“กรี๊ด ! อะไรวะเนี่ย” ตะวันสบถขึ้นทันทีเมื่อเธอส่องกระจกกำลังจะล้างหน้าแต่ดันชะงักเพราะเนินหน้าอกของเธอมีรอยรักสีดอกกุหลาบสองสามรอย
“ไอ้บ้าที่ไหนมันทำกูวะ” ตะวันสบถขึ้นอีกครั้ง พยายามนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแต่ก็ไม่มีอะไรอยู่ในหัวสักนิด รู้เพียงแค่ว่าอั้มเพื่อนสนิทของเธอเป็นคนพาเธอมาส่งคอนโด
“ช่างแม่ง ! กูอาบน้ำไปทำงานดีกว่า” ตะวันพูดขึ้นพร้อมกับเลิกสนใจรอยรักสีดอกกุหลาบที่ตอนนี้มันเด่นจนเธอเองก็ต้องสนใจมัน ต่อให้ปากจะบอกว่าช่างแม่ง พอเอาเข้าจริงก็ช่างแม่งไม่ได้เพราะมันอดที่จะอยากรู้ไม่ได้ว่าไอ้บ้าคนไหนมันทำแบบนี้กับเธอ
“มาแล้วหรอจ้ะตะวัน ท็อปฟอร์มเรื่องมาสายตลอดเลยนะ” รุ่นพี่ในแผนกของตะวันทักขึ้นอย่างเหน็บแนบเพราะเธอมาสายจริงๆ และมันใช่ครั้งแรกแต่มันเป็นแบบนี้หลายๆครั้งแล้ว โชคดีที่เธอทำงานดี หัวหน้าแผนกเลยไม่ยื่นซองขาวให้เธอเลยสักครั้ง
“เห็นแบบนี้ เรียกยังไม่มาหรอคะ” ตะวันสวนกลับไป ถึงเธอจะผิดเรื่องมาสายแต่มาพูดเหน็บแนมเธอแบบนี้ เธอก็ไม่ใช่คนที่ยอมให้ใครมาว่าด้วยสิเพราะทุกการมาสาย เธอก็จะโดนหักเงินเดือนอยู่ตลอด
“ระวังนะตะวัน ระวังจะได้ซองขาวเพราะตอนนี้บริษัทเรากำลังจะคัดพนักงานออก” รุ่นพี่ในแผนกพูดขึ้นอีกครั้ง
“คงเป็นพี่นั่นแหละค่ะ” ตะวันตอบกลับไป ถึงจะไม่มั่นใจหรอกว่าเป็นใครแต่ขออย่าให้เป็นเธอก็แล้วกัน เพราะค่าคอนโดของเธอแต่ละเดือนมันใช่ถูกๆ ไหนจะค่าใช้จ่ายต่างๆอีก
“คุณตะวันมาพบผมที่ห้องด้วยนะครับ” หัวหน้าแผนกที่เดินผ่านเอ่ยปากบอกตะวันขึ้นทันที
แน่นอนว่าสายตาของหัวหน้ามันไม่เหมือนเก่า ตะวันเริ่มเกิดอาการประหม่าในใจเพราะเธอเริ่มคิดถึงคำพูดของรุ่นพี่ในแผนกก่อนหน้านี้แล้ว
ต่อให้เธอจะทำงานเก่งก็จริงแต่การมาสายมันไม่ใช่เรื่องที่ดีในการทำงานบริษัทและมันเป็นเธอคนเดียวด้วยสิ ที่ท็อปฟอร์มเรื่องการมาสาย
“หัวหน้ามีอะไรหรือเปล่าคะ” ตะวันถามขึ้นทันที
“คุณตะวัน ผมรู้นะครับว่าคุณทำงานดีมาตลอดแต่คุณรู้ใช่ไหมว่าคุณก็มาสายตลอดเช่นกัน” หัวหน้าพูดขึ้น ทำตะวันประหม่ายิ่งกว่าเก่าเพราะตอนนี้หัวใจสั่นระรัวกลัวว่าจะต้องออกจากงานจริงๆ
“ตะวันรู้ค่ะ ตะวันยอมรับว่าตะวันมาสายตลอด” ตะวันพูดขึ้นพร้อมก้มหน้าลง ตอนนี้ดวงตาร้อนราวกับน้ำตาจะไหลลงมาให้ได้
“นี่ครับ” ซองขาวถูกยื่นจากอีกคนมาตรงหน้าของตะวัน ตอนนี้เธอรู้ดีแล้วว่าเธอกำลังเจอกับอะไร คำพูดที่รุ่นพี่ในแผนกพูดมันจริงทุกอย่าง แต่เธอทำอะไรไม่ได้เพราะเธอทำตัวเอง
