9

1001 คำ
“ตรงนั้นเลยหรือครับ” “ครับ” “ยายนั่นฝากกุญแจรถไว้ แล้วก็เอากระเป๋าไปด้วยอย่างนั้นหรือ” เฌอถามต่อเมื่อรู้สึกว่าเรื่องนี้มันดูแปลก ๆ พนักงานชายยิ้มรับโดยไม่มีท่าทีพิรุธใด ๆ เลย “น่าจะ…อย่างนั้นมั้งครับ” “คงเฮิร์ทอ่ะเนอะ เลยไปหาที่พักใจ” เสียงใครสักคนที่เป็นเพื่อนของอรนุชเดินเข้ายืนฟังด้วยพร้อมสังเกตการณ์บอกเยาะหยันก่อนพากันเดินจากไปเมื่อเห็นว่าเรื่องราวไม่ได้มีอะไรน่ากังวลมากนัก แต่เฌอกับรู้สึกว่าไม่ใช่ เรื่องนี้ดูไม่ปกติ ไม่มีทางที่ธาราทิพย์จะฝากข้าวของแล้วนั่งเรือข้ามฟากไปคนเดียวแบบนั้น แต่พอคิดไปคิดมาทบทวนดูอีกทีก็พบว่าอาจเป็นไปได้ เพราะเมื่อคืนนี้เพื่อนสาวก็บอกว่าอยากปลีกตัวหลบไปพักผ่อนสักพัก เฌอมองไปยังจุดเล็ก ๆ นั่นแล้วคิดไปว่าบางทีตนน่าจะหาเรือตามไปดูเพื่อนเสียหน่อยว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรบ้างแล้ว ที่อีกด้าน นักธุรกิจหนุ่มใหญ่ที่ครองความโสดมานานกว่าหกสิบปีก็เพิ่งวางสายลงเช่นกัน เมื่อเพียรโทรศัพท์หาหญิงสาวที่ชื่อธาราทิพย์แล้วแต่ติดต่อไม่ได้เสียที “ยังติดต่อธาราทิพย์ไม่ได้อีกหรือคะ” อาภาศรีเอ่ยถามด้วยใบหน้าที่ปั้นยิ้มแทบแย่เมื่อต้องเอ่ยถามถึงหญิงสาวผู้นั้น “ไม่รู้หายไหน บอกจะไปงานเลี้ยงฉลองสละโสดของเพื่อน แล้วก็จะเข้ามาคุยเรื่องงานกัน แต่ก็ไม่มา” “ทำไมคุณห่วงแม่นั่นจังเลยคะ ไม่เห็นเหมือนเจ้านายกับลูกน้องเลย มีอะไรมากกว่านั้นที่ฉันควรต้องรู้ไหมที่รัก” ธีรัชหัวเราะน้อย ๆ แล้วถามกลับอย่างอารมณ์ดี “หึงผมหรือ” “ต้องหึงสิคