ครึ่งชั่วโมงต่อมา...
หลังจากที่ดื่มกับเพื่อนๆ ไปได้สักพัก ภาคินก็ลุกเดินไปเข้าห้องน้ำ แต่ด้วยความที่มัวแต่ก้มดูไอจีของวรันยา ทำให้เดินชนเข้ากับสาวคนหนึ่งอย่างจัง
“โอ้ย!” ลัมภาร้องเสียงดังหลังจากที่ล้มลงไปบนพื้น
“ขะ...ขอโทษครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?” ภาคินรีบพยุงร่างบางให้ลุกขึ้นพร้อมกับมองสำรวจ
“นิดหน่อยค่ะ” ลัมภาหัวใจสั่นและเต้นแรงมากเมื่อได้เห็นหนุ่มลูกครึ่งสุดหล่อชัดๆ
“เอ่อ...คุณมาคนเดียวเหรอครับ?” ภาคินถามอย่างเป็นห่วง กลัวว่า สาวตรงหน้าจะเจ็บขาแล้วขับรถกลับไม่ไหว
“เปล่าค่ะ ฉันมากับเพื่อนอีกคน” ลัมภารู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าอย่าง บอกไม่ถูก
“ถ้าไม่รังเกียจผมขอเลี้ยงได้ไหมครับ” ภาคินเอ่ยไปตามมารยาท
“ได้ค่ะ แต่ขอเป็นวันอื่นได้ไหมคะ?” ลัมภาส่งยิ้มหวานให้อย่างสื่อความหมาย
“หมายความว่า...” ภาคินหรี่ตามองสาวตรงหน้าอย่างพินิจ
“คือภาอยากให้มีแต่เราสองคนน่ะค่ะ” ลัมภากลั้นใจบอกพร้อมกับหันไปมองเพื่อนของตัวเองและเพื่อนของอีกฝ่ายที่นั่งโต๊ะใกล้ๆ กัน
“เอ่อ...ผมเกรงว่าจะไม่สะดวก” ภาคินรีบออกตัว ‘! นี่ตกลงเราเดินชนเธอจริงๆ หรือว่าเธอแกล้งล้มลงไปเองกันแน่วะ?’
“คุณมีคนรักแล้วเหรอคะ” ลัมภาเอ่ยถามเสียงหวาน เพราะรู้มาจาก เพื่อนสาวประเภทสองมาว่าหนุ่มหล่อตรงหน้ากำลังมองหาสาวมาคลายเหงาแบบลับๆ และถ้าหากเป็นแบบนั้นจริง เธอก็ยินดีที่จะเป็นสาวคนนั้นให้อีกฝ่าย
ภาคินมองหญิงสาวใจกล้าที่กำลังให้ท่าตนอย่างห้ามใจ ถ้าเป็นเมื่อก่อน ป่านนี้เขาพาเธอขับรถไปต่อที่โรงแรม แต่ตอนนี้หัวใจของเขาอยู่กับวรันยา จึงทำได้เพียง...“ใช่ครับ ขอโทษอีกครั้งนะครับ ผมขอตัวก่อน”
“เดี๋ยวสิคะ!” ลัมภารีบรั้งแขนของอีกฝ่ายเอาไว้
“มีอะไรครับ?” ภาคินหันไปถามอย่างมึนงง
“คือฉันจะบอกว่า...ฉันเป็นประเภทว่าง่ายๆ ไม่สร้างความเดือดร้อน ถ้าคุณสนใจ โทรมาได้นะคะ” ลัมภาบอกพร้อมหยิบกระดาษที่มีเบอร์มือถือของตัวเองใส่ลงในกระเป๋าเสื้อของชายหนุ่ม ก่อนจะกลับไปนั่งร่วมโต๊ะกับเพื่อน
ภาคินมองตามร่างบางที่เต็มไปด้วยส่วนเว้าส่วนโค้งคล้ายๆ กับวรันยา ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำ แล้วกลับไปนั่งที่โต๊ะกับเพื่อนๆ ก็เห็นสาวคนดังกล่าวนั่งส่งสายเชิญชวนตามาให้อยู่ตลอด
สามวันต่อมา...ด้วยความต้องการทางกายที่เรียกร้องการตอบสนองทำให้ภาคินโทร. กลับไปหาหญิงสาวใจกล้าที่หน้าตาก็สะสวยในระดับหนึ่ง
หลังจากให้คนไปตามสืบมา ก็ได้ทราบว่าเธอชื่อลัมภา อายุ 23 ปี เคยเข้าประกวดนางงามมาแล้วหลายเวที ด้วยความที่อีกฝ่ายเป็นคนเข้าใจอะไรง่ายๆ เขาจึงเริ่มคุยถึงข้อตกลง และห้ามต่างๆ ให้ฟังอย่างละเอียด เพราะไม่อยากจะมีปัญหาตามมาภายหลัง ก่อนจะนัดเจอกันที่คอนโดแห่งหนึ่ง พร้อมกับยื่นเอกสารต่างๆ ให้อีกฝ่ายอ่านและเซ็น
ส่วนในการนัดพบกันครั้งต่อๆ ไป จะเป็นการนัดพบกันผ่าน สิงขร ซึ่งเป็นคนสนิทของตน โดยอีกฝ่ายจะโทร. หรือแชตมาบอกก่อนว่าตนจะไปหาในวันไหน? ช่วงเวลากี่โมง?
ด้านคนที่กำลังลำบากเรื่องเงินแทบจะลุกขึ้นกรีดร้อง ที่อยู่ๆ บุญก็หล่นทับชุดใหญ่ เพราะค่าตอบแทนความสัมพันธ์ที่หนุ่มหล่อเจ้าเสน่ห์คนนี้ยื่นมาให้ มากถึงเดือนละ 100,000 บาท ทำให้เธอไม่ต้องไปวิ่งหางานทำให้เหนื่อย แถมยังได้อยู่คอนโดหรูแห่งนี้ฟรี โดยมีข้อแม้ว่าห้ามพาบุคคลภายนอกเข้ามา เธอจึงรีบหยิบปากกามาเซ็นตอบรับสัญญาทันที
7
หนึ่งปีต่อมา...ภาคินยังคงทำงานหนักเพื่อปูพื้นฐานของงานที่ได้รับมอบหมายให้แน่น พร้อมกับดูแลไร่ไปรยาเวศควบคู่ไปด้วยกัน แต่กระนั้นก็ยังคงวิดีโอคอลไปคุยกับวรันยาทุกวัน จนสาวเจ้ายอมสงบศึกและเริ่มจะเปิดใจคุยด้วยในสถานะที่มากกว่าหนุ่มข้างบ้าน ขณะเดียวกันเขาก็ยังแวะเวียนไปหาลัมภาเพื่อปลดปล่อยความต้องการทางกาย โดยหลงคิดว่าการที่ทำสัญญาต่างๆ เอาไว้ จะเป็นเสื้อเกราะป้องกันตัวเองใน วันข้างหน้าได้จริงตามที่ขุนพันบอก
เขาทำทุกอย่างได้ดี! จนเวลาล่วงเลยเข้าสู่ปีที่สอง...เมื่อสถานะที่คลุมเครือเริ่มชัดเจน เพราะวรันยายอมเปิดใจคบหาเฉกเช่นคนรัก มันทำให้โลกทั้งใบของเขากลายเป็นสีชมพูไปทันทีทันใด และด้วยความสัมพันธ์ที่กำลังพัฒนานี้ ทำให้เขารู้สึกผิด จึงเริ่มถอยห่างออกจากลัมภา แล้วเปลี่ยนไปนั่งดื่มกับว่าที่พ่อตาในช่วงเย็นๆ เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับเรื่องงาน พร้อมกับถ่ายรูปส่งให้วรันยาดูทุกวัน
ด้านวรันยาเองก็แพ้ในความดีและการกระทำของชายหนุ่มที่เธอเคยเกลียดขี้หน้า แต่ก็ยอมญาติดีด้วยแบบมึนๆ กระทั่งความสัมพันธ์เดินมาถึงจุดที่ห่วงหา อยากจะรู้ทุก ๆ ช่วงเวลาว่าเขากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน และหากวันใดที่ไม่ได้เห็นหน้าหรือว่าได้ยินเสียงของจอมทะลึ่ง เธอก็จะรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างขาดหายไป
ส่วนลัมภาก็เอาแต่เฝ้ารอ เพราะช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้ ภาคินมาหาเพียงอาทิตย์ละครั้ง จากเดิม 2-3 ครั้งต่ออาทิตย์ จนเธอรู้สึกเจ็บและหดหู่ ครั้นจะโทร. หาอีกฝ่ายก็ไม่ได้ เพราะมันอยู่ในกฎข้อห้ามต่างๆ ที่ตอนแรกเธอก็คิดว่ารับได้ แต่ตอนนี้เธอแทบจะทนไม่ไหว แถมอีกสองวันต่อจากนี้ เธอต้องเตรียมตัวเข้าประกวดนางนพมาศในงานลอยกระทงใหญ่ของจังหวัด มันทำให้รู้สึกหงุดหงิดและร้อนรุ่มหัวใจไปหมด
ขณะเดียวกัน...เสาวณีก็ให้คนตามสืบเรื่องของภาคิน จนรู้ว่าอีกฝ่ายแอบคบหากับลัมภา อดีตรุ่นน้องที่อายุน้อยกว่าเธอสองปี ซึ่งไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง แต่มักจะเข้าประกวดตามเวทีต่างๆ
ทั้งสองมีความสัมพันธ์กันมาร่วมสองปี แต่ก็เธอแปลกใจว่าทำไมภาคินถึงไม่เปิดเผยสถานะของลัมภาให้ใครทราบ ทั้งที่เคยบอกว่ามีคนรักแล้ว เธอจึงเข้าไปส่องในเฟซบุ๊กและไอจีของอีกฝ่ายซึ่งมีคนติดตามอยู่หลายแสน เพราะลัมภาเป็น เน็ตไอดอลของเชียงใหม่
ทันทีที่กดเพิ่มเพื่อนไป อีกฝ่ายก็กดรับในนาทีต่อมา พร้อมกับเสนอขายครีมและเครื่องสำอางแบรนด์ต่างๆ ที่ถูกจ้างรีวิว เธอยอมซื้อเครื่องสำอางชุดใหญ่ เพื่อแลกกับการได้ขยับเข้าใกล้ความเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย ทำให้ได้รู้ว่านอกจากการรีวิวขายของแล้ว ลัมภายังโพสต์พร่ำเพ้อถึงความรัก ที่เป็นเพียงแค่รักข้างเดียว และนั่นทำให้เธอรู้ทันทีว่าลัมภาเป็นแค่สาวที่ภาคินเลี้ยงไว้คลายเครียดเท่านั้น เธอจึงเริ่มวางแผนการยุติความสัมพันธ์ของทั้งสอง เพื่อให้ภาคินหันกลับมามองเธออีกครั้ง
วันลอยกระทง (วันแรก)
“นี่เป็นปีที่สองแล้วสินะที่ยายไม่ได้ลอยกระทงกับน้องไวน์” กังศมาที่ถือกระทงเดินออกมาหาหลานชาย ซึ่งกำลังยืนพิมพ์แชตในมือถือไปยิ้มไปคล้ายกับคนบ้าเข้าไปทุกที
“แหม...ก็น้องไวน์ต้องเรียนหนักนี่ครับ เหลืออีกปีเดียวก็จบแล้ว” ภาคิน เงยหน้าขึ้นบอก หลังจากที่เก็บมือถือใส่ลงในกระเป๋าเสื้อเสร็จ
“อยากให้กลับมาเร็วๆ” กังศมาบอกก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ
“หึๆ ลอยกับผมแล้วก็อาสินไปก่อนครับ” ภาคินเดินอ้อมไปประจำที่คนขับ
“เฮ้อ...ก็คงต้องเป็นอย่างนั้น” กังศมาบอกอย่างทำใจ
ภาคินหัวเราะเบาๆ แล้วขับรถพาผู้เป็นยายตรงไปยังบ้านพักท้ายรีสอร์ต เพื่อจะชวนสินชัยไปเที่ยวดูงานลอยกระทงที่ในเมือง
รีสอร์ตพรรณนารา....หลังจากลงจากรถเสร็จ ภาคินก็ช่วยผู้เป็นยายถือกระทง ก่อนจะพากันเดินเข้าไปข้างในบ้านที่วันนี้ค่อนข้างจะเงียบผิดปกติ
“อาสินครับ!” ภาคินเอ่ยเรียกพร้อมกับกวาดสายตามองหา
“เซอร์ไพรส์ค่ะ” วรันยาที่ยืนหลบตรงผ้าม่าน รีบกระโดนออกมาส่งยิ้มหวานให้กับผู้ใหญ่ที่รักและคนหล่อที่ทำเหวอ
“น้องไวน์” คนที่เพิ่งจะได้สติเอ่ยเรียกเสียงเบาหวิว ไม่คิดว่าสาวเจ้าจะบินกลับโดยไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้า แถมเมื่อห้านาทีก่อนก็ยังพิมพ์แชตมาบอกตนว่าจะกำลังเข้านอน
“ก็ไวน์น่ะสิคะ นึกว่าใคร?” วรันยาถามกลับอย่างกวนๆ
“ตายๆ เซอร์ไพรส์จริงๆ” กังศมาจ้องมองเด็กสาวอย่างตกตะลึง
“สวัสดีค่ะคุณมาร์ คิดถึงที่สุดเลย” วรันยายกมือไหว้และเข้าไปกอดผู้ใหญ่ที่รักอย่างดีใจ
“ยายก็คิดถึงน้องไวน์เหมือนกัน” กังศมาก้มลงหอมแก้มนวล แล้วโยกไปมาเบาๆ ขณะที่หยดน้ำตาแห่งความดีใจเริ่มจะเอ่อล้นออกมานิดๆ
“ไม่กอดพี่บ้างเหรอครับ?” ภาคินถามหลังจากที่ผู้เป็นยายและสาวเจ้าผละออกจากกัน
“ไม่ค่ะ” วรันยารีบส่ายหน้าปฏิเสธ
“อ้าว! มาเมื่อไหร่กันครับเนี่ย?” สินชัยที่เดินลงมาจากชั้นบนเอ่ยถาม พร้อมกับส่งยิ้มไปให้
“เพิ่งจะมาถึงครับ ผมตกใจหมดเลยที่เห็นน้องไวน์” ภาคินรีบฟ้องอย่างอดไม่ได้
“ฮ่าๆ น้องไวน์อยากจะเซอร์ไพรส์คินกับคุณมาร์น่ะ” สินชัยหัวเราะเบาๆ เมื่อเห็นชายหนุ่มที่รักเหมือนลูกเหมือนหลานทำหน้ามุ่ย
ภาคินยิ้มบางๆ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย “ว่าแต่...เราจะเริ่มไปเที่ยวที่ไหนกันก่อนดีครับ”
“วันนี้อาต้องดูแลความเรียบร้อยของแขกที่เดินทางมาพักน่ะ คินพาน้องไวน์กับคุณมาร์ไปเที่ยวเถอะ” สินชัยบอกพร้อมกับดึงบุตรสาวคนสวยเข้ามากอด
“ได้ครับ” ภาคินพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เพราะวันนี้มีดนตรีสดมาเล่น ที่รีสอร์ตหลายวง และแขกที่เข้าพักก็นั่งกันอยู่เต็มลานเบียร์สด
“อืม...งั้นยายขอนั่งจิบไวน์ฟังเพลงกับพ่อสินที่รีสอร์ตนี่ดีกว่า” กังศมาเปิดทางให้หลานชาย
“เยี่ยมเลยครับคุณมาร์” สินชัยบอกอย่างดีใจที่จะได้เพื่อนนั่งดื่มที่ถูกคอ
“หึๆ จองโต๊ะหน้าเลยนะพ่อสิน” กังศมาบอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น
“ได้ครับ” สินชัยยิ้มให้แขกวีไอพีทิปหนัก ที่หากมีดนตรีสดเมื่อไหร่ก็มักจะมานั่งฟังเป็นประจำ
“งั้นผมพาน้องไวน์ไปเที่ยวในเมืองนะครับ” ภาคินเอ่ยขึ้นหลังจากผู้ใหญ่ ทั้งสองมีโปรแกรมของตัวเอง
“โอเค! ฝากดูแลน้องไวน์ด้วยนะคิน แล้วก็อย่ากลับกันดึกล่ะ” สินชัยกำชับ
“ครับอา” ภาคินพยักหน้ารับ
“ไวน์ไปก่อนนะคะพ่อ คุณมาร์” คนที่อยากจะไปสัมผัสบรรยากาศยาม ค่ำคืนของในเมืองบอกพร้อมกับอมยิ้มบางๆ
“จ้า เดินทางปลอดภัยนะลูก” กังศมาโบกมือให้หนุ่มสาว
“ครับ” ภาคินขานรับก่อนจะพาวรันยาไปขึ้นรถ แล้วค่อยๆ ขับออกไปตามทางที่มีผู้คนเดินลัดผ่านไปมาอย่างๆ ช้า พอขับรถพ้นทาง เข้า-ออก ของรีสอร์ต ภาคินก็หันไปคุยกับคนที่มัวแต่กดพิมพ์แชตในมือถือ
“เดี๋ยวนี้ร้ายนะเราน่ะ”
“ก็ซึมซับมาจากคนแถวๆ นี้แหละค่ะ” วรันยาส่งรูปไปให้เพื่อนรักดูใน แชตไลน์เสร็จ ก็หันไปส่งยิ้มหวานให้คนขับทันใด
“ทำไมไม่ยอมกอดพี่เหมือนที่กอดคนอื่นบ้าง” คนที่เก็บความน้อยใจ เรื่องกอดมานานเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
“คนอื่นไวน์ไม่กอดหรอกค่ะ จะกอดก็แค่คุณมาร์ น้าดา ลุงลูคัส แล้วก็ พี่นัยกับพี่รัญ” วรันยาเอ่ยกวนอย่างนึกสนุก
“ใจร้ายจัง เว้นพี่ไว้ทำไม?” ภาคินต่อว่าอย่างรู้สึกหมั่นไส้
“ก็พี่คินมือไม้อยู่ไม่สุขนี่คะ แล้วก็ชอบแกล้งไวน์ด้วย” วรันยาให้เหตุผลก่อนจะตกใจ ที่อยู่ๆ อีกฝ่ายก็หักรถเข้าข้างทางพร้อมกับเหยียบเบรกกระทันหัน
เอี๊ยดดดด
“ว้าย! จะ...จะทำอะไร?”
“พี่จะลงโทษคนใจร้าย”
“บ้า! ปล่อยนะพี่คิน” วรันยาปัดมือหนาที่กำลังจะเอื้อมมาจับออกด้วย สีหน้าตื่นๆ
“โอเค! พี่มีสองทางให้เลือกคือ 1 เรากอดพี่ซะ แล้วพี่จะหายโกรธ 2 ให้ พี่กอด แต่มือไม้ของพี่ก็อาจจะไม่อยู่สุขเหมือนที่น้องไวน์บอก” ภาคินยื่นข้อเสนอทั้ง ที่ใจจริงอยากจะดึงสาวตรงหน้าเข้ามาบดขยี้จูบให้หายคิดถึง
“ไวน์จะกอดพี่คินค่ะ” เธอรีบบอกอย่างใจคอไม่ดี
“ก็เข้ามากอดสิ! นั่งบื้ออยู่ได้” คนที่ยังไม่หายขุ่นเคืองต่อว่า
“แหม...ก็ช่วยทำหน้าให้มันดีๆ หน่อยสิคะ หน้าดุอย่างนั้นใครจะกล้าเข้าไปกอดกัน” วรัยาบอกพลางแอบยิ้มในใจ
“น้อยๆ หน่อยไวน์ ที่พี่หน้าดุก็เป็นเพราะเราไม่ยอมเข้ามากอดพี่ตั้งแต่แรก นี่ถ้าอาสินกับยายไม่อยู่ด้วยล่ะก็...พี่จะจับตีก้นให้ช้ำเลยคอยดู” ภาคินคาดโทษด้วย น้ำเสียงดุๆ
“บ้า!” วรันยามองค้อนคนที่นับวันก็ยิ่งเจ้าบทบาทเข้าไปทุกที
“สรุปจะกอดหรือไม่กอด” ภาคินบอกอย่างเริ่มจะทนไม่ไหว
“ขากลับค่อยกอดได้ไหม” วรันยาต่อรอง
“หึ! ถ้าจะกอดพี่ตอนขากลับมันอาจจะเลยเถิดไปไกลนะ”
“โอเคๆ” วรันยาขานรับยังไม่ทันขาดคำ ก็ถูกอีกฝ่ายดึงเข้าไปกอดแน่นจนแทบจะหลอมรวมกันเป็นร่างเดียว “อ๊ะ! ปล่อยนะพี่คิน”
“เงียบๆ สิ พี่ขอกอดแป๊บเดียวเอง” คนที่กำลังซึมซับไออุ่นเอ็ด ก่อนจะกดจูบลงที่เรียวปากจิ้มลิ้มที่เฝ้าแต่ฝันถึงคืนแล้วคืนเล่าอย่างนุ่มนวล
“อะ...อื้อ...พะ...พี่คิน” วรันยาครางท้วงเบาๆ แต่ก็ไม่ได้ขัดขืน
ภาคินถอนจูบที่แสนหวานออก แล้วก้มลงหอมที่แก้มนวลทั้งสองข้าง พร้อมกับเอ่ยกระซิบเสียงอ่อน “พี่คิดถึงน้องไวน์นะรู้ไหม”
“ไม่รู้ค่ะ” วรันยาตอกกลับทันใด
“แนะ! พูดกวนแบบนี้เดี๋ยวพี่ก็พาเข้าโรงแรมข้างทางซะหรอก” ภาคินอมยิ้มเมื่อเห็นใบหน้างามแดงก่ำ
“บ้า! รีบๆ ออกรถเถอะค่ะ ไวน์กลัวพนักงานที่รีสอร์ตจะขับรถผ่านมาเห็น”
“กลัวทำไม ถ้าอาสินรู้เราก็จัดงานแต่งงานไปเลย น้องไวน์ก็ไม่ต้องกลับไปเรียนต่อแล้ว เมียคนเดียวพี่เลี้ยงได้สบายครับ”
“ชิ!” วรันยามองค้อนคนปากดี ก่อนจะเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกเขิน
“พี่พูดจริงๆ นะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพี่ก็พร้อมจะรับอย่างเต็มใจ” คนที่เตรียมตัวพร้อมมาหลายปีพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“อืม...น่าเสียดายนะคะที่พี่นัยกับพี่รัญไม่ได้กลับมาเที่ยวที่ไร่” วรันยารีบเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะไม่อยากจะลงลึกถึงเรื่องอนาคตในตอนนี้
“! นี่พี่จริงจังอยู่นะไวน์” ภาคินหน้ามุ่ยขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์ ที่ถูกสาวเจ้าเฉไฉเรื่องสำคัญ
“รีบๆ ออกรถเถอะค่ะ ไวน์อยากกินลูกชิ้นทองสุขจะแย่แล้ว” วรันยาเบี่ยงความสนใจ พร้อมกับกดเปิดเพลงคลาสสิกฟังเบาๆ
“หอมแก้มพี่ก่อนสิ” ภาคินอ้อนขอกำลังใจจากสาว
“เฮ้อ...” วรันยาถอนหายใจ แล้วขยับเข้าไปหอมแก้มของอีกฝ่ายอย่างเสียไม่ได้ จุ๊บ! จุ๊บ!
“อื้อ...ชื่นใจจัง” ภาคินยิ้มก่อนจะรีบขับรถมุ่งตรงไปยังในเมืองด้วยสีหน้า ที่เต็มไปด้วยความสุข
พอเดินทางมาถึงในเมือง ภาคินก็นำรถไปจอดข้างๆ ร้านอาหารแห่งหนึ่ง พร้อมกับจ่ายเงินให้พนักงานดูแลรถของตนเป็นพิเศษ จากนั้นก็ควงวรันยาเดินไปตามทางที่มีผู้คนและร้านค้าตั้งเรียงกันอยู่มากมาย
“ว้าว! คนเยอะจังเลยนะคะ” วรันยาหันไปมองรอบๆ อย่างตื่นเต้น
“นั่นสิ! นี่ถ้าวันแข่งกระทงใหญ่คงจะต้องเดินเบียดกันแน่ๆ” ภาคินพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ใช่ค่ะ! แต่วันกระทงใหญ่ไวน์จะอยู่ที่รีสอร์ตนะคะ ต้องช่วยพ่อดูแลลูกค้า” เธอรีบบอกเพราะกลัวว่าจะถูกอีกฝ่ายลากไปเที่ยวที่นั่นที่นี่แล้วไม่ได้อยู่ช่วยงาน ของบิดา
“ครับ! พี่จะแวะไปเฝ้า เอ๊ย! ไปช่วย” ภาคินรีบขันอาสา
“บ้า! ที่ไร่ก็มีงานไม่ใช่เหรอคะ” วรันยารีบท้วงเพราะที่ไร่ไปรยาเวศจะจัดงานเลี้ยงคนงานในไร่ตลอด ทั้งวันลอยกระทง วันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และ วันสงกรานต์
“ช่วงหัวค่ำพี่ไปช่วยน้องไวน์ที่รีสอร์ต แล้วสักสาม-สี่ทุ่มน้องไวน์ก็ไปสังสรรค์ต่อกับพี่ที่ไร่สิครับ” ภาคินเสนอ
“ก็ได้ค่ะ” วรันยาพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย เพราะลึกๆ แล้วเธอก็อยากจะใช้เวลาร่วมกับอีกฝ่ายเช่นกัน
“อ่า...พี่เจอลูกชิ้นทองสุขแล้ว” ภาคินรีบบอกสาวเจ้าก่อนจะหันไปสั่งกับพ่อค้า “เอาลูกชิ้นหมู 200 บาทครับ”
“รอสักครู่นะครับ” พ่อค้าบอกหนุ่มสาวยิ้มๆ ก่อนจะลงมือตักลูกชิ้นหมูใส่ลงในถุง
ภาคินพยักหน้ารับแล้วหันกลับไปคุยกับสาวข้างกายต่อ “แล้วพรุ่งนี้น้องไวน์จะไปไหนหรือเปล่าครับ”
“อืม...ไวน์จะอยู่ที่รีสอร์ตค่ะ”
“พี่จะอยู่ด้วยครับ”
“แล้วพี่คินไม่ไปดูงานที่โรงแรมเหรอคะ?” เธอถามอย่างสงสัย
“ไปครับ พรุ่งนี้ช่วงบ่ายๆ ไปด้วยกันนะ” ภาคินเอ่ยชวน
“ค่ะ” วรันยาขานรับอย่างรู้สึกเขินๆ
“น้องไวน์อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมครับ?”
“หมูกระทะค่ะ” วรันยารีบตอบกลับทันทีทันใด
“หึๆ จะกินตอนนี้เลยไหมล่ะ?”
“ค่ะ” วรันยาฉีกยิ้มหวานอย่างดีใจ
“จะไหวเหรอ?” ภาคินถามพร้อมกับมองไปยังพ่อค้าที่กำลังราดน้ำจิ้มลงในกล่องสองใบที่มีลูกชิ้นอยู่เต็ม
“ไหวค่ะ” คนที่ชีวิตโหยหาหมูกระทะมานานพยักหน้ารับเร็วๆ
“โอเค! งั้นเดี๋ยวเราไปกินหมูกระทะกัน” ภาคินบอกอย่างเอาใจสาว ก่อนจะรับกล่องใส่ลูกชิ้นจากพ่อค้ามาส่งให้สาวเจ้าถือ จากนั้นก็หยิบเงินที่เตรียมไว้ส่ง ให้กับพ่อค้า
“ขอบคุณค่ะ” วรันยาหยิบไม้เสียบมาจิ้มลูกชิ้นขึ้นเป่าเบาๆ แล้วป้อนให้คนหล่อที่วันนี้ใจดีเป็นพิเศษ
“อื้ม...ลูกชิ้นหวานจังเลย” คนที่โหยหาความรักความเมตตามานาน หัวใจดีดพองจนแทบคับอก
“ชิ!” วรันยาเบ้ปากนิดๆ ก่อนจะจิ้มลูกชิ้นขึ้นมากินอย่างรู้สึกฟินกับรสที่ใช่ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ยังคงความอร่อยอยู่เช่นเดิม