“อะไรหรอคะ” ถึงแม้จะรู้แต่ตะวันก็ยังถามขึ้น ตอนนี้แทบจะร้องอยู่รอมร่อเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นโดยเธอไม่ทันตั้งตัว
“ซองขาวที่คุณได้คือเงินเดือนครั้งสุดท้าย” ตะวันตัวนิ่งชา ขยับไปไหนไม่ได้
“หมายความว่ายังไงคะหัวหน้า” ตะวันถามขึ้นอย่างไม่อยากจะยอมรับความจริง เธอไม่อยากโดนออกจากงาน ยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ ใครต่อใครก็คงไม่รับพนักงานเพิ่มและพนักงานมีประวัติมาสายแบบเธอ
“ผมไม่สามารถจ้างคุณต่อได้เพราะพิษเศรษฐกิจ” หัวหน้าพูดขึ้นทันที ถึงแม้คำพูดที่หัวหน้าพูดออกมาจะเอาเรื่องเศรษฐกิจมาอ้างแต่ความจริงการมาสายก็คือส่วนหนึ่ง
“หัวหน้าพิจารณาอีกทีไม่ได้หรอคะ” ตะวันแทบอยากจะลงจากเก้าอี้ คุกเข่าอ้อนวอนคนตรงหน้าเพราะการตกงานมันไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
“คุณตะวัน ผมไม่สามารถจ้างคุณต่อได้จริงๆ ทุกแผนกต้องลดพนักงาน ต่อให้คุณทำงานเก่งแต่การมาสายมันคือข้อบกพร่องและคุณคือคนเดียวที่มีข้อบกพร่อง”
“โอเคค่ะหัวหน้า ตะวันยอมรับทุกอย่าง” ตะวันพูดขึ้นอย่างจำยอมเพราะถ้าหัวหน้าพูดมาแบบนี้ เธอก็พูดอะไรต่อไม่ได้เพราะทุกอย่างคือความจริง
“หลังจากวันนี้ไปก็ไม่ต้องมาทำงานแล้วนะ ตอนนี้คุณเก็บของแล้วกลับได้” ตะวันออกจากห้องของหัวหน้าแผนกทันที
เมื่อกลับมาถึงโต๊ะทำงานก็มีสายตาเยาะเย้ยจากรุ่นพี่คนเดิม แต่ตะวันเลือกที่จะไม่สนใจเพราะทุกอย่างมาจากการกระทำของเธอ ถึงเธอจะไม่โอเคแต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้จริงๆในเรื่องนี้ ก็ได้แต่เดินหน้าหางานใหม่ อะไรทำได้ก็ต้องทำเพราะเธอมีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายอยู่ตลอด
“เป็นยังไงน้องตะวัน นี่ได้ซองขาวมาจริงๆหรอ” นั่นแหละเห็นอยู่เต็มตาว่าเธอถือซองขาวมาแบบนี้ แต่รุ่นพี่คนนี้ก็ยังพูดไม่เลิก
“มาสายแล้วโดนออกจากงานมันไม่แปลกหรอกค่ะ แต่ปากแบบนี้ระวังจะทำงานไม่ได้เพราะโดนเกลียดนะคะ” ตะวันพูดขึ้นเพราะคนในแผนกก็ไม่ได้มีคนชอบรุ่นพี่คนนี้นักหรอก นิสัยขี้แซะ เหน็บแนมแบบนี้อะ
“ปากดี ระวังจะหางานใหม่ไม่ได้นะ”
“ปากแบบนี้ก็ระวังไม่แก่ตาย” ตะวันสวนกลับไป ที่เคยคิดอยากจะตบรุ่นพี่คนนี้ตอนนี้เห็นทีจะได้ตบแล้วล่ะเพราะเธอไม่ใช่พนักงานของบริษัทนี้อีกแล้ว
“อีตะวัน !”
“ว่ายังไงอีเม็ดแตx”
“กูชื่อเม็ดเงิน”
“แต่กูจะเรียกเม็ดแตx มึงจะทำไม” ตะวันพูดขึ้นอีกครั้งพร้อมยกมือเท้าสะเอวเตรียมมีเรื่องสุดๆ
“ฝากไว้ก่อนเถอะมึง” ตะวันแค่นหัวเราะออกมาเมื่ออีกคนพูดแบบนี้ออกมา ฝากไว้ก่อนแต่ไม่เคยกลับมาเอาคืน ไม่รู้จะพูดทำไมไม่เข้าใจเหมือนกัน
หลังจากเก็บของเสร็จ ตะวันก็โบกแท็กซี่ไปยังคาเฟ่ของอั้มเพื่อนสนิทของเธอเพราะเธอต้องการหาที่พึ่งทางใจและคนเดียวที่เป็นได้คืออั้มเท่านั้น
“มาก็ดี กูมีเรื่องอยากจะถามมึง” อั้มที่เห็นเพื่อนสนิทเดินเข้ามาก็พูดขึ้นเพราะรอยรักสีดอกกุหลาบที่อยู่บนตัวของตะวันทำอั้มสงสัยไม่น้อย
“กูโดนออกจากงาน ตอนนี้เป็นคนตกงาน” ตะวันพูดขึ้นก่อนที่อั้มจะพูดอะไรมากกว่านี้
“พูดจริงหรออีตะวัน”
“หน้ากูเหมือนคนโกหกหรอ” เพราะใบหน้าของเธอไม่มีการล้อเล่นหรืออะไรเลย
“กูเคยคิดนะว่าสักวันมึงต้องโดนแต่ไม่คิดว่าจะโดนจริงๆ” อั้มพูดขึ้นเพราะเธอรู้ดีว่าเพื่อนของตัวเองเป็นยังไง เคยเตือนแล้วแต่ทุกอย่างก็ได้แค่เตือนจริงๆ
“ทำยังไงดีอั้ม กูมีค่าใช้จ่ายเยอะเลย มีงานแนะนำกูไหม” ตอนนี้ไม่ว่าอะไรตะวันก็ทำ ขอแค่มีเงินเดือนให้พอที่จะจ่ายค่าคอนโดมันก็โอเค
“คาเฟ่กูก็คนเต็มเลยมึง” ถึงอยากจะช่วยแต่ถ้าหากรับตะวันมาเพิ่ม มันก็อาจจะทำให้กำไรลดลงจนไม่พอค่าของต่างๆที่ต้องซื้อเข้ามา
“กูเข้าใจแต่งานอื่นพอมีไหมมึง งานอะไรก็ได้” ตะวันถามขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าสวยตอนนี้เคร่งเครียดมากเพราะถ้าหากไม่มีเงินจ่ายค่าคอนโด เธอก็จะไม่มีที่อยู่
“เดี๋ยวกูช่วยหาแล้วกัน เข้าใจอยู่ว่ามึงต้องจ่ายค่าคอนโด ไหนจะค่ากินค่าใช้จ่ายมึงอีกแต่มึงยังมีเงินก้อนเงินเก็บอะไรใช่ไหม”
“มีมึงแต่ถ้าใช้ต่อไปกูว่ายังไงมันก็ต้องหมด กูเลยไม่อยากรอ อยากหางานเลย” ตะวันตอบกลับไปทันที
“เอาจริงๆกูพอรู้จักที่ทำงานอยู่นะ อยู่ที่ว่ามึงจะไปทำหรือเปล่าเพราะที่นี่เขาเปิดรับพนักงานอยู่”
“ที่ไหน”
“ไร่กลิ่นดิน มีอาหารให้ครบสามมื้อและมีที่พักให้ฟรีไม่ว่ามึงทำหน้าที่อะไรในไร่”
❤️
ใกล้ได้เจอกันอีกรอบแล้วค่า