“น่าสนใจดีนี่เดี๋ยวจะคิดดูอีกที”
ร็อกบอกราวกับจะให้ความหวังเธอแล้วเดินจากไป ธาราทิพย์มองตามหลังแล้วพึมพำบ่นไล่หลังไปด้วย เขาไม่ได้กักขังเธอ แล้วยังปล่อยให้เดินรอบ ๆ บ้านได้โดยไม่มีคนคอยเฝ้าอย่างที่เข้าใจในทีแรก ถึงอย่างนั้นก็มีพวกคนงานกล้ามล่ำ ๆ นั่งเป็นกลุ่มราวสิบคนได้ตรงใต้ต้นไม้ใกล้ ๆ บ้าน ทีแรกเธอนึกว่าตัวเองจะถูกล่ามโซ่เอาไว้เสียอีก
หลังจากเดินสำรวจหนทางอีกทีจนพอใจแล้วก็คิดไปว่าพรุ่งนี้เธอจะลองเดินออกไปให้ไกลกว่านี้อีกหน่อย ก่อนอื่นเลยต้องรู้ก่อนว่าตรงนี้คือที่ไหนของประเทศ และบางทีเธออาจต้องตีสนิทกับใครสักคนในนี้เพื่อสอบถามให้ได้ข้อมูลมากขึ้น
“เฮ้ เดเมียน”
ธาราทิพย์ส่งเสียงทักทายชายที่ดูท่าทางใจดีที่สุดในกลุ่ม ขณะเดินกลับเข้าบ้านมาแล้ว ก็พบว่าชายคนนั้นกำลังซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่เพียงลำพังตรงโต๊ะไม้ขนาดใหญ่กลางบ้าน เขาไม่ได้มองมาที่เธอเลยสักนิด ธาราทิพย์เลยเข้าไปใกล้ ๆ เขาอีกหน่อยแล้วเรียกขานอีกที
“เดเมียนคะ”
“เดเนียล” ชายคนนั้นแก้ไขชื่อของตัวเองแล้วถามต่อจากนั้น “ว่ายังไงหรือ”
“คุณรู้อะไรไหม ว่าคุณน่ะหน้าตาคล้ายพี่ชายของฉันมากเลยนะ” ธาราทิพย์ส่งสายตาอ่อนหวานให้เดเนียล
“อย่าเสียเวลาตีซี้กับพวกนี้เลยธารา อ้อ แล้วก็อีกอย่างนะ คุณไม่มีพี่ไม่ใช่หรือ” เสียงของร็อกดังขวางทางเธอไว้จนต้องหุบปากจนสนิท ก่อนหันไปถามเขากลับอย่างหาเรื่อง “ฉันจะต้องทำแบบนั้นไปทำไมกัน”
“ก็เพราะว่าคุณกำลังหาทางหนีออกไปจากที่นี่น่ะสิ จะบอกอะไรให้นะว่าการจะไปจากที่นี่น่ะยากมาก ๆ ยากพอ ๆ กับตอนเข้ามาเลยล่ะ แล้วที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่บ้านของผมหลังเดียว ยังมีบ้านของคนอื่นทางนู้นด้วย แล้วก็มีแรงงานต่างด้าวอีกทางโน้น”
ธาราทิพย์มองตามมือของร็อกที่ชี้ไปทางนั้นทางนี้พร้อมเบ้ปากคิดไปว่าจะขู่กันอย่างนั้นหรือ กลัวตายล่ะ “แล้วถ้าผมเจอคุณพยายามหนีล่ะก็…”
“อย่าบอกนะว่าจะฉันล่ามโซ่ไว้น่ะ”
ร็อกมองตอบเธอด้วยสายตาวาววับแล้วว่า “เป็นความคิดที่ดีนี่ธาราทิพย์”
ธาราทิพย์รู้สึกขัดเคืองใจนักก่อนจะหันหลังเดินเลี่ยงไปยังอีกทาง มองสำรวจจนพอใจแล้วค่อยเดินกลับเข้าห้องของตัวเอง จนเย็นย่ำค่ำลงแล้วเธอเดินออกจากห้องก็พบว่ากลุ่มแก๊งฝรั่งนั่งกันหน้าสลอนเลยทีเดียว แต่ก็ขาดจ่าฝูงเพียงไปคนเดียวเท่านั้น
“ไง สำรวจพื้นที่ไปถึงไหนแล้ว”
สตีฟถามเธอ มือสาละวนกับการชงเหล้าที่เคาน์เตอร์ด้านใน ธาราทิพย์หน้างอเล็กน้อยมองหาร็อก นึกโมโหที่เขาเอาเรื่องของเธอไปบอกเพื่อน ๆ ของเขา ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอคิดหนี
มองที่สตีฟพร้อมกับที่เซนส์ของเธอทำงานอย่างหนัก บอกตัวเองว่าชายคนนี้น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อยู่บ้าง และเธอก็น่าจะตีสนิทเขา เข้าพวกกับเขาให้ได้ จะได้หาทางหนีไปจากที่นี่ได้อย่างไรเล่า คิดได้อย่างนั้นแล้วก็ร้องเรียกด้วยชื่อราวกับสนิทสนมกันตัดสินใจถามออกไปว่า
“ที่นี่คือที่ไหนหรือสตีวี่”
“ถามไปก็เท่านั้นแหละคุณ ออกไปจากที่นี่ไม่ได้หรอก” สตีฟบอกสวนมาอย่างอารมณ์ดี เพราะวันนี้ครบสามวันตามคำท้าแล้วและรถของเพื่อนก็กำลังจะเป็นรถของเขาในไม่ช้า คิดไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี ก่อนยกจานกับแกล้มมายื่นตรงหน้าให้เชลยสาวหยิบกินสักคำ แต่ธาราทิพย์ไม่มีอารมณ์กินอะไรทั้งนั้น เธอส่ายหน้าแล้วบอกอย่างฉุนเฉียวไปว่า “ทำไมจะออกไปไม่ได้ เป็นเมืองลับแลหรือไง”
“ยังไงหรือไอ้เมืองลับแลอะไรเนี่ย”
สตีฟกับเจมี่แย่งกันถามด้วยท่าทางสนใจ ธาราทิพย์คลายโมโหไปได้หน่อยหนึ่งแล้วกวักมือให้นั่งลงใกล้ ๆ บอกต่อจากนั้น
“มานี่มา ฉันจะเล่าให้ฟัง”
ธาราทิพย์ลากเก้าอี้มานั่งกับหนุ่มตาน้ำข้าวแล้วถือโอกาสตีซี้กับพวกนั้นไปด้วยเลย
เกือบชั่วโมงจากนั้นร็อกค่อยเดินกลับเข้าบ้านมาแล้วเดินเลยไปทางอื่น แต่ถึงอย่างนั้นสายตาของเขาก็อดมองที่หญิงสาวคนเดียวกลางวงล้อมของเพื่อนไม่ได้
“โหย สนุกมาก มีอีกไหม ผมชอบเรื่องเล่าไทย ๆ อะไรแบบนี้นะ เหมือนกับว่าชาติก่อนผมเป็นคนไทยอย่างนั้นแหละ” สตีฟบอกพร้อมยกมือตบอกตัวเองพร้อมร้องเพลงปลุกใจของชาติไทยออกมาแบบที่ออกเสียงไม่ได้ชัดเจนเท่าไรนัก
“รักชาติไทย เกิดเป็นไทย อยู่แบบไทย เราจะตายเพื่อไทย”
“เนื้อก็ผิด ทำนองก็ผิด พอเหอะตีฟกูขอร้อง” ฮอลล์บอกพร้อมยกมือห้ามสตีฟ เพื่อนต่างชาติที่อยากเป็นคนไทยทุกลมหายใจเข้าออกจนตนเองนึกเบื่อเพื่อนเหมือนกัน
“ให้ฉันพักก่อนเดี๋ยวจะขุดมาเล่าอีก ว่าแต่ตรงนี้นี่เขาเรียกว่าอะไร คุณยังไม่ตอบฉันเลย”
"มากินข้าวด้วยกันก่อนแล้วเดี๋ยวจะตอบให้หมดเลย" สตีฟบ่ายเบี่ยงอีกครั้ง แล้วผายมือเชิญให้ไปที่ห้องกินข้าวที่ไม่ได้ไกลจากตรงที่นั่งคุยกันเมื่อครู่นี้นัก ธาราทิพย์ทำทีเป็นถามหน้าตายออกไปว่า “มีโทรศัพท์ให้ใช้ไหมคุณ”
ร็อกเดินกลับเข้ามาสมทบด้วย มองเธอนิ่ง ๆ อึดใจ ค่อยเดินไปหยิบโทรศัพท์มาส่งให้ ธาราทิพย์แทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเองที่เขายอมหยิบยื่นอะไรแบบนี้ให้
“ขอบคุณนะคะ” เธอยื่นหน้าแล้วยิ้มเฟค ๆ ส่งให้ร็อกแล้วเปิดหน้าจอขึ้นแต่ก็พบว่ามีเพียงตัวเลขบอกวันเวลาเท่านั้น ไม่ได้มีสัญญาณโทรศัพท์หรือแม้แต่สัญญาณอินเทอร์เน็ตก็ไม่มี "มันมีประโยชน์อะไร ตรงไหนเนี่ย"