“ข้าพึ่งจะเคยเห็นชายาเอกของชินอ๋องก็วันนี้ เอ่ยว่างามล่มเมืองคงไม่เกิน”
“นั่นสิ ถูกต้องแล้วที่ท่านอ๋องไม่ยอมให้ออกจากจวน”
“ย่อมต้องงาม มิเช่นนั้นท่านอ๋องคงไม่หนีไปหาก่อนวันแต่งกับพระชายาจาง” เสียงพูดคุยของแขกในงานเลี้ยงวันเกิดขององค์ชายรอง เฉิงเยว่เทียน เต็มไปด้วยเรื่องของชิงหรู
ผู้คนล้วนเห็นหน้าค่าตาชายาเอกชินอ๋องเต็มตาวันนี้วันแรก ทั้งยังย้อนความไปถึงสกุลเดิม เอ่ยชื่นชมเสนาบดีเกาที่เลี้ยงดูบุตรอนุมาได้ดีถึงเพียงนี้ ทำเอาตาแก่หนวดขาวนั่งยิ้มพอใจกับคำชม จนชิงหรูนึกอยากแหกหน้ากากของบิดาเฮงซวย ที่ให้สินเดิมมาเป็นก้อนหินก้อนกรวด
แต่ก็ต้องทนนั่งคลี่ยิ้มเป็นรูปปั้น เพราะวันนี้นางมาในฐานะชายาที่ดีของหัวเซ่อชินหวัง ชินอ๋องของแคว้นหลัวเป่ย
“ท่านมางานเลี้ยงวันเกิดน้องชาย ท่านไม่มีของขวัญมาให้หรือ” เกาชิงหรูขยับจัดอาภรณ์ที่แสนจะรุ่มร่าม ขยับเข้าไปกระซิบสวามีที่นั่งจิบชาอยู่ข้างๆ
เฉิงจื่อหานสวมชุดโทนสีดำ เย็บด้วยดิ้นไหมสีทองโดดเด่น ซ้ำยังปักลวดลายมังกรเทียบเคียงกับองค์ฮ่องเต้ของแคว้น แม้จะมิใช่มังกรเต็มตัว แต่ก็มิค่อยเหมาะสมเท่าใดนัก ส่วนชุดที่เกาชิงหรูสวมใส่ก็ไม่น้อยหน้า ตัดเย็บด้วยช่างฝีมือดี ลวดลายประณีตไม่ต่างกัน
ไม่ว่าผู้ใดพบเห็นก็ต้องยกให้เป็นชุดที่งดงาม ติดที่ว่าเป็นสีขาวทั้งตัวราวกับชุดไว้ทุกข์
“ระวังคำพูด”
“จิ๊ ท่านอ๋องมีของขวัญมอบให้องค์ชายรองหรือยังเพคะ” คำพูดถูกปรับเปลี่ยนทันที เพราะหลังจากวันที่ชิงหรูรู้ว่าต้องมาร่วมงานด้วย นางก็ถูกขันทีหูตู๋พาไปปรับทัศนคติเสียยกใหญ่
“หูตู๋เตรียมไว้แล้ว”
“เช่นนั้นข้าฝากผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ไปด้วยได้หรือไม่” คนงามยื่นของที่เตรียมมา ไปตรงหน้าสวามี
เป็นธรรมดาที่นักเขียนจะมีตัวละครที่ชื่นชอบ นางเองก็เช่นกัน ตั้งใจสร้างสรรค์ตัวละครเฉิงเยว่เทียนออกมาในแบบที่ตัวเองชอบ ทั้งนิสัย รูปร่างหน้าตา และยศถาบรรดาศักดิ์ ทุกสิ่งล้วนถูกใจนางทั้งสิ้น
แม้ว่าวันนั้นจะแอบได้ยินเรื่องที่ไม่ดี แต่นางจะไม่ตัดสินอีกฝ่ายเพียงเพราะคำพูดของผู้อื่น
“ปักผ้าเช็ดหน้าให้...เจ้าหยามข้าเกินไปกระมัง” คนฟังกัดฟันพูด สตรีแต่งงานแล้วคนใด ปักผ้าเช็ดหน้าให้ชายอื่นบ้าง นี่มันหยามน้ำหน้าสามีตนเองชัดๆ
“ข้า- หม่อมฉันเปล่านะเพคะ เห็นว่าเป็นวันเกิดองค์ชายรอง หม่อมฉันไม่มีของมามอบให้ เลยให้สิ่งนี้”
“ไม่มีก็ไม่ต้องให้!” จื่อหานคว้าเอาผ้าเช็ดหน้าปาทิ้งลงพื้น ก่อนจะใช้เท้าเหยียบซ้ำอีกที ทำเอาเจ้าของถึงกับโมโหจนแทบจะระเบิด
“นี่ท่าน!!!” หากไม่ติดว่าอยู่ในงาน ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้ดูรักใคร่กัน นางจะทุบสักที!
สายตาดุจพยัคฆ์จ้องกระต่ายตัวน้อยที่หงุดหงิดงุ่นง่าน สุดท้ายก็ไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่สะบัดหน้าหนี พร้อมกับยกสุราขึ้นดื่มหมดจอก
“หึ” ดูจากสีหน้าบิดเบี้ยวนั่น นางคงไม่รู้ว่าในจอกเป็นสุรา จื่ออ๋องกระตุกยิ้มขบขันภรรยาอยู่มานาน กระทั่งเจ้าของงานเดินมาทักทายแขก
“ถวายพระพรเสด็จพี่ ขอบพระทัยที่เมตตาเจียดเวลามางานเลี้ยงของข้า” เฉิงเยว่เทียน องค์ชายรองแคว้นหลัวเป่ย ประสูติจากสนมขั้นหวงกุ้ยเฟย เมิ่งเผิงเซียน
แคว้นหลัวเป่ย ปกครองโดยราชวงศ์เฉิงมานานนับร้อยปี ปัจจุบันเป็นองค์ฮ่องเต้เฉิงจวินหลงที่ปกครองไพร่ฟ้า ทว่าตำแหน่งหงส์เคียงบัลลังก์ยังคงเว้นว่าตั้งแต่ที่เวินฮองเฮา พระมารดาของชินอ๋องหรือองค์ชายใหญ่ของแคว้นสิ้นพระชนม์ไป
หลายคนเอ่ยว่าฝ่าบาทยังคงทำใจไม่ได้ที่ฮองเฮารักจากไป จึงไม่คิดจะแต่งตั้งผู้ใดขึ้นมาแทนที่
นอกจากองค์ชายใหญ่และองค์ชายรองของแคว้น องค์ฮ่องเต้ก็มีพระโอรสนับไม่ถ้วน ทว่าส่วนใหญ่ร่างกายมิใคร่จะแข็งแรง ลาโลกไปตั้งแต่ยังไม่เติบใหญ่ บัดนี้จึงมีโอรสสืบสกุลเพียงสี่คน และพระธิดาอีกหนึ่งคนเท่านั้น
“อืม” เฉิงจื่อหานตอบรับในลำคอ
“เจ้าห้า เจ้าเก้า น้องหญิง ข้าเองก็ขอบใจเจ้าที่มาร่วมงานเลี้ยงของข้า” องค์ชายรองหันไปทักทายน้องชายน้องสาว
“ข้าย่อมต้องนำของขวัญมาให้พี่รอง” เฉิงต้าซาน องค์ชายห้าที่มีอายุเพียงสิบแปดหนาว ขนาบข้างด้วยน้องชายและน้องสาวตัวน้อย
องค์ชายเก้า เฉิงหยางเว่ย เด็กชายอายุหกหนาว และองค์หญิงน้อยเฉิงเฟิ่งจิน อายุเพียงห้าหนาวเท่านั้น
เกาชิงหรูเห็นท่าทียิ้มแย้ม ใส่ใจพี่น้องของพระเอก จิตใจที่เอนเอียงก็ยิ่งลุ่มหลง ภูมิอกภูมิใจ สายตาที่มองไปยังเฉิงเยว่เทียนจึงมีแต่ความชื่นชม ทว่ารอยยิ้มก็ต้องหดหายไปเพราะก้อนดำมืดที่นั่งข้างๆ
“จะพูดคุยกันอีกนานหรือไม่ หากงานเลี้ยงจบแล้วข้าจะได้กลับ”
“เอ่อ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” เฉิงเยว่เทียนยกยิ้มให้บรรดาพี่น้อง แล้วจึงกลับเข้าไปนั่งที่ของตนเอง
เกาชิงหรูถึงกับถอนหายใจใส่สวามี สมแล้วที่เป็นตัวร้ายของเรื่อง ดูองค์หญิงองค์ชายน้อยตื่นกลัวกันใหญ่
แต่จะโทษใครได้ ก็นางสร้างตัวละครนี้ขึ้นมาเอง อยากให้จื่อหานเป็นตัวร้าย เป็นองค์ชายใหญ่ที่ประสูติจากฮองเฮาของแคว้น ถูกกำหนดมาให้เป็นผู้สืบทอดบัลลังก์ อยู่สุขสบาย มีผู้คนรายล้อมตั้งแต่เกิด ทำให้จื่อหานกลายเป็นคนเอาแต่ใจ
แม้เติบใหญ่ขึ้นมา มารดาจะตายจาก ทว่าความเก่งกาจ โหดเหี้ยมเรื่องการรบ ก็เสริมให้เขาโดดเด่นกว่าองค์ชายพระองค์อื่น จนได้รับตำแหน่งเหอซั่วชินหวัง และคาดว่าอย่างไรก็ต้องได้รับเลือกเป็นองค์รัชทายาทไม่ผิดแน่
นึกไปก็สงสารอยู่ไม่น้อย ถูกสร้างมาเพื่อให้คนเกลียด
“เริ่มงานเลี้ยง!” เสียงประกาศของขันทีจวนองค์ชายรอง ดึงให้ชิงหรูหันไปมองกลางลานพิธี ตัวแทนขันทีจากตำหนักต่างๆ ในวัง ล้วนเดินเรียงรายกันเข้าไปมอบของขวัญให้กับเฉิงเยว่เทียน ไม่เว้นแม้แต่เสวียนกงกงที่เป็นตัวแทนขององค์ฮ่องเต้
ทว่าของขวัญที่โดดเด่นที่สุดในงาน คงไม่พ้นของขวัญจากพระชายาจางหลี่กวง
“ของมีค่าองค์ชายล้วนได้รับจากทุกท่านไปแล้ว หม่อมฉันจึงมิอาจสรรหาสิ่งที่พระองค์ขาดได้ วันนี้จึงเตรียมการร่ายรำมาเป็นของขวัญให้องค์ชายเพคะ” รอยยิ้มหวานหยดส่งไปให้สวามี ก่อนจะเริ่มขยับโยกย้ายตามจังหวะบรรเลงดนตรี ทุกการเคลื่อนไหวดึงดูสายตาผู้คนให้มองไปที่นาง ไม่เว้นแม่แต่เกาชิงหรู
สมแล้วที่เป็นนางเอกของเรื่อง ความงามไม่เป็นรอง ความสามารถไม่เป็นสอง ชายาเอกชินอ๋องยิ้มหน้าระรื่น มือเล็กหยิบกินขนมไปด้วย ดูการแสดงไปด้วยอย่างเพลิดเพลิน
ทว่ายามที่เสียงกลองตีสะบัดเพิ่มจังหวะเร็วขึ้น ความคิดหนึ่งก็เล่นเข้ามาให้หัวเล็ก เนื้อเรื่องในนิยายหลังจากที่เกาชิงหรูตายไป เฉิงจื่อหานได้ชิงตัวจางหลี่กวงแต่ล้มเหลว เรื่องครานั้นทำให้จื่อหานถูกบิดาปลดจากตำแหน่งและเนรเทศไปอยู่ชายแดน ห้ามกลับเข้าเมืองหลวงโดนเด็ดขาด
“ทำไมพึ่งคิดออกนะ”
“ยิ้มอันใดของเจ้า น่าเกลียดนัก”
“เปล๊า~” เกาชิงหรูหุบยิ้มชั่วร้ายทันที
จื่อหานจึงได้แต่ส่ายหน้าแล้วหันไปดูการแสดงต่อ เปิดโอกาสให้ชิงหรูได้ทำตามแผนการที่คิดไว้
“จางหลี่กวง นางงามใช่หรือไม่” ร่างเล็กขยับไปชิดสวามีอีกคืบ พลันกระซิบถามข้างหู
“...” ตาคมปรายมองชายาเพียงครู่เดียว ก็กลับไปมองการแสดงต่อ
“คนงามย่อมเหมาะกับบุรุษองอาจเช่นท่านอ๋องมิใช่หรือเพคะ”
“...”
“น่าเสียดายจริงๆ ที่นางต้องอยู่กับบุรุษแสนธรรมดาอย่างองค์ชายรอง” ปากเล็กยังขยับพูดไม่หยุด
หากว่าการยุยงครั้งนี้สำเร็จ เฉิงจื่อหานวางแผนฉุดจางหลี่กวง จนได้รับโทษเนรเทศออกนอกเมือง ถึงครานั้นนางจะตามไปด้วยแล้วหลบหนี เท่านี้ชีวิตของนางก็เป็นอิสระแล้ว
หลังจากนั้นก็เดินทางเล่านิทานให้เด็กๆ ฟัง ออกท่องเที่ยวไปทั่วยุทธภพ-
“เพ้อเจ้อ”
“ท่านว่าสิ่งใดนะ!”
“สตรีจืดชืดย่อมเหมาะสมกับบุรุษธรรมดา” มือหนากระดกสุราเข้าปากอย่างไม่แยแส สร้างความมึนงงให้กับคนคิดแผนการเข้าไปอีก
เหมาะสมแล้วอย่างนั้นหรือ ไม่มีทาง หากเป็นเฉิงจื่อหานในนิยายเรื่องครองรัก อย่างไรก็ไม่มีทางคิดเช่นนั้นเป็นแน่ หรือนางไม่ได้หลุดเข้ามาในนิยายเรื่องครองรัก แต่เหตุใดตัวละครทุกตัวจึงอยู่กันครบเล่า
เป๊าะ!
“โอ๊ย!” ชิงหรูลูบหน้าผาก
“นั่งอยู่ข้างกายข้า อย่าทำหน้าเหมือนกระต่ายท้องผูก เท่านี้คนทั้งเมืองก็เล่าลือว่าข้าปฏิบัติกับเจ้าไม่ดีอยู่แล้ว”
“บอกดีๆ ก็ได้ ไม่เห็นต้องทำร้ายร่างกายกันเลย” ชายาตัวน้อยถอยออกห่าง ก่อนจะปรับสีหน้าตามที่ถูกสั่ง ทว่าในหัวยังคงคิดวนไปวนมากับเรื่องเดิมๆ
จื่อหานคงจะเก็บอาการอยู่กระมัง หากเปิดโอกาสให้ชายหญิงได้อยู่ด้วยกันลำพัง ความรู้สึกรัก ความรู้สึกหวงแหนอดีตคู่หมั้นคงปะทุขึ้นมาได้ง่ายๆ
ต้องลองเสียหน่อยแล้ว
“พระชายารออยู่ที่ศาลาฟากตะวันตกแล้วเพคะ” นางกำนัลจวนองค์ชายรองเดินมาแจ้งให้ชิงหรูทราบ
“อืม เจ้ามีสิ่งใดก็ไปทำเถิดข้าจะไปพบพระชายาจางเอง” ชิงหรูส่งยิ้มหวานไปให้นางกำนัลที่ก้มคำนับแล้วถอยจากไป
“พระชายาคิดจะทำสิ่งใดเพคะ” เหมียนเหมียนถามผู้เป็นนาย
“เรื่องของข้า เจ้ามีหน้าที่ทำตามที่ข้าบอกก็แต่ทำตามเท่านั้น ไปเรียกรถม้าของจวนมารอรับข้ากับท่านอ๋อง” ชิงหรูชักสีหน้าไม่พอใจ เพราะนางก็พึ่งรู้ว่าแท้จริงแล้วเหมียนเหมียนมิใช่คนในจวนอ๋อง แต่เป็นสาวใช้ของเกาชิงหรูที่ติดตามมา แล้วแปรพักตร์ไปประจบเถียนซู
เพราะในนิยายไม่ได้ลงลึก ตัวประกอบบางคนจึงไม่มีชื่อเสียด้วยซ้ำ นางมารู้อีกทีก็ยามที่ท่านอ๋องสั่งให้เหมียนเหมียนกลับมาปรนนิบัตินาง โดยเฉพาะวันที่ต้องออกงานเช่นนี้
“เพคะ”
“ชิ บ่าวทรยศ” ชายาอ๋องเบะปากตามหลัง นางจะให้เหมียนเหมียนมาทำเสียเรื่องไม่ได้เด็ดขาด
ก่อนหน้านี้ชิงหรูขอให้นางกำนัลในงานไปแจ้งกับจางหลี่กวงว่ามีเรื่องจะสนทนาด้วย ทางนั้นจึงตอบกลับมาว่าจะอยู่ที่ศาลาริมน้ำฟากตะวันตกรอ ชิงหรูจึงทำตามแผน บอกกับสวามีว่าจะไปรอที่นั่น
หมายความว่าหากเกาชิงหรูไปรอที่อื่น จางหลี่กวงกับเฉิงจื่อหานก็จะได้พบกันโดยบังเอิญ ได้พูดคุยกันสองต่อสอง ครานี้อย่างไรความรู้สึกเก่าก่อนก็ต้องลุกโหมขึ้นมา อ๋องอำมหิตนั่นต้องวางแผนฉุดนางเอกของเรื่องเป็นแน่
“ข้านี่ฉลาดจริงๆ” เท้าเล็กก้าวย่างมุ่งไปยังศาลาอีกฟากกับที่นัดหมาย อยู่รอที่นี่จะได้มีข้อแก้ตัวว่าหลงทิศหลงทาง คิดว่าที่นี่เป็นจุดนัดพบ
สาวงามก้าวขึ้นมาบนศาลา เดินสำรวจเพียงเล็กน้อยก็ไปหยุดอยู่ริมระเบียง ชะโงกดูปลาที่แหวกว่ายอยู่ในน้ำนิ่งสงบ แม้จะเป็นช่วงกลางคืนทว่าแสงจันทร์กลับสาดส่องจนเห็นทุกอย่างชัดเจน
“พี่สะใภ้ เหตุใดมาอยู่ที่นี่เล่า”
“องค์ชายรอง” เสียงนุ่มเรียกให้เกาชิงหรูหันกลับไปมอง จึงพบเข้ากับพระเอกของเรื่อง
“วันนี้ขอบใจท่านมากที่มางานวันเกิดของข้า”
“ยินดีเพคะ” รอยยิ้มเจิดจ้าถูกส่งไปให้เจ้าของงาน ตอบแทนที่เขาส่งยิ้มอ่อนโยนมาให้นาง
“เมื่อครู่ท่านดูสิ่งใดอยู่หรือ”
“อ่อ หม่อมฉันดูปลาเพคะ ปลาที่นี่มีเยอะมาก”
“หากท่านชอบ ข้าจะให้คนนำไปให้ที่จวน”
“จริงหรือเพคะ ขอบพระทัยองค์ชายรอง...เอ่อ แต่คงจะไม่ได้” เกาชิงหรูทำหน้าเศร้า สภาพของนางในตอนนี้เลี้ยงตนเองยังไม่รอดเลย จะเอาเจ้าปลาไปเลี้ยงน่าสงสารเสียเปล่าๆ
“เหตุใดเล่า หากพี่สะใภ้กลัวพี่ใหญ่จะว่า ข้าจะบอกเขาให้ว่าเป็นของที่ข้าตั้งใจมอบให้เพื่อขอบคุณที่พวกท่านมางานเลี้ยง”
“ไม่จำเป็น” เสียงทุ้มติดหงุดหงิดดังขึ้น พร้อมกับร่างใหญ่ที่ทำหน้าราวกับเสือท้องผูก หัวคิ้วชน เดินตึงตังเข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเขา ทั้งยังดันชิงหรูแทบกระเด็น
“...”
“ปลาไร้ประโยชน์เพียงไม่กี่ตัว ข้ามีปัญญาซื้อให้ชายาของข้า”