“อยากได้เงินสินะ”
“จะพูดเช่นนั้นก็ไม่ผิด แต่ก็ถือเสียว่าจ้างข้าลบข่าวลือเสียๆ หายๆ พวกนั้นให้ท่าน ไม่ดีหรือไรเล่า”
“...” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับเป็นผู้คุมหมากในกระดานของเกาชิงหรู สร้างความแปลกใจให้กับชินอ๋องของแคว้นไม่น้อย ทั้งที่มองว่าอีกฝ่ายเป็นคุณหนูจืดชืดในห้องหอ พอได้สัมผัสอีกด้านของนาง ทำเอาแววตาเปล่งประกายขึ้นมาทันใด
“ถ้าท่านไม่ให้ พรุ่งนี้อาจจะข่าวลือว่าชินอ๋องแคว้นหลัวเป่ยปฏิบัติไม่ดีกับชายา เบี้ยหวัดไม่ให้ เรือนดีๆ ก็ไม่คิดจะให้อยู่-”
“เจ้ามันน่าตายนัก” ถุงเงินถูกโยนไปตรงหน้าของสตรีเจ้าเล่ห์
“ขอบพระทัยเพคะ” พอเปิดดูเห็นจำนวนเงินด้านในก็ยิ้มร่า รีบเอ่ยขอบคุณสวามีด้วยถ้อยคำที่ถูกต้อง ซึ่งตั้งแต่เข้ามาอยู่ในร่างนี้นางแทบจะไม่พูดคำสำหรับเชื้อพระวงศ์พวกนั้นเลย
พูดน่ะพูดได้ แต่ไม่ถนัดก็เท่านั้น
“จะไปที่ใดก็ไป”
“เพคะๆ” เห็นร่างกำยำเปลือยท่อนบน นั่งนิ่งให้สาวใช้อุ่นเตียงปลุกอารมณ์ ชิงหรูก็นึกละเหี่ยใจกับความบ้าตัณหาของบุรุษผู้นี้ ถึงขั้นให้สาวใช้อุ่นเตียงขึ้นมาปรนนิบัติต่อหน้าชายาเอก ชักจะเกินไปจริงๆ
แต่นั่นมิใช่เรื่องของนาง ในเมื่อได้เงินแล้วก็ไม่จำเป็นต้องสนใจ
“ไปสิ จะรอดูหรือไร”
“มิกล้าๆ ขอให้ท่านอ๋องสุขสำราญ” เห็นชายหนุ่มเลิกคิ้วมอง ชิงหรูจึงรีบตอบกลับ แต่มิได้ว่าเปล่า นางยังยื่นมือไปเขี่ยเม็ดไตสีคล้ำที่ตัวเองเคยกัด ก่อนจะวิ่งออกจากสวนอย่างไม่คิดชีวิต
เสียงตะโกนเรียกดังลั่นสวนเช่นนั้น หากช้าเพียงครึ่งก้าว นางคงกลายเป็นปุ๋ยใต้ต้นมะม่วงเป็นแน่
หลังจากที่ได้เงินมาวันนั้น ชิงหรูก็วุ่นอยู่กับการซื้อของเข้าเรือนท้ายจวนของตัวเอง พ่อค้าต่างก็พากันนำสินค้ามาส่งที่จวนอ๋องไม่เว้นวัน ทั้งเครื่องนอน ของใช้ที่จำเป็น ไหนจะจ้างช่างเข้ามาเนรมิตซ่อมแซมเรือนทรุดโทรมให้กลายเป็นใหม่เอี่ยมในทันตา
แต่ก็นะ หมดไปหลายตำลึงทองเลยทีเดียว
“คุณหนูมาแล้ว!”
“เหตุใดเด็กมากมายเช่นนี้เล่า” เกาชิงหรูตกใจ เมื่อเดินไปถึงหน้าเรือนท่านน้าผิน แล้วเห็นว่าเสี่ยวฉีเดินนำเพื่อนๆ มานับสิบคน
“ข้าพาเพื่อนๆ มาฟังด้วยขอรับ แต่ตอนก่อนหน้าข้าเล่าให้พวกเขาฟังแล้ว รอเพียงคุณหนูมาเล่าต่อเท่านั้น”
“ฮ่าๆ เข้าใจแล้วๆ เช่นนั้นก็มาทางนี้เถิด” เด็กวัยเดียวกันกับเสี่ยวฉีเงยหน้ามองด้วยแววตาคาดหวัง เกาชิงหรูจึงไม่ได้ปฏิเสธ เพราะไหนๆ ก็ตั้งใจแวะมาเล่านิทานให้เสี่ยวฉีฟังแล้ว จะมีเด็กมาฟังเพิ่มก็ไม่เสียหาย
ชายาอ๋องพาเด็กน้อยไปนั่งใต้ต้นไม้ บริเวณเดียวกับที่นักเล่านิทานเคยมา ก่อนจะเริ่มเล่าเรื่องราวการแข่งขันแสนสนุกของเจ้าเต่า
“เจ้าเต่าฉลาดหลักแหลมมาก”
“เห็นหรือไม่ แม้จะวิ่งไม่เร็วเท่ากระต่าย แต่เจ้าเต่ามีความคิดที่สร้างสรรค์ หาเครื่องทุ่นแรง มาช่วยจนครั้งนี้เอาชนะเจ้ากระต่ายได้”
“เจ้าค่ะ ข้าอยากทำรถล้อมานั่งอย่างที่เจ้าเต่าทำบ้าง” เด็กชายหญิงต่างก็พากันหัวเราะรื่นเริง เอาแต่พูดถึงเรื่องที่ชิงหรูเล่า
กระทั่งดวงอาทิตย์เริ่มตกดิน บิดามารดาของเด็กๆ ก็พากันมารับบุตรกลับเรือน บางคนก็มีผลไม้มาฝาก ถือเป็นน้ำใจที่ช่วยมาเล่าเรื่องให้เด็กๆ ฟัง
เกาชิงหรูเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะพวกเขาเอ่ยว่าเป็นของที่เก็บจากไร่จากสวน และตั้งใจนำมาให้จากใจจริง นางจึงรับเอาไว้
“วันหลังแวะมาอีกนะขอรับ พี่ชิงชิง” พอเริ่มสนิทสนมกัน สรรพนามก็เปลี่ยนไป
“เข้าใจแล้ว เสี่ยวฉีเองก็เป็นเด็กดี ช่วยแม่ทำงานเล่า” เอ่ยลาเพียงเท่านั้น ชิงหรูก็เร่งเดินกลับจวน เวลาเย็นเช่นนี้ร้านค้าในตลาดก็เริ่มปิดแล้ว จะมีก็แต่เหล่านางโลมที่มายืนหน้าร้าน รอต้อนรับแขก
ซึ่งวิถีชีวิตเช่นนี้เกาชิงหรูมิได้แปลกใจเท่าใด จึงเพียงหันมองและเดินผ่านอย่างเคย ทว่าวันนี้หูเจ้ากรรมกลับได้ยินชื่อที่คุ้นหู จังหวะการก้าวเดินจึงเชื่องช้ากว่าปกติ
“วันนี้องค์ชายรองจะมาอีกหรือไม่”
“คงไม่ เมื่อคืนพระชายามาอาละวาดถึงที่” เสียงพูดคุยของนางโลมสาวสร้างคำถามในใจชิงหรูมากมาย ไม่รู้ว่าองค์ชายรองและพระชายาที่ว่า เป็นเฉิงเยว่เทียนกับจางหลี่กวง พระนางของนิยายเรื่องนี้หรือไม่
“ไม่คิดเลยว่าสตรีอ่อนหวานเช่นพระชายาจะโหดร้ายเช่นนี้”
“นั่นสิ สมแล้วที่องค์ชายรองจะเก็บกดจนต้องมาปลดปล่อยที่หอของพวกเรา คิก!”
เกาชิงหรูถอนหายใจหนัก ก้าวย่างผ่านสตรีเหล่านั้นมา เฉิงเยว่เทียนเป็นคนที่รักมั่น เขาไม่มีสัมพันธ์กับสตรีนางใดยกเว้นนางเอกของเรื่อง แล้วทั้งคู่จะทะเลาะกันเรื่องเข้าหอนางโลมได้อย่างไร
ดวงใจน้อยๆ นึกหวั่น ว่าเนื้อหาในนิยายอาจจะเปลี่ยนไปจริงๆ หรือไม่ก็เป็นนางที่เข้ามาทำให้ทุกอย่างพลิกผัน
“พระชายา เหตุใดวันนี้กลับเสียมืดค่ำเล่าขอรับ”
“อ่อ ข้าติดธุระสำคัญ เอาพวกนี้ไปแบ่งกันกินเถิด” เกาชิงหรูปัดความคิดน่าปวดหัวทิ้ง ยื่นผลไม้ให้กับทหารยามด้วยสีหน้าสดใส
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ พระชายารีบกลับเข้าเรือนเถิด เมื่อครู่กระหม่อมได้ยินขันทีหูตู๋มาตามหาท่าน”
“จริงหรือ เช่นนั้นข้าไปก่อน” ชิงหรูสาวเท้ากลับเรือนด้วยความว่องไว เพราะนางไม่ได้บอกขันทีหูตู๋ไว้ว่าจะออกไปด้านนอก จึงไม่อยากให้ผู้ใดพบเห็น มิเช่นนั้นทหารที่ยอมปล่อยให้นางออกไปจะถูกลงโทษเอาได้
ร่างเล็กรีบย่อมเข้าเรือนท้ายจวน เมื่อเข้ามาได้โดยไม่มีผู้ใดมาพบเข้าก็ถอนหายใจโล่งอก แต่ขณะที่กำลังจุดไฟในตะเกียงอยู่นั้น...
“ไปที่ใดมา”
“กรี๊ดดดด อื้อ!” ปากเล็กถูกมือปริศนาปิดไว้
“จะเสียงดังให้ซ่งเหยียนพาคนมาอีกหรือไร เงียบ!”
“ทะ ท่านเข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง ตกใจหมด” มือเรียวตบอกปลอบใจตัวเอง
“อย่าพูดจาเฉไฉ ไปที่ใดมา”
“ข้าไปเล่านิทานให้เด็กๆ ที่หมู่บ้านหลังตลาด แต่ไม่ได้แจ้งขันทีหูตู๋ไว้เลยต้องแอบเข้ามา มิเช่นนั้นทหารยามคงโดนลงโทษ” ชิงหรูผละออกห่างร่างใหญ่
“รู้ แต่ก็ยังคิดจะทำให้ผู้อื่นลำบาก”
“ขอโทษๆ ข้าน้อยผิดไปแล้ว ท่านมีสิ่งใดก็ว่ามา ข้าอยากพักเต็มที” ชายาอ๋องเหนื่อยมาทั้งวัน กะจะให้สวามีพูดเรื่องที่ต้องการแล้วกลับไปให้เร็วที่สุด
โดยไม่ได้ฉุกคิดเลยว่าเหตุใดอีกฝ่ายไม่สอบถามเรื่องที่นางแอบออกไปด้านนอกให้ชัดเจนกว่านี้ ราวกับว่ารู้ทุกสิ่งอยู่แล้ว
“หึ ข้ามิได้อยากมาเหยียบที่นี่หรอก”
“เช่นนั้นก็รีบว่ามา จะได้กลับไปเสียที”
“อีกสามวันจวนเจ้ารองจะจัดงานฉลอง เจ้าต้องไปกับข้า”