นาทีต่อมา...
ทันทีที่ภาคินพาวรันยาเข้ามาในห้องนอนของตัวเองได้สำเร็จก็เตรียมจะดึงคนที่กำลังเพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์ของลอนดอนตรงกระจกบานใหญ่เข้ามากอด แต่ทว่า...เสียงเรียกเข้าจากสายของบิดาก็ดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ
ภาคินกลอกตา ก่อนจะกดรับสาย [ว่าไงครับแด๊ด]
[ลูกจะทำอะไร?]
[หมายถึง...] ภาคินถามอย่างรู้สึกมึนงง
[เมื่อกี้ลูกจะทำอะไร?] ปลายสายถามย้ำอีกครั้ง
[ทำอะไรครับ ผมไม่เข้าใจ]
[ลูกจะเข้าไปกอดน้องไวน์ใช่ไหม?]
[บ้า! ผมเปล่าสักหน่อย] ภาคินชาวูบไปตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่เข้าใจว่าเหตุใดบิดาถึงได้เดาแม่นขนาดนี้
[แต่พ่อเห็น] ปลายสายบอกพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
ภาคินรีบหันไปมองรอบๆ ห้อง ก็เห็นกล้องวงจรปิดขนาดเล็กตรงภาพวาด ซึ่งหากไม่สังเกตดีๆ ก็จะไม่รู้ว่ามันคือกล้องที่ใช้สอดแนมความเคลื่อนไหว
[โอ้! นี่พ่อล้อผมเล่นใช่ไหมเนี่ย?]
[อย่าคิดว่าพาน้องไวน์ไปนอนที่เพนท์เฮาส์แล้วจะทำอะไรก็ได้ เพราะพ่อไม่มีทางจะให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นแน่ๆ] คนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน บอกพร้อมกับจ้องมองใบหน้าของบุตรชายผ่านหน้าจอของแท็บเล็ต
[ผมไม่ได้...]
[ให้น้องไวน์ไปพักที่ห้องของไทเกอร์ แล้วก็ช่วยทำตัวให้ดีๆ ไม่งั้นพ่อจะ สั่งบอดี้การ์ดเข้าไปชาร์จตัวลูก] ลูคัสขู่เสร็จก็กดวางสายไป
“เฮ้อ...สวรรค์นะสวรรค์ ทำไมต้องหลอกให้ผมดีใจด้วย” ภาคินบ่นพึมพำเบาๆ อย่างรู้สึกนอยด์ ‘ถึงว่า...ทำไมยายกับพี่รัญมีท่าทีแปลกๆ ที่แท้ก็เพราะเตรียมดักทางเราเอาไว้แล้วนี่เอง’
“ใครโทรมาเหรอคะ” วรันยาถามหลังจากที่เห็นจอมทะลึ่งเงียบไป
“เอ่อ...พ่อพี่น่ะครับ โทรมาถามว่าเราถึงที่พักหรือยัง” ภาคินรีบปรับสีหน้า แล้วหันไปส่งยิ้มให้กับสาวเจ้า
“วิวที่ห้องพี่คินสวยดีนะคะ” วรันยาเอ่ยชม
“ใช่ครับ แต่ห้องที่น้องไวน์จะได้พัก วิวก็สวยไม่แพ้ห้องนี้นะ” คนหื่นที่แอบหวังว่าจะได้ใช้เวลาใกล้ชิดกับสาวตรงหน้าแบบถึงเนื้อถึงตัว กัดฟันบอกด้วยสีหน้ายิ้มๆ เพราะมั่นใจว่าตอนนี้บิดากำลังดักฟังการสนทนาของตนอยู่
“ไวน์พักห้องไหนคะ?”
“ห้องถัดไปครับ เป็นห้องของนัย”
“งั้นไปกันเลยค่ะ ไวน์อยากจะอาบน้ำแล้วก็นอนพักสักงีบ”
“ครับ” ภาคินขานรับก่อนจะพาสาวเจ้าไปยังห้องพักของน้องชายฝาแฝด ขณะเดียวกันก็กวาดสายตามองหากล้องวงจรปิดที่บิดาแอบติดตั้งไว้ ว่ามีทั้งหมด กี่ตัว และซ่อนอยู่ตรงมุมไหนบ้าง?
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา...
วรันยาได้ไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ โดยจอมทะลึ่งทำหน้าที่เป็นไกด์ที่น่ารักอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งพาไปสำรวจสถาบันที่ต้องเข้าเรียนต่อ พาไปทานของอร่อยๆ ตามร้านดังๆ ที่ขึ้นชื่อ กระทั่งคาร่าเดินทางมาถึงอังกฤษพร้อมกับภัคคินัย เขาก็พาเธอและเพื่อนสาวไปส่งที่หอพักในมหาลัย จากนั้นก็ต้องเดินทางกลับไทยพร้อมกับภัคคินัย เพื่อไปดูแลกิจการที่ได้รับมอบหมายต่อ
หอพักนักศึกษาหญิงปีหนึ่ง...วรันยามองรถหรูของสองหนุ่มที่แล่นออกไปผ่านหน้าต่างของห้องพัก ก็เห็นนักศึกษาสาวๆ ที่ยืนและนั่งอยู่บริเวณหน้าหอพัก พากันมองตามสองหนุ่มด้วยสายตาละห้อย
“ไวน์!” คาร่าเอ่ยเรียกคนที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ตรงหน้าต่าง
“มีอะไรเหรอ?” วรันยาเดินกลับมานั่งลงที่บนเตียงของตัวเอง
“พี่คินพาไปเที่ยวไหนมาบ้าง” คนที่สังเกตเห็นอาการที่แปลกไปของ เพื่อนสาว เริ่มยิงคำถาม
“อืม...ก็หลายที่นะ พาไปซื้อหนังสือที่ต้องใช้เรียนมาด้วย” วรันยาบอกพร้อมกับเปิดกล่องใส่หนังสือใบใหญ่ออกให้เพื่อนดู
“แล้วอยู่ด้วยกันตั้งเจ็ดวัน พี่คินทำอะไรเธอหรือเปล่า?”
“บ้า! ไม่ได้ทำ” วรันยามองค้อนเพื่อนสาวที่ถามคำถามซึ่งเธอเองก็แอบกลัวว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ก็ไม่! และนั่นทำให้เธอได้สัมผัสกับภาคินในเวอร์ชันที่อบอุ่น แม้ว่าอีกฝ่ายจะยังกอดและหอมแก้มของบ่อยๆ แต่ก็ไม่ได้ล่วงเกินอย่างอื่นไปมากกว่านั้น
“จริงอะ?” คาร่าเอ่ยเย้า
“จริง! ว่าแต่เธอเถอะไปทำอะไรถึงมาช้า?” วรันยารีบเปลี่ยนเรื่องคุย
“ก็พ่อเราน่ะสิ! ลากไปเที่ยวที่เกาะส่วนตัวของพี่นัย” คาร่าบอกด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
“สวยไหม?” วรันยาบอกอย่างรู้สึกอิจฉา เพราะเธอยังไม่เคยได้ไปเที่ยว จะมีก็แต่บิดาที่ไปดูงานมาแล้วหลายครั้ง
“สวยมาก แล้วก็สะดวกสบายเหมือนยกเอาความหรูหราไปตั้งไว้ที่บนเกาะ” คาร่าบอกอย่างรู้สึกทึ่งกับความร่ำรวยของตระกูลซานเตียนโน่
“พี่นัยชอบทะเลมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ได้ไปคุมกิจการอยู่ทางใต้ คงจะมีความสุขน่าดู” วรันยาบอกยิ้มๆ
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น ว่าแต่...ขอดูหนังสือที่พี่คินซื้อให้หน่อยได้ไหม” คาร่าเปลี่ยนเรื่องคุย พร้อมกับหยิบหนังสือเล่มหนาๆ มาเปิดอ่านดูคร่าวๆ
“ได้สิ! อยากอ่านเล่มไหนเธอหยิบไปได้เลย”
“แม่เจ้า! ถ้าอ่านหมดนี่แล้วได้เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเหมือนพี่คินกับพี่นัย ฉันจะเริ่มอ่านมันตั้งแต่คืนนี้เลย” คาร่าบอกด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น
“คิกๆๆ งั้นเริ่มอ่านกันเลยไหมล่ะ” วรันยาเอ่ยชวน
“ขอไปหาข้าวกิน แล้วค่อยเริ่มได้ไหม?” คาร่าต่อรอง
“ได้สิ” วรันยาลุกไปหยิบกระเป๋า แล้วเดินไปโรงอาหารกับเพื่อนสาว ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และตื่นเต้นกับการใช้ชีวิตในรั้วมหาลัย. ที่มีเพื่อนๆ หลากหลายประเทศเดินทางมาเล่าเรียน
ด้านภาคินกับภัคคินัยที่ส่งสองสาวเข้าหอพักเสร็จ ก็ขับรถตรงดิ่งไปยังสนามบิน และนั่งเครื่องบินกลับประเทศไทยทันที
“อะไรวะทำหน้าอย่างกับหมาเหงา” ภัคคินัยเอ่ยแซวเมื่อเห็นแฝดผู้พี่ออกอาการเหม่อลอย
“ยุ่งน่า” ภาคินหันไปมองค้อน ก่อนจะเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกเซ็งๆ เพราะ 7 วันที่ผ่านมา มันเป็น 7 วันที่โคตรจะทรมาน กล้องวงจรปิดที่บิดาแอบซ่อนเอาไว้ตามมุมต่างๆ ที่ตนนับได้คร่าวๆ มีเกินยี่สิบตัว พอจะพาสาวเจ้าออกไปสวีทที่ข้างนอกก็ถูกบอดี้การ์ตามสอดส่องอยู่เงียบๆ แม้จะไม่ได้แสดงตัวโจ่งแจ้ง แต่เขาก็เห็น!
แถมบิดายังโทรมาขู่สำทับอีกว่า...หากเขาล่วงเกินวรันยาเมื่อไหร่ จะถูกย้ายไปรับช่วงกิจการทางใต้แทนแฝดผู้น้องทันที และนั่นทำให้เขาเครียดจนแทบจะเอา เท้าก่ายหน้าผากนอน ห้องก็อยู่ติดกัน ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาได้อาทิตย์กว่า แต่ไม่มีความเป็นส่วนตัวเลยสักนิด
“หึๆ เอาน่าอีกเดี๋ยวก็สามปีแล้ว” ภัคคินัยปลอบใจ
“เฮ้อ...มึงพูดอย่างกับว่าอีกสามวันข้างหน้าจะครบสามปีแล้วอย่างงั้นแหละ” คนที่เอาแต่คิดไปสารพัดถอนหายใจอย่างรู้สึกเครียด เพราะเมื่อวานตอนที่พาวรันยาไปเที่ยว มีแต่หนุ่มๆ หันมามองกันเป็นแถว และนั่นทำให้เขานอนไม่หลับเลยทั้งคืน
“น้องไวน์น่ะ ไม่นอกลู่นอกทางหรอก ไม่ต้องห่วง” ภัคคินัยบอกคนที่เหมือนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวให้หนักแน่น
“ก็หวังให้เป็นอย่างนั้น” ภาคินบอกพลางหยิบแก้วบรั่นดีขึ้นมาจิบ คลายเครียด
“แหม...มึงจ้างคนตามดูน้องไวน์เอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะมาดราม่าอีก” ภัคคินัยส่ายหน้าอย่างรู้สึกรำคาญนิดๆ
“ใครบอกมึง?” ภาคินหันไปถามอย่างตกใจ
“กูรู้ก็แล้วกัน”
“หึ! แล้วคาร่ารู้เรื่องนางแบบคนนั้นหรือเปล่า?” ภาคินย้อนศรคืน
“ทำไมต้องบอกให้รู้ด้วยล่ะ?” ภัคคินัยยักไหล่ขึ้นนิด ก่อนจะยกแก้วบรั่นดีขึ้นมาจิบ ‘อะไรวะ? อุตส่าห์แอบกินกันเงียบๆ แล้ว ไอ้คินยังเสือกรู้อีก’
“ระวังเถอะ! ความลับไม่มีในโลก” ภาคินยกยิ้มมุมปากขึ้นนิดๆ อย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า
“มึงบอกตัวเองเถอะ” ภัคคินัยตอกกลับก่อนจะคว้าหูฟังมาใส่ เพื่อปิดฉากการสนทนากับฝาแฝดผู้พี่ ที่วันๆ เหมือนจะสนใจแต่เรื่องของวรันยา แต่ที่ไหนได้ ดันมารู้เรื่องลับๆ ของตนกับนางแบบหน้าใหม่ของวงการ
วันต่อมา...ประเทศไทย ภาคินเดินทางมาเชียงใหม่กับพร้อมกับแฝดผู้น้อง ก็เจอผู้เป็นยายและสินชัยตั้งโต๊ะอาหารรอ โดยมีนารีกับสิงขรมาร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน
“น้องไวน์เป็นยังไงบ้าง?” สินชัยถามถึงบุตรสาวที่ตั้งแต่เด็กจนโตยังไม่เคยแยกห่างจากกันไกลขนาดนี้ แม้ว่าจะวิดีโอคอลหากันทุกวัน แต่เขาก็ยังไม่ชินอยู่ดี
“ก็...ตื่นเต้นครับ ผมพาน้องไปเที่ยวแล้วก็ทำความรู้จักกับสถานที่สำคัญๆมาหลายที่เลย” ภาคินบอกยิ้มๆ
“อาสินไม่ต้องห่วงครับ น้องไวน์มีคาร่าอยู่ด้วยทั้งคน ขานั้นหลับตาเดินยังได้เลย” ภัคคินัยรีบเสริม
“หึๆ จริงสิ! คาร่าโตที่อังกฤษนี่นะ” สินชัยหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะ แก้เขินด้วยการชวนคุยเรื่องงานต่อ
กังศมาอมยิ้มเมื่อเห็นหนุ่มๆ พากันคุยไปหัวเราะไปจึงล้วงมือถือออกมาแอบกดบันทึกภาพ แล้วส่งไปสาวน้อยที่อยู่แดนไกลดู จากนั้นก็พิมพ์ข้อความทักทายและพูดคุยกันผ่านแชตเป็นระยะๆ โดยที่วรันยาเองก็ถ่ายรูปของตัวเองกับคาร่าส่งมาให้ดู พร้อมกับบรรยากาศภายในหอพักให้ฟัง
หนึ่งเดือนต่อมา...หลังจากที่ภาคินเข้ารับตำแหน่งประธานใหญ่ของกิจการในเครือของซานเตียนโน่ทางภาคเหนืออย่างเป็นทางการ ก็ได้รู้ว่าอดีตเพื่อนสาวที่เคยเป็นหนึ่งในวันไนท์สแตนอย่าง...เสาวณี เป็นหลานสาวของอดีตผู้บริหารชั่วคราว ธรรมนัส พิศจิราเรศ ที่ตอนนี้ยังคงนั่งเก้าอี้ที่ปรึกษาอยู่
“สวัสดีค่ะบอส” เสาวณีเอ่ยทักทายผู้บริหารสุดหล่อด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายเดินออกมาจากลิฟต์
“สวัสดีครับ” ภาคินส่งยิ้มบางๆ ไปให้ แล้วเดินตรงไปยังห้องทำงาน
เสาวณีที่ตื่นเช้ามาเพื่อรอจะคุยแบบสองต่อสอง รีบเดินตามไปถาม “เอ่อ...บอสรับกาแฟไหมคะ”
“ขอบคุณครับ พอดีผมสั่งกับคุณแจงไปแล้ว” ภาคินหันไปตอบ ก่อนจะเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงานอย่างไม่สนใจ
เสาวณีกัดปากแน่นอย่างรู้สึกน้อยใจที่อีกฝ่ายไม่ยอมเปิดโอกาสให้เข้าใกล้ และทำราวกับคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
สิบนาทีต่อมา...
ชุติมายกมือขึ้นเคาะที่ประตูห้องประธานใหญ่สองครั้ง ก่อนจะเปิดประตู เข้าไป “กาแฟมาแล้วค่ะบอส”
“ขอบคุณครับ” ภาคินละสายตาจากหน้าจอโน้ตบุ๊ก แล้วส่งยิ้มหวานไปให้เลขาใหญ่วัยสี่สิบ
“วันนี้ตอนสิบโมงครึ่งบอสมีนัดคุยงานกับนักออกแบบค่ะ ส่วนตอนบ่ายสองมีประชุมงานกับหัวหน้าของแผนกต่างๆ” ชุติมารายงานกำหนดการของวัน
“แล้วพรุ่งนี้มีงานสำคัญอะไรอีกไหมครับ?”
“ไม่มีค่ะ บอสอิสระได้ทั้งอาทิตย์เลย จะมีอีกทีก็วันอังคารหน้าค่ะ ตอนที่สรุปรายละเอียดที่บอสจะให้ออกแบบตกแต่งห้องพัก”
“โอเคครับ! ช่วงนี้ผมต้องเข้าไปเรียนรู้งานในไร่ต่อ หากมีงานด่วนหรืออะไรคุณแจงโทรติดต่อผมได้ตลอดเลยนะครับ” ภาคินบอกยิ้มๆ เพราะงานที่โรงแรมไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่งานที่ไร่ไปรยาเวศจะต้องปรับเปลี่ยนและศึกษาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ทุกอย่างเดินไปตามยุคสมัย ซึ่งเขาก็คิดว่าจะรวมกลุ่มกับเจ้าของไร่อื่นๆพัฒนาการผลผลิตและส่งออกไปขายในตลาดที่ใหญ่กว่าเดิม
“ค่ะบอส” ชุติมาพยักหน้ารับ ก่อนจะส่งแฟ้มรายละเอียดของงานไปให้เจ้านายหนุ่มที่คุมกิจการสองแห่งไปพร้อมกันดู
หลังจากที่คุยงานเสร็จชุติมาก็เดินกลับออกมานั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเองได้เพียงครู่ ผู้ช่วยเลขาสาวก็เดินเข้ามาหาด้วยสีหน้าที่ค่อนข้างจะตึงเครียดนิดๆ
“คุณแจงคะ ต่อไปนี้ณีขอเป็นคนชงกาแฟให้กับบอสเองได้ไหมคะ” เสาวณีกัดฟันเอ่ยขอเพราะอยากจะขยับความสัมพันธ์กับภาคิน
“เอ่อ...แล้วเอกสารที่แจงให้เตรียมเสร็จหรือยังคะ?” ชุติมาย้อนถามผู้ช่วยเลขาวีไอพีที่เป็นเด็กเส้นของธรรมนัส ด้วยน้ำเสียงเรียบๆ
“ยะ...ยังค่ะ” เสาวณีหน้าตึงขึ้นมาทันใด หลังถูกถามถึงงานที่ได้รับมอบหมาย
“แจงว่าคุณณีทำงานของตัวเองเถอะค่ะ หน้าที่ชงกาแฟแจงจะจัดการเอง เพราะต้องรายงานความเคลื่อนไหวต่างๆ ให้คุณภาคินฟังในช่วงเช้าอยู่แล้ว” ชุติมามองเจตนาของผู้ช่วยเลขาสาวออกว่ารู้สึกยังไงกับเจ้านายสุดหล่อ แถมคุณกังศมายังแอบกระซิบขอให้เธอจับตามองพฤติกรรมของเสาวณีเป็นพิเศษ และกันไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใกล้หลานชาย
“ค่ะ” เสาวณีรู้สึกชาที่ใบหน้าอย่างบอกไม่ถูก จากตอนแรกที่กลั้นใจเอ่ยถามออกไปเธอคิดมันว่าน่าอายแล้ว แต่ตอนที่ได้ฟังคำตอบกลับน่าอายกว่า
“อ้อ! เอกสารต้องเรียบร้อยก่อนสิบโมงนะคะ” เสาวณีกำชับอีกครั้ง
“ได้ค่ะ” เสาวณียิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะรีบเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง แล้วจัดการงานที่ทำค้างเอาไว้ต่อ
เวลา 17:45 น. หลังจากที่ประชุมงานเสร็จ ภาคินเดินออกจากห้องประชุมตรงไปยังลิฟต์ เพราะมีนัดกับเพื่อนสนิทอย่าง แม่ทัพ ขุนพันและจอมพลที่ร้านอาหาร ฮาร์เปอร์
“คินคะ” เสาวณีรีบทัก แล้วตามเข้าไปในลิฟต์กับเจ้านายสุดหล่อ
“อ้าว! ยังไม่กลับเหรอครับณี” ภาคินขมวดถามอย่างรู้สึกมึนงงนิดๆ เพราะไม่เคยมีใครกล้าเข้ามาในลิฟต์ของผู้บริหาร
“กำลังจะกลับค่ะ คินจะไปไหนต่อคะ” เสาวณีตอบก่อนจะทำเนียนด้วยการเอื้อมมือไปกดลิฟต์ให้เลื่อนลงไปยังชั้นจอดรถด้านล่าง
“เอ่อ...พอดีผมนัดกับเพื่อนเอาไว้น่ะครับ” ภาคินรับรู้ได้ถึงกระแสบางอย่างในแววตาที่จ้องมองมาอย่างสื่อความหมาย
“ที่ไหนเหรอคะ” เสาวณีถามต่ออย่างอยากรู้
“ยังไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมกำลังจะโทรหาเพื่อน” ภาคินตอบเลี่ยงๆ เพราะกลัวว่าสาวตรงหน้าจะขอตามไปด้วย
“เอ่อ...ว่างๆ เราไปทานข้าวและฟังเพลงกันไหมคะ” เสาวณีเอ่ยถามอย่างมีความหวัง
“ณี! ผมไม่ได้เป็นเหมือนเมื่อก่อนแล้ว” ภาคินกัดฟันบอกตรงๆ เพราะรู้สึกอึดอัดกับการกระทำและคำพูดของอีกฝ่าย
“ณีเข้าใจค่ะ ณีสัญญาว่าจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณ ก็แค่คิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่เคยมีร่วมกันเท่านั้น” เสาวณีทวนความหลังด้วยสีหน้าเศร้าๆ
“! ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมคงจะไม่ทำเรื่องนั้นกับคุณ” ภาคินบอกอย่างรู้สึกแย่ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะกล้าเอ่ยเรื่องที่ตนอยากจะลืม
“คิน...” เสาวณีน้ำตาคลอขึ้นมาทันทีทันใดที่ได้ยินประโยคแสลงใจ
“ผมมีคนที่รักแล้ว และฐานะของผมกับคุณตอนนี้คือเจ้านายกับลูกน้อง โอเค้?” ภาคินเตือนสติ
“โอเคค่ะ ฮึก...” เสาวณีพยักหน้ารับทั้งน้ำตา
“เยี่ยม! ผมหวังว่าครั้งหน้าคุณจะมีสติมากกว่านี้ ขอตัวก่อน” ภาคินบอกก่อนจะเดินออกจากลิฟต์ตรงยังรถสปอร์ตสุดหรูของตนโดยไม่หันกลับไปมองคนที่ยืนร้องไห้อยู่ในลิฟต์
เสาวณีอยากจะกรีดร้องออกมาเพื่อระบายความเจ็บปวด แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะ รปภ. สองคนกำลังหันมามองที่เธอ จึงรีบกดลิฟต์กลับไปที่ชั้นล็อบบี เพื่อเดินอ้อมไปทางประตูด้านหลังที่เป็นที่จอดรถของพนักงาน
ร้านอาหาร Harper เวลา 18:51 น.
ภาคินเดินเข้าไปในร้านที่ตกแต่งด้วยหุ่นยนต์ของค่ายหนังยักษ์ใหญ่อย่างมาร์เวล ที่มีแต่ซุปเปอร์ฮีโร่มากมายนับสิบตัว ยืนอยู่ตามมุมต่างๆ เรียกความสนใจของแขกที่เข้ามานั่งในร้านให้พากันลุกไปถ่ายรูป
“ว่าไงวะคิน ทำไมทำหน้าบูดแบบนั้น” แม่ทัพเอ่ยทักทายเพื่อนรักที่เดินทำหน้าบอกบุญไม่รับเข้ามาหา
“เฮ้อ...มีเรื่องปวดหัวนิดหน่อยน่ะ” ภาคินตอบพร้อมกับนั่งข้างๆ อีกฝ่าย
“เรื่องอะไรวะ?” ขุนพันที่กำลังคุยงานกับเลขาผ่านแชตรีบเงยหน้าขึ้นมาถามอย่างสนใจ
“เรื่องณี” ภาคินเอ่ยก่อนจะยกแก้วบรั่นดีที่พนักงานรินให้ขึ้นมาจิบเบาๆ
“ณี ที่เรียนรุ่นเดียวกับเรา?” แม่ทัพขมวดคิ้มถาม เพราะเคยเจออีกฝ่ายที่โรงแรมของเพื่อนรักมา 2-3 ครั้ง
“ใช่!” ภาคินพยักหน้ารับก่อนจะถอนหายใจทิ้งอย่างรู้สึกเพลียๆ
“สรุปแกจะรอน้องไวน์เรียนจบแล้วแต่งงานใช่ไหม?” จอมพลถามเข้าเรื่องที่ทุกคนในกลุ่มรู้กันดีว่า ภาคินแอบรักสาวน้อยที่อยู่บ้านข้างๆ มานาน
“นั่นแหละแผนกู” ภาคินตอบด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
“แล้วชีวิตเซ็กซ์ของมึงอีกสามปีต่อจากนี้ล่ะ” แม่ทัพถามอย่างสงสัย ไอ้ส่วนที่รอให้วรันยาเรียนจบน่ะพอเข้าใจ แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือช่วงระยะเวลาที่รอเพื่อนจะจัดการกับความต้องการทางกายของตัวเองยังไง หากมีข่าวควงสาวคนนั้นคนนี้หลุดออกไปถึงหูสาวเจ้าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
“จะไปยากอะไร ก็หาผู้หญิงที่ว่าง่ายๆ เอาไว้แก้เครียดสักคนสิ พอน้องไวน์ใกล้จะเรียนจบก็ค่อยบอกยุติความสัมพันธ์” ขุนพันเอ่ยพลางยักไหล่ทั้งสองข้างขึ้นนิดๆ ราวกับว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไร
“มีด้วยเหรอวะที่ยอมจบง่ายๆ” จอมพลขมวดคิ้วถามอย่างไม่ค่อยอยากจะ
“มีสิ! แต่แกต้องยื่นข้อเสนอที่ชัดเจนตั้งแต่แรก” คนที่มีประสบการณ์ในเรื่องควบคุมสาวๆ ในสังกัดให้อยู่ในโอวาทบอกด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“เช่น?” ภาคินเลิกคิ้วถาม
“ก็ไม่เปิดเผยความสัมพันธ์ ไม่บอกใครให้รู้ ให้เงินเดือนเท่าไหร่ แบบนี้จะสบายใจกว่าการมีความสัมพันธ์กับสาวมากหน้าหลายตา แถมน้องไวน์ก็ไม่รู้อีกด้วย” ขุนพันสปอยต่อ
“ใช่ๆ จะได้ไม่มีประวัติเสียติดตัว” แม่ทัพเสริมอย่างเห็นด้วย
“แหม...นี่พวกแกทำราวกับว่าที่ผ่านมาไอ้คินมันมีประวัติดีอย่างงั้นแหละ?” จอมพลแย้งอย่างอดไม่ได้
“แล้วประวัติมึงดีเหรอวะไอ้จอม” ภาคินหันไปถามเพื่อนรักด้วยสีหน้ากวนๆ
“ก็ไม่ได้บอกว่าดี แต่ก็ไม่ได้เฟคโว้ย” จอมพลตอกกลับ
“สรุปเลือกใครวะ นักร้องหรือว่านางเอก?” แม่ทัพถามเข้าเรื่องที่กำลังเป็นข่าวดังส่งท้ายปี
“กูเลือกคุณหญิงดวงทิพย์” จอมพลลอยหน้าลอยตาตอบก่อนจะยกแก้วขึ้นกระดกอย่างไม่สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ
“เชี่ย!” ภาคินสบถพร้อมกับส่ายหัวนิดๆ กับความไม่สนโลกของเพื่อนที่ทำสาวๆ น้ำตาตกมานักต่อนัก
“ฮ่าๆๆ นี่ถ้าน้าดวงมาได้ยินคงจะร้องไห้หนักแน่ๆ” ขุนพันเอ่ยแซว
“เดี๋ยวกูโทรไปฟ้องเอง” แม่ทัพบอกพร้อมกับล้วงมือถือขึ้นมาเตรียม จะต่อสาย
“ไอ้บ้า! แม่กูนอนแล้วโว้ย” จอมพลถลึงตาใส่เพื่อนๆ ที่เอะเออะไรก็มักจะโทร.ไปฟ้องมารดาของตนเป็นประจำ
“ฮ่าๆๆๆ/ฮ่าๆๆๆ” ขันพันกับแม่ทัพพากันหัวเราะอย่างขบขัน เมื่อเห็นสีหน้าตื่นๆ ของจอมพล ชายผู้ไม่เคยว่างเว้นจากเรื่องบนเตียง
“ฉันขอดูสัญญาที่แกร่างหน่อยสิ” ภาคินหันไปถามคนมากประสบการณ์
“ได้! ส่งให้ในแชตนะ” ขุนพันหันมาบอก
“ขอบใจมาก!” ภาคินคลี่ยิ้มบางๆ ก่อนจะยกแก้วบรั่นดีขึ้นจิบ
“ไอ้นัยเป็นไงบ้างวะ” แม่ทัพถามถึงคนที่ได้ย้ายไปคุมกิจการทางใต้
“กลับหัวหินไปแล้ว” ภาคินบอกพลางนึกไปถึงแฝดผู้น้องที่ป่านนี้คงจะกำลังเตรียมปรับปรุงห้องพักของโรงแรมให้เข้ากับยุคสมัยเหมือนกับตน
“อีกสองวันฉันก็จะไปกรุงเทพฯ. ว่าจะแวะไปหามันสักหน่อย” คนที่มีงานหลักอยู่เมืองกรุงบอกพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ
“แกจะไปหาไอ้นัยหรือว่าไปนอนดูสาวๆ ใส่บิกินี่วะไอ้ทัพ?” ขุนพลดักทางเพื่อนรัก
“ทั้งสองอย่าง” แม่ทัพเอ่ยรับตามตรง เพราะปกติก็มักจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว
“ฮ่าๆๆๆ/ ฮ่าๆๆๆ” ทุกคนพากันหัวเราะชอบใจกับคำตอบของแม่ทัพ ก่อนจะคุยกันต่อเรื่องผลไม้และพืชผักที่เตรียมจะขยายตลาด