1

5000 คำ
วรันยา สิรางภัคษร เด็กสาววัย 17 ปี สูง 158 ซม. หนัก 47 กิโลกรัม ใบหน้าจิ้มลิ้มเรียวงาม ดวงตาสีดำกลมโตรายล้อมไปด้วยขนตาที่ยาวงอน จมูกที่โด่งนิดๆ รับกับริมฝีปากอวบอิ่มรูปกระจับสีส้มอมชมพูระเรื่อ กำลังยืนลุ้นผลการสอบที่หน้าจอมือถือ ทันทีที่เห็นชื่อของตัวเองติดหนึ่งใน Top 5 ก็กรีดร้องขึ้นอย่างดีใจ    รีบวิ่งเอาผลการเรียนไปอวดบิดาที่ห้องทำงาน “คุณพ่อขา เกรดของน้องไวน์ออกแล้วค่ะ” วรันยารีบส่งมือถือให้กับบิดาดู   มือไม้สั่น “เก่งจริงๆ ลูกพ่อ” สินชัยน้ำตาคลอ ดึงลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนเข้ามากอดแน่น อย่างเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ เพราะตั้งแต่เด็กจนโต วรันยาไม่เคยสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจใดๆ ให้กับตนมาก่อน นอกจากขยันเรียนแล้ว ก็ยังมาช่วยทำงานใน รีสอร์ตอยู่เป็นประจำ คนเป็นพ่อยกมือขึ้นปาดน้ำที่หางตาทิ้ง ก่อนจะล้วงมือถือขึ้นมาต่อสายหาผู้ช่วยคนสนิท [นา! เดี๋ยวเข้าเมืองไปซื้อของมาจัดเลี้ยงปาร์ตี้ให้น้องไวน์หน่อยนะ] [ได้ค่ะพ่อเลี้ยง ผลสอบคุณไวน์ออกแล้วใช่ไหมคะ?] ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เพราะได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นเมื่อครู่ตอนที่เธอกำลังจะขับรถออกไปตรวจงาน [ใช่! ได้ 3.98 ที่ 2 ของชั้น] [ว้าว! นาดีใจด้วยนะคะ] [อืม! ขอบใจมาก ช่วยเข้าเมืองไปซื้อของทะเลสดมาให้หน่อย อ้อ! ซื้อมาเยอะๆ นะ เผื่อคุณมาร์กับคนอื่นๆด้วย] [ได้ค่ะพ่อเลี้ยง] “กรี๊ดดดด ไวน์รักคุณพ่อที่สุดเลยค่ะ” วรันยากระโดดหอมแก้มของบิดาทั้งสองข้างอย่างดีใจเมื่อได้ยินคำว่าของทะเลสด “น้องไวน์! พ่อคุยสายอยู่นะลูก” สินชัยเอ่ยปรามเบาๆ เพราะเสียงหอมแก้มที่ดังฟอดๆ น่าจะเข้าไปในสายสนทนาด้วย “ขอโทษค่ะ งั้นไวน์ไปบอกคุณมาร์ก่อนนะคะ” วรันยาอยากจะเอา 3.98 ไปอวดผู้ใหญ่อีกท่านที่เธอรักและเคารพไม่ต่างไปจากบิดา “จ้ะ อ๊ะ! ให้คนขับรถไปส่งไหมลูก” สินชัยพยักหน้ารับก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าบุตรสาวของตนนั้นไม่ใช่เด็กดังเช่นเมื่อก่อนแล้ว แถมเวลาไปไหนมาไหนก็มีแต่คนจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้ม ที่สวยหวานมีเสน่ห์ดึงดูดตาดึงดูดใจ ถอดแบบภรรยาของเขาตอนเป็นสาวมาอย่างไม่มีผิดเพี้ยน และนั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกหวงมากจนต้องสั่งคนตามไปเฝ้าอยู่เสมอ “ไม่ต้องค่ะ ใกล้ๆ แค่นี้เองเดี๋ยวไวน์ปั่นจักรยานไปค่ะคุณพ่อ” คนที่ปั่นจักรยานไปมาระหว่างสวนส้มกับรีสอร์ตเป็นประจำรีบบอก “งั้นอย่าลืมชวนคุณมาร์มาทานมื้อเย็นที่บ้านเราด้วยนะ” สินชัยยกยิ้มมุมปากนิดๆ รู้ดีว่าบุตรสาวจะต้องไปอ้อนขอรางวัลจากกังศมาเหมือนเช่นทุกๆ ครั้ง “รับทราบค่ะ ไปก่อนนะคะ” วรันยาบอกก่อนจะวิ่งตรงไปยังจักรยาน      คันโปรดสีชมพูหวานมุ้งมิ้ง แล้วปั่นตรงไปตามทางด้วยสีหน้ามุ่งมั่น พลางนึกไปถึงคำพูดหนึ่งของกังศมาที่บอกเธอเมื่อสามเดือนก่อน...‘ถ้าเทอมนี้น้องไวน์สอบได้ที่ 1-3 ของชั้น ยายจะพาไปเที่ยวอังกฤษ’ คนที่ยังไม่เคยไปเที่ยวทางฝั่งยุโรปมาก่อน ปั่นจักยานไปยิ้มไป คิดถึงสถานที่อันงดงามทางประวัติศาสตร์ของอังกฤษอย่าง York Minster (มหาวิหารยอร์ก), Big Ben (หอนาฬิกาพระราชวังเวสต์มินสเตอร์), Tower of London (หอคอยแห่งลอนดอน) และสถานที่อื่นๆ ที่ทยอยผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เสียงปั่นจักรยานกับเสียงฮัมเพลงเบาๆ ของเด็กสาวที่สวยดุจดอกไม้งามกลางขุนเขา เรียกสายตาของเหล่าคนงานชาย-หญิง ที่กำลังเก็บส้ม ให้หันไปมองตามๆ กันอย่างสนใจ พอเห็นว่าเป็นบุตรสาวสุดรักสุดหวงของพ่อเลี้ยงสินชัยก็พากันชะเง้อมองตามเป็นแถว วรันยาจอดจักรยานเอาไว้ใกล้ๆ กับต้นหูกระจง ก่อนจะจ้องมองรถสปอร์ตสุดหรูสีดำเงากับสีแดงสดป้ายแดงเปิดประทุนด้วยหัวใจสั่นๆ ซึ่งเธอเดาว่าคงจะเป็นของกำนัลที่ลุงลูคัสมอบให้กับลูกชายฝาแฝด ภาคิน กับ ภัคคินัย ที่เพิ่งจะเรียนจบปริญญาโท แถมยังคว้าเกียรตินิยมอันดับหนึ่งมาได้ทั้งสองคน  “น้องไวน์! มาพอดีเลยลูก ยายกำลังจะเอาช็อกโกแลตไปให้” กังศมาในวัย 65 ปี เจ้าของสวนส้มไปรยาเวศ ส่งยิ้มหวานไปให้เด็กสาวที่รักและเอ็นดูประหนึ่งลูกหลานแท้ๆ “ว้าว! ไวน์รักคุณมาร์ที่สุดเลยค่ะ” วรันยายิ้มอย่างดีใจเตรียมจะเดินเข้าไปหา แต่ร่างสูงที่เดินตามออกมาก็ทำให้เธอรีบหยุดชะงักฝีเท้าแทบไม่ทัน “เอ่อ...เอาไว้ไวน์ค่อยมาใหม่นะคะคุณมาร์ สวัสดีค่ะ” สาวเจ้ายกมือไหว้ แล้วหันหลังกลับทันทีอย่างไม่สบอารมณ์ “อะไรกันน้องไวน์? พอเห็นหน้าพี่ก็จะกลับแล้วงั้นเหรอ” ภาคินวัย 25 ปี    ที่หน้าตาหล่อเหลาคมคาย สูง 183 ซม. ฉีกยิ้มกว้าง เมื่อเห็นใบหน้างามที่ไม่ได้เจอมาเกือบปี ดูบูดบึ้งขึ้นมานิดๆ “ใช่ค่ะ!” วรันยาตอบโดยไม่หันไปมอง ถึงแม้ว่าภาคินกับภัคคินัยจะหน้าตาเหมือนกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่เธอก็จำได้! เพราะภาคินมีรอยสักที่แขน และมี ขี้แมลงวันเม็ดเล็กๆ ที่ต้นคอ แต่ภัคคินัยไม่มี ส่วนนิสัยก็ต่างกันสุดขั้วราวฟ้ากับดิน เพราะภัคคินัยเป็นคนสุภาพ ใจดีและอบอุ่น แต่ภาคินนิสัย บ้าๆ บอๆ ชอบแกล้งเธอสารพัด ทั้งเปิดกระโปรงดูกางเกงใน แอบหอมแก้มตอนเผลอ แกล้งเป็นผีมาหลอก และอีกเยอะแยะมากมายกับวีรกรรมสุดเพี้ยนที่ทำให้เธอรู้สึกเกลียดจนเข้าไส้ “น้องไวน์” หิรัญ วัย 30 ปี รีบเอ่ยเรียกคนที่มาไม่ถึงสามวิก็จะกลับ “สวัสดีค่ะพี่รัญ พี่นัย” วรันยายกมือไหว้สองหนุ่มที่เดินตามกันมาอย่างดีใจ เตรียมจะวิ่งเข้าไปกอดเหมือนเช่นทุกๆ ครั้ง แต่กลับถูกมือหนาของใครบางคนรั้งแขนไว้ซะก่อน “จะไปไหน?” ภาคินถามด้วยน้ำเสียงตึงๆ พร้อมกับส่งสายตาดุๆ ไปให้คนที่ทำท่าระริกระรี้อย่างไม่พอใจ ‘หึ! ทีเห็นหน้าเราจะกลับบ้าน แต่พอเห็นหน้าพี่รัญกับไอ้นัย ยิ้มซะปากเกือบฉีกแน่ะ’ “ปล่อย!” วรันยาสะบัดแขนออกจากมือหนา แต่อีกฝ่ายกลับบีบแรงขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว “เห็นผู้ชายเข้าหน่อยไม่ได้ ผีแรดเข้าสิงร่างเลยนะ” ภาคินต่อว่าอย่างลืมตัว แต่พอเงยหน้าขึ้นมาแล้วเห็นสายตาของทุกคน ก็ทำให้ต้องรีบปล่อยมือออกจากแขนของสาวเจ้า “คนบ้า!” วรันยาถลึงตาใส่ แล้วเดินเข้าไปกอดกังศมาแทนการเข้าไปกอดสองหนุ่ม “ก็เพราะปากแบบนี้ไงน้องถึงได้เกลียด” หิรัญส่ายหน้าอย่างรู้สึกเหนื่อยใจ ‘ทีกับสาวๆ คนอื่นทำเป็นปากหวาน ทีกับน้องไวน์ทำไมชอบปากเสียใส่จังวะ?’ “ใช่ครับ” คนที่อ้าแขนรอเก้อ เอ่ยสมทบตามด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ขอโทษน้องเดี๋ยวนี้นะคิน” กังศมาสั่งหลานชายที่ชอบทำตัวเป็นไม้เบื่อไม้เมากับวรันยามาตั้งแต่เด็ก ทั้งชอบแย่งขนมกิน ชอบวิ่งไล่กอดไล่หอมแก้มประหนึ่งคนบ้า ทำเอาเด็กสาวที่มักจะมานอนค้างกับตน ถึงกับผวา! นอนละเมอ  กรีดร้องกลางดึกอยู่หลายครั้ง “ยาย...” คนที่โดนว่า มองค้อนผู้เป็นยายอย่างรู้สึกนอยด์ๆ ‘ทำไมยายต้องทำเหมือนเราเป็นตัวร้ายด้วยวะ’ “ภาคิน!” กังศมาเอ็ดคนที่ยังยืนนิ่งอย่างเริ่มไม่พอใจ หิรัญมองน้องชายอย่างรู้สึกเอือมระอา เพราะเมื่อหลายวันก่อนภาคินโทร. ไปออดอ้อนบิดา เพื่อขอมารับช่วงดูแลกิจการทางเหนือ พร้อมกับรับปากว่าจะช่วย     ผู้เป็นยายดูแลสวนส้มไปรยาเวศ แถมยังหยิบยกเหตุผลร้อยแปดพันเก้าขึ้นมาอ้างอย่างหน้ามึน ทั้งแพ้น้ำทะเล แพ้อากาศ แพ้นู่นนั่นนี่เยอะแยะมากมาย ทำให้ภัคคินัยต้องย้ายไปดูแลกิจการโรงแรมทางใต้อย่างเลี่ยงไม่ได้ เพราะตัวเขาต้องประจำการอยู่ที่สาขาใหญ่กรุงเทพฯ. “หึๆ” ภัคคินัยขำคนโดนดุ ‘แอบชอบสาวเขามีแต่จะสร้างความประทับใจ แต่นี่กลับสร้างความเกลียดชัง จ้างให้ก็ไม่มีทางสมหวังหรอกไอ้คิน’ “ไอ้นัย มึงหัวเราะหาพระแสงอะไรวะ’” ภาคินหันไปมองแฝดผู้น้องด้วยสายตาเอาเรื่อง “คิน!” กังศมาเรียกคนที่ยังไม่ยอมขอโทษเสียงดัง แถมยังแกล้งทำเป็นเหวี่ยงใส่ฝาแฝดตัวเองเพื่อกลบเกลื่อนอีก “คร๊าบบบ...ทราบแล้วครับยาย” ภาคินกลอกตาอย่างเพลียๆ ก่อนจะหันไปมองสาวเจ้า ก็เห็นใบหน้างามเชิดขึ้นนิดๆ มันทำให้เขารู้สึกหมั่นไส้อย่างบอกไม่ถูก   “พี่ขอโทษจ้ะสาวน้อย” “ชิ! กองไว้ตรงนั้นเลย” วรันยาสะบัดบ๊อบใส่ ‘หึ! ทำเป็นพูดจาดี เดี๋ยวไม่ถึงห้านาทีก็ร้ายเหมือนเดิม’ “นึกแล้วววว ว่าต้องพูดแบบนี้” ภาคินลากเสียงยาว เพราะรู้ซึ้งดีอยู่แก่ใจว่าสาวเจ้าไม่มีทางจะยอมยกโทษให้ตนง่ายๆ “ฮ่าๆๆ/ฮ่าๆๆ” หิรัญกับภัคคินัยหัวเราะอย่างขบขันกับอาการพ่อแง่แม่งอนที่เห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต “น้องไวน์ พี่เขาขอโทษแล้วนะลูก ดีกับเขาหน่อยเถอะ” กรรมการห้ามทัพ รีบไกล่เกลี่ยก่อนที่เรื่องเล็กๆ จะบานปลายเป็นเรื่องใหญ่ “ก็ได้ค่ะ” วรันยากลั้นใจส่งนิ้วก้อยออกไปรอเกี่ยว เหมือนเช่นทุกครั้ง ภาคินขยับเข้าใกล้ร่างบางที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งชวนมอง ก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้ๆ กับแก้มนวล แล้ว...จุ๊บ! “อะ...ไอ้คนชีกอ กรี๊ดดดด” วรันยาชี้นิ้วด่าคนหน้ามึนที่บังอาจฉวยโอกาสกับเธอครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่าจะตอนที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง หรือต่อหน้ากังศมา หิรัญ  ภัคคินัย ไอ้คนบ้านี่ก็จะชอบเข้ามากอดรัดเธอจากด้านหลัง แล้วขโมยหอมแก้มเป็นประจำ “ฮ่าๆๆ/ฮ่าๆๆ” หิรัญกับภัคคินัยหัวเราะขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้างามแดงก่ำขึ้นมาทันตา “แหม...สมัยนี้เขาไม่เกี่ยวก้อยกันแล้ว เด็กๆ” คนเจ้าเล่ห์บอกพร้อมฉีกยิ้มกว้างอย่างสุขใจ “ตาคิน! น้องแตกเนื้อสาวแล้ว จะมาทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้นะ” กังศมาหน้าตึงขึ้นมาทันทีทันใด ‘นี่ถ้าสินชัยมาเห็นเข้า คงได้กินแหนงแคลงใจกันเป็นแน่!’ “โธ่...ยาย ผมก็แค่หอมแก้ม ไม่ได้ลากน้องเข้าห้องสักหน่อย” ภาคินตีมึนพร้อมกับยักไหล่ขึ้นทั้งสองข้างอย่างไม่ใส่ใจ “พรุ่งนี้มึงไปสักคำว่า ‘ภาคิน’ ติดหน้าฝากเลยนะ” ภัคคินัยบอกด้วยสีหน้าหงุดหงิด “ทำไมกูต้องทำแบบนั้นด้วย?” ภาคินหันไปถามอย่างสงสัย “ก็เผื่อมึงทำเลว แล้วคนอื่นเขาคิดว่าเป็นกูไง” ภัคคินัยสวนกลับทันควัน   ‘ดีนะที่แยกกันดูแลกิจการ ทางเหนือกับทางใต้ ขืนอยู่ด้วยกันทุกวันๆ มีหวังได้รับกระสุนปืนของอาสินแทนมันแน่’ “จริง!” หิรัญเห็นด้วย แม้ว่าภาคินจะไปสักที่แขนมา แต่หากสวมเสื้อแขนยาวทับรอยสัก แล้วทำตัวนิ่งขรึมเมื่อไหร่ ทุกคนก็จะพากันคิดว่าเป็นภัคคินัยทันที “กูหล่อกว่ามึงตั้งเยอะ คนเขาแยกออกหรอกน่า” คนหล่อเสน่ห์แรงขวัญใจของสาวๆ ทั้งอำเภอ เอ่ยด้วยท่าทางมั่นหน้ามั่นโหนก ทั้งๆ ที่รูปร่างหน้าตานั้นก็เหมือนกันราวกับแกะ “ใช่ค่ะ” วรันยาสมทบตาม “เห็นมะ? ขนาดน้องไวน์ยังเห็นด้วยเลย” ภาคินยิ้มหน้าบานอย่างชอบใจ    ที่ในที่สุดสาวเจ้าก็เห็นพ้องต้องกันกับตน “แหม...ก็พี่นัยน่ะน่ารักนิสัยดี ส่วนพี่คินน่ะดูยังไงก็คนเลวชัดๆ แยกออกง่ายจะตายไปค่ะ” คนที่รอโอกาสงามๆ รีบปล่อยหมัดฮุกใส่ อย่างไม่รอช้า “ฮ่าๆๆๆ / ฮ่าๆๆๆ” หิรัญกับภัคคินัยระเบิดเสียงหัวเราะขึ้นพร้อมๆ กันอย่างชอบใจกับสำนวนตอกกลับของสาวเจ้า “แล้วอยากลองมีแฟนเป็นคนเลวดูไหมล่ะ?” ภาคินถามกลับทันใด “คุณมาร์ขา...พี่คินพูดจาหยาบคายใส่น้องไวน์ค่ะ” วรันยารีบหันไปอ้อน  ขอความช่วยเหลือจากผู้ใหญ่ “ตาคิน! ยายขอล่ะหยุดแกล้งน้องซะทีเถอะ” กังศมาเริ่มจะทนไม่ไหว “ผมไม่ได้แกล้งครับ” ภาคินพูดพลางยักไหล่ขึ้นนิดๆ ด้วยสีหน้าสุดเซ็ง “ก็เห็นอยู่” กังศมาตอกกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “โอเคๆ ผมผิดก็ได้” ภาคินยอมยกธงขาวแต่โดยดี “ชิ!” วรันยาเชิดหน้าขึ้นนิดๆ ราวกับผู้ชนะ “เอ้...ยายได้ข่าวแว่วๆ ว่าคนแถวนี้สอบได้ที่สอง ไม่รู้จริงหรือเปล่า?”     กังศมารีบเปลี่ยนไปถามคนขี้อ้อนเกี่ยวกับเรื่องสำคัญที่เพิ่งจะทราบมาจากคนสนิท “จริงค่ะ” วรันยาบอกอย่างรู้สึกเขินนิดๆ “ยายดีใจด้วยนะน้องไวน์” “ขอบคุณค่ะคุณมาร์” วรันยารีบยกมือไหว้ผู้ใหญ่ “งั้นอาทิตย์หน้าเราออกเดินทางกันเลยดีไหม” กังศมาเอ่ยชวน “ดีค่ะ” คนที่ตั้งหน้าตั้งตาปั่นจักรยานมาเพื่อสิ่งนี้! รีบขานรับทันใด “อะไรกันครับยาย จะพากันเดินทางไปไหน” ภาคินถามอย่างอยากรู้ “ยายจะพาน้องไวน์ไปเที่ยวอังกฤษน่ะ” กังศมาบอกพลางจ้องมองหลานชายอย่างไม่ไว้ใจ “คฤหาสน์ที่นู่นสวยเชียวล่ะน้องไวน์” หิรัญรีบอวด “ใช่ครับ! รับรองว่าน้องไวน์จะต้องชอบ” ภัคคินัยสมทบตาม “ค่ะ” วรันยาอมยิ้ม เธอเคยเห็นในรูปถ่ายมาบ้างแล้ว ครั้งนี้จะได้ไปเห็นจริงสักที ติ๊ดๆ ติ๊ดๆ ภาคินมองค้อนสาวเจ้าอย่างรู้สึกหมั่นไส้ ก่อนจะล้วงมือถือในกระเป๋ากางเกงที่ส่งเสียงดังออกมากดรับสาย “ฮัลโหล ครับ ใช่ครับ เดี๋ยวผมไปครับ” “จะไปไหน?” ภัคคินัยถามหลังจากที่เห็นแฝดผู้พี่กดวางสาย “ไปหาว่าที่พ่อตา” ภาคินตอบก่อนจะเดินตรงไปยังรถสปอร์ตสีแดงแรลลี่เปิดประทุนของตัวเอง “เฮ้! ตลกเหรอ?” หิรัญตะโกนตามหลังน้องชายอย่างมึนงง “ผมพูดจริง” ภาคินเหลือบมองใบหน้าจิ้มลิ้มแวบหนึ่งก่อนจะเข้าไปนั่งในรถ “อย่าดื่มหนักจนขับรถกลับไม่ไหวล่ะ” กังศมารีบเตือน เพราะไม่อยากจะไปประกันตัวหลานชายด้วยข้อหาเมาแล้วขับเหมือนครั้งก่อน “ถ้าขับรถกลับไม่ไหว ผมจะนอนค้างที่บ้านว่าที่พ่อตาครับยาย” “บ้า!” กังศมาส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อกับคำบอก “ไปก่อนนะครับ” ภาคินหัวเราะเบาๆ ก่อนจะขับรถออกไปด้วยความเร็ว วรันยาเบ้ปากนิดๆ อย่างรู้สึกหมั่นไส้ที่อีกฝ่ายบอกว่าจะไปหาพ่อตา‘ชิ! นิสัยแบบนี้ ผู้หญิงคนไหนกล้าเอาทำแฟนก็บ้าแล้ว’ “เราเข้าไปคุยกันข้างในบ้านกันเถอะน้องไวน์” กังศมาเอ่ยชวน เพราะช็อกโกแลตที่สามหนุ่มขนมาฝากนั้น มีเยอะจนเธอคิดว่าจะจัดใส่ถุงแล้วเอาไปแจกให้กับคนงานในไร่ “ค่ะ” วรันยาพยักหน้ารับยิ้มๆ หิรัญก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือก่อนจะหันไปเอ่ยลาผู้เป็นยาย “เอ่อ...งั้นผมไปก่อนนะครับยาย” “โชคดีจ้ะ ว่างๆ แวะมาหายายบ้างนะรัญ” กังศมาพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ   เพราะรู้ว่าหลานชายคนโตมีงานค่อนข้างเยอะ “ครับ! พี่ไปก่อนนะสาวน้อย” หิรัญยิ้มให้สาวเจ้าก่อนจะหันไปพยักหน้าให้ภัคคินัย “ค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะพี่รัญ” วรันยาส่งยิ้มหวานให้สองหนุ่มหล่อที่รักและนับถือดุจพี่ชายแท้ๆ “ขอบคุณครับ” หิรัญเข้าไปนั่งในรถ ขณะที่น้องชายวิ่งอ้อมไปประจำตำแหน่งคนขับ “นัย! แล้วเราจะกลับมาทานมื้อเย็นกับยายหรือเปล่า?” กังศมารีบถาม   กลัวว่าหลานชายจะอยู่เที่ยวต่อในเมือง “มาสิครับ ผมไปส่งพี่รัญที่สนามบินเสร็จก็จะรีบกลับมาเลย” คนหล่อ เสน่ห์แรงให้คำมั่น “หึ! ให้จริงเถอะ” กังศมามองค้อนคนปากดี ‘ครั้งก่อนก็พูดแบบนี้ แต่กลับมาซะบ่ายของอีกวัน’ “เย็นนี้คุณพ่อเตรียมของปิ้งย่างเอาไว้ คุณมาร์กับพี่นัยไปทานด้วยกัน   นะคะ” คนที่เพิ่งจะนึกขึ้นได้รีบเอ่ยชวน “โห...ได้ยินแบบนี้พี่ชักไม่อยากกลับแล้วสิ” หิรัญที่เพิ่งจะคาดเบลล์เสร็จ หันไปโอดครวญด้วยสีหน้าเซ็งๆ “ฮ่าๆๆ เดี๋ยวผมจะกินเผื่อเองครับไม่ต้องห่วง” ภัคคินัยบอกก่อนจะกดสตาร์ทเครื่องยนต์ เตรียมออกเดินทาง กังศมากับวรันยาโบกมือให้สองหนุ่ม ก่อนจะพากันเข้าไปด้านในเรือนใหญ่ เพื่อพูดคุยเรื่องไปเที่ยวอังกฤษต่อ หลังจากคุยเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวกันจนพอหอมปากหอมคอ วรันยาก็ขอตัวกลับบ้านไปอาบน้ำ เพื่อรอทานมื้อค่ำกับทุกคนที่บ้านพักท้ายรีสอร์ตของบิดา สองชั่วโมงต่อมา...ภัคคินัยไปส่งพี่ชายที่สนามบินเสร็จ ก็รีบขับรถตรงกลับมายังสวนส้ม เพื่อรับผู้เป็นยายไปร่วมปาร์ตี้เลี้ยงฉลองที่รีสอร์ต แต่ทว่า...ทันทีที่ขับรถไปถึง ก็เห็นออดี้ R8 สีแดงเจิดจรัสของภาคินจอดอยู่ “อ้าว! ที่แท้ตาคินมาที่นี่หรอกเหรอ?” กังศมามองรถของหลานชายอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา ‘หึ! คนอย่างไอ้คินมันจะไปไหนได้ล่ะครับ’ ภัคคินัยแอบตอบในใจ ก่อนจะรีบลงจากรถไปเปิดประตูให้ผู้เป็นยาย “รถสปอร์ตนี่...จะว่านั่งสบายก็สบายนะ แต่เข้า-ออกยากน่าดู” “หึๆ” ภัคคินัยได้ฟังก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้ “แหม...ผมมองอยู่นานก็นึกว่านัยพาสาวที่ไหนมาด้วย” สินชัยยกมือไหว้พร้อมกับเอ่ยหยอก กังศมารับไหว้ แล้วส่งยิ้มไปให้คนที่เดินออกมารับ “เห็นว่าคันหนึ่งเป็นสิบๆ ล้าน ฉันก็อยากจะลองนั่งดูสักครั้งน่ะพ่อสิน” “แล้วเป็นไงบ้างครับ” สินชัยถามกลับอย่างสงสัย “ลุกแทบไม่ขึ้น” กังศมาบอกพลางส่ายหน้าเบาๆ “ฮ่าๆๆ เชิญด้านในดีกว่าครับ” สินชัยหัวเราะก่อนจะชวนทุกคนเข้าบ้าน “สวัสดีครับอาสิน คินอยู่ที่นี่เหรอครับ?” ภัคคินัยแสร้งเอ่ยถาม “ใช่ๆ กำลังจุดเตาเตรียมย่างของทะเลแน่ะ” สินชัยยิ้มรับอย่างรู้สึกดีที่ภาคินมาช่วยทำนู่นนั่นนี่ตั้งแต่ช่วงบ่าย จนกระทั่งเย็น “อ่อ! แล้วน้องไวน์ล่ะครับ” ภัคคินัยถามอย่างเป็นห่วง กลัวว่าแฝดผู้พี่    จะฉวยโอกาสทำไม่ดีกับสาวน้อยอายุ 17 อยู่ข้างใน “นากำลังขึ้นไปตามที่ห้องแล้ว อีกเดี๋ยวก็คงลงมา ว่าแต่...อาดีใจด้วยนะ   ที่นัยกับคินเรียนจบ แถมยังคว้าเกียรติยมอันดับหนึ่งติดมือมาด้วยทั้งสองคนไม่ธรรมดาจริงๆ” สินชัยเอ่ยชมอย่างรู้สึกตื้นตันใจแทนครอบครัวของสองหนุ่ม “ขอบคุณครับคุณอา” ภัคคินัยยิ้มก่อนจะนั่งลงที่โซฟารับแขก “ยายขอตัวไปดูตาคินก่อนนะ ไม่รู้ว่าจุดเตาถ่านเป็นหรือเปล่า” กังศมาแกล้งเอ่ยขอตัว “ครับยาย” ภัคคินัยขานรับ ก่อนจะหันไปคุยกับสินชัยต่อ หลังบ้าน... “ไหนว่าจะไปบ้านว่าที่พ่อตา แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ไง” กังศมาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกวนๆ “ยาย!” คนที่จิตใจกำลังจดจ่อรอสาวที่พอกลับมาถึงบ้าน ก็วิ่งตรงขึ้นห้องนอนไปอาบน้ำโดยไม่แวะทักทายตนสักคำ ตกใจสะดุ้งจนตัวโยน! “เออ! ก็ยายน่ะสิ ว่าแต่เราแอบชอบน้องไวน์ใช่ไหม?” กังศมาถามเข้าเรื่องที่ค่อนข้างมั่นใจว่าจะต้องใช่ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอคิดเสมอว่าภาคินแค่อยากแกล้งเด็กสาวเล่นตามประสา แต่พออายุเพิ่มขึ้น สายตาของภาคินก็เริ่มแสดงออกอย่างไม่ปิดบังว่ารู้สึกอย่างไรกับวรันยา “เอ่อ...ผม...” คนที่ถูกไล่ต้อน เริ่มจะไปไม่ถูก “น้องยังเด็กนะ” กังศมาเอ่ยเตือนโดยไม่สนคำตอบ “โธ่! ยาย น้องไวน์ไม่ใช่เด็กแล้วนะครับ (หน้าอกตั้งคัพซีแน่ะ)” ภาคินแอบกลืนประโยคหลังลงคอ เพราะกลัวผู้เป็นยายจะลมจับ “ก็เด็กกว่าเราตั้ง 7 ปี” “อย่าเสียงดังสิครับ เดี๋ยวอาสินก็มาได้ยินเข้าหรอก” ภาคินกลอกตาอย่างเซ็งๆ เมื่อผู้เป็นยายเลิกกระซิบแต่คุยด้วยน้ำเสียงปกติ “ต่อให้สินไม่ได้ยิน ยายก็จะบอก” กังศมาบอกด้วยสีหน้าจริงจัง เพราะหวั่นใจว่าหลานชายจะทำเรื่องไม่ดีไม่งามกับเด็กสาว “เอ่อ...จะบอกอะไรผมงั้นเหรอครับคุณมาร์” สินชัยที่เดินมาเงียบๆ เอ่ยถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “อาสิน!” ภาคินมองหน้าว่าที่พ่อตาที่ตนแอบแต่งตั้งให้ในใจ อย่างรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะมาทันได้ยินได้ฟังประโยคไหนไปบ้าง “คือฉันจะพาน้องไวน์ไปเที่ยวอังกฤษน่ะพ่อสิน” กังศมารีบบอก เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลาของหลานชายเริ่มมีเหงื่อผุดขึ้นมาสาม-สี่เม็ด “จริงเหรอครับ?” สินชัยถามอย่างรู้สึกตื่นเต้น “จริงสิ! เราอนุญาตหรือเปล่าล่ะ?” กังศมายิ้มให้อย่างโล่งใจ คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้ยินการสนทนาก่อนหน้า “อนุญาตสิครับ นึกว่าเรื่องอะไร เห็นทำหน้าเครียดๆ กัน” สินชัยบอกพลางหัวเราะเบาๆ หลังจากที่ปั่นจักรยานออกมาจากไร่ไปรยาเวศ วรันยาก็ตรงดิ่งสู่บ้านพักหลังใหญ่ โดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ แม้กระทั่ง...ออดี้ R8 สีแดงที่จอดเด่น    เป็นสง่าอยู่ในโรงรถ พออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบเดินลงมาที่ด้านล่าง เธอมองเห็นร่างสูงที่คุ้นตา ซึ่งตอนแรกนึกว่าเป็นภาคิน แต่พอไม่เห็นรอยสักที่แขนจึงฉีกยิ้มหวานส่งให้พร้อมกับเอ่ยถาม    “พี่นัยมาถึงเมื่อไหร่คะ?” “พี่เพิ่งจะมาถึงเมื่อครู่ครับ” ภัคคินัยที่กำลังจะเดินไปดูทุกคนที่ด้านหลัง หันมายิ้มตอบ กังศมาหันไปมองตามเสียง เห็นเด็กสาวใส่ชุดที่บุตรสาวของเธอ ‘ดาหลา’ ซื้อส่งมาให้ ก็อดเอ่ยชมไม่ได้ “น้องไวน์แต่งตัวน่ารักจัง” “ขอบคุณค่ะคุณมาร์ แล้ว...” วรันยารู้สึกอายนิดๆ ที่ถูกชม ก่อนจะมองเลยไปที่ด้านหลังของผู้ใหญ่อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เมื่อเห็นใครบางคนยืนอยู่ “พี่คินเขามาตั้งนานแล้ว” สินชัยไขข้อข้องใจให้กับบุตรสาว “ค่ะ” วรันยามองสีหน้าเรียบเฉยนั้นอย่างรู้สึกแปลกๆ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะมาร่วมปาร์ตี้ด้วย ‘ชิ! สงสัยจะถูกสาวเบี้ยวนัดแน่ๆ เลยมาที่นี่แทน’ “ตามมานี่เร็ว พ่อมีอะไรจะให้ดู” สินชัยดึงแขนของบุตรสาวให้ออกเดินไปที่ห้องรับแขก ขณะที่กังศมา ภาคิน และภัคคินัยเดินตามหลังไปเงียบๆ “อะไรคะ?” วรันยาจ้องมองสิ่งของบางอย่างที่มีลักษณะคล้ายกับคน ยืนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมสีดำอย่างเต็มไปด้วยความสงสัย “เปิดดูสิ! รับรองว่าเราจะต้องชอบ” สินชัยรอลุ้นปฏิกิริยาของบุตรสาว “ค่ะ” วรันยาดึงผ้าคลุมออกบอกมือไม้สั่น พรึบ!  “กรี๊ดดดด ขอบคุณมากๆ ค่ะคุณพ่อ” ทันทีที่เห็นหุ่นไอรอนแมนตัวใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้า วรันยาก็กรีดร้องเสียงดัง แล้วโผเข้ากอดบิดาอย่างดีใจ “ตัวนี้พี่คินเขาซื้อให้จ้ะ นู่น! คนที่หนูต้องขอบคุณ” สินชัยรีบบอก เพราะตอนบ่ายสามมีคนมาส่งของที่หน้าบ้าน เป็นกล่องไม้ขนาดใหญ่ ปั๊มตราของค่ายหนังมาร์เวล โดยมีชื่อผู้รับคือภาคิน ตนจึงรีบล้วงมือถือออกมาต่อสายหาอีกฝ่าย เพราะคิดว่าคนส่งของเอามาลงผิดบ้าน แต่ที่ไหนได้ อีกฝ่ายกลับตั้งใจจะทำเซอร์ไพรส์ให้บุตรสาวที่คลั่งไคล้ไอรอนแมน วรันยามองหุ่นยนต์ที่อยากได้มานาน แต่ไม่กล้าเอ่ยปากขอบิดาซื้อให้ เพราะราคาค่อนข้างแพงเอาเรื่อง แต่อยู่ๆ ก็เหมือนกับฟ้าบันดาลของที่อยากได้ให้มาอยู่ตรงหน้า แต่ทว่า...มันกลับเป็นของที่มาจากคนที่เธอเกลียด “พี่คินเขานั่งประกอบในห้องทำงานของพ่อตั้งเกือบสองชั่วโมงแน่ะ” สินชัยรีบบอกเมื่อเห็นบุตรสาวเงียบไป ภัคคินัยหันมองหน้าฝาแฝดผู้พี่ก่อนจะแสร้งเอ่ยทำลายความเงียบ      “! ผมกับยายก็คิดว่าคินขับรถออกไปไหนซะอีก ที่แท้ก็มานั่งประกอบหุ่นให้น้องไวน์นี่เอง” “เอ่อ...พอดีว่าแม่ทัพสั่งไอรอนแมนมาตัวหนึ่ง แล้วทางร้านส่งมาให้สองตัว ผมเห็นว่าน้องไวน์ชอบก็เลยรับซื้อเอาไว้น่ะครับ” ภาคินรีบออกตัว เพราะกลัวว่าสินชัยจะเริ่มระแคะระคายเรื่องที่ตนแอบชอบวรันยา “แหม...บังเอิญจังเลยเนาะ” กังศมาที่เงียบมานานเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ ขณะที่ภายในใจเริ่มจะมองเห็นเค้าลางของปัญหา ที่คิดว่าคงจะเกิดขึ้นในเร็วๆ วันนี้  ‘เฮ้อ...หวังว่าเราคงไม่โดนถอนหงอกตอนแก่เพราะตาคินหรอกนะ’ “เอ่อ...” ภาคินอึกอักอย่างไปไม่ถูก เมื่อผู้เป็นยายกระโดดลงมาประทานไฟคบเพลิงสมทบ สินชัยมองหน้าคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างรู้สึกมึนงง คิดว่ากังศมากับภัคคินัยอาจจะนอยด์ที่ภาคินแอบมาทำเซอร์ไพรส์ โดยไม่บอก “น้องไวน์ขอบคุณพี่เขาสิลูก” “ขอบคุณค่ะพี่คิน” วรันยาจำใจยกมือไหว้อีกฝ่ายอย่างไม่มีทางเลี่ยง ขณะที่ภายในใจกำลังขบคิดว่าจะเอาหุ่นไอรอนแมนตัวใหญ่นี้ไปตั้งไว้ตรงไหน? “ไม่เป็นไรครับ” ภาคินจ้องมองใบหน้างามอย่างรู้สึกน้อยใจ ที่เห็นอาการตื่นเต้นเมื่อก่อนหน้าหายไปจนหมดสิ้น หลังรู้ว่าตนเป็นคนให้ “ยายว่ากุ้งกับปลาหมึกน่าจะสุกแล้วนะคิน” กังศมารีบบอก เมื่อเห็นหลานชายเอาแต่จ้องใบหน้าของวรันยานิ่ง ประหนึ่งว่าบิดาของสาวเจ้าไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้ด้วย “เอ่อ...ครับ ทุกคนไปนั่งรอที่โต๊ะเถอะ เดี๋ยวผมรับหน้าที่ย่างของทะเลให้เอง” หนุ่มหล่อเสน่ห์แรงเดินกลับไปที่เตาย่าง แล้วคีบกุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ที่สุกได้ที่ใส่ลงในจาน “น้องไวน์ไปช่วยพี่คินดูของย่างหน่อยสิลูก” สินชัยเห็นสีหน้าของชายหนุ่ม ดูเศร้าลงไปถนัดตา ก็รู้สึกไม่สบายใจ   “ค่ะคุณพ่อ” วรันยาลุกขึ้นอย่างว่าง่าย เพราะเวลาอยู่ต่อหน้าบิดาเธอกับภาคินจะเก็บอาการไม้เบื่อไม้เมา แต่ลับตาเมื่อไหร่ก็จะฉะใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร “นี่ครับ” ภาคินส่งจานกุ้งเผาให้สาวเจ้าเอาไปเสิร์ฟ “ขอบคุณนะคะ สำหรับไอรอนแมน” วรันยาส่งยิ้มบางๆ ให้กับคนที่กำลัง ดราม่าเรียกคะแนนสงสาร ซึ่งก็คงจะมีแต่บิดาของเธอเท่านั้นที่อินตามอีกฝ่าย “พี่นึกว่าไวน์ไม่อยากได้ซะอีก” คนได้ที่กำลังก้มหน้าก้มตาย่างของทะเล แอบยิ้มกริ่มในใจที่สาวเจ้ามาง้อ ‘บะ! พรุ่งนี้สั่งเทพเจ้าสายฟ้ากับกัปตันอเมริกามาให้อีกอย่างละตัวดีไหมวะ!’ “แหม...อยากได้สิคะ นี่ไวน์ก็กำลังคิดว่าจะเอาไปตั้งไว้ตรงไหนดี ระหว่างสนามหญ้าที่หน้าบ้านกับหน้าห้องน้ำ” วรันยายิ้มเยาะ ‘นี่คิดจริงๆ เหรอว่าคนอย่างเธอจะยอมญาติดีด้วยเพราะหุ่นแค่ตัวเดียว หึ! บัญชีความเลวที่เคยกลั่นแกล้งเธอมาตั้งแต่เด็ก ให้นั่งเล่าสามวันยังเล่าไม่หมดเลย’ “ไวน์!” ภาคินหน้าตึงขึ้นมาทันทีทันใด หลังจากได้ยินน้ำคำที่เชือดเฉือนความรู้สึกดีๆ ที่ตั้งใจจะมอบให้ ‘อะไรกันวะ ทีพี่รัญกับไอ้นัยแหย่เล่นไม่เห็นเคยโกรธ แต่กับเราทำไมถึงแค้นฝังใจนัก’ “กุ้งจะไหม้แล้วค่ะ” วรันยาบอกก่อนจะเดินถือชามใบใหญ่ไปเสิร์ฟให้กับ  ทุกคน ที่กำลังคุยเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศอังกฤษกันอย่างออกรส “น้องไวน์เอาเครื่องดื่มไปให้พี่เขาหน่อยเร็ว เดี๋ยวคอแห้ง” สินชัยหันไปมองชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยไหว้วานบุตรสาวอีกครั้ง “ได้ค่ะ” วรันยาหยิบกระป๋องเบียร์เย็นๆ จากในถังแช่ เดินเอาไปให้คนที่กำลังมองเธอด้วยสายตาตัดพ้อ “พ่อบอกให้เอามาให้ค่ะ” เธอบอกพร้อมกับ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม