟางอี้หลิงใช้ความรู้ความสามารถจากการมาจากโลกอื่นมาสอนสิ่งต่างๆ ต่อยอดให้เมืองจี้เป่ยมีงานให้คนทำ แม้แต่พืชผักที่ผู้คนไม่รู้จักนางก็บอกให้ผู้คนรับรู้จะได้ไม่อดอยากเพราะลำพังแค่ชายแดนที่ไม่สงบนั้นก็ทำให้ชาวบ้านลำบากจากการเร่ร่อนหนีตายกันมาเรื่อยๆ นางขอให้นายอำเภอตั้งศูนย์พักพิงให้ผู้เดือดร้อนและช่วยเรื่องเสบียง สอนงานอาชีพให้ทุกคนช่วยเหลือตนเองได้ ในป่ามีอาหารมากมายให้คนหนุ่มที่แข็งแรงรวมตัวกันไปล่าสัตว์มาแบ่งปันชาวบ้านและให้เลี้ยงเอาไว้กินขยายพันธุ์ไปด้วย ที่นางเสียใจคือตอนนี้เดินเหินลำบากเพราะท้องนั้นเอง ถ้าคลอดลูกออกมาเมื่อไร่นางจะลุยงานด้วยตัวเอง ยาที่มาจากยายมิตินั้นดีมากแต่นางจะไม่นำออกมาใช้มั่วซั่วหรอกนะนอกจากคนสนิทของตนเองเพียงเท่านั้น นอกนั้นให้หาสมุนไพรบนเขาและให้สูตรยารักษาให้ไปหลายอย่าง จากนักฆ่าซอมบี้ที่ต้องมาอาศัยร่างของคนอื่นอยู่จึงต้องปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่ต่างกันแบบสิ้นเชิง นางทำใจมาตั้งห้าเดือนตั้งแต่ที่ตื่นขึ้นมาในร่างของฟางอี้หลิงแล้ว "คุณหนูเจ้าคะ อย่าหักโหมงานมากเพียงแค่บอกพี่มาก็พอที่เหลือพี่จะจัดการเองเจ้าค่ะ"สาวใช้คนสนิทนั้นถูกนางฝึกให้ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแรงและได้ไปซื้อทาสมาฝึกซ้อมเอาไว้ปกป้องคนในจวนของตัวเองอีกห้าสิบคน ฝึกสาวใช้อีอีกับซีซีเป็นหมอทำคลอดให้ตัวเอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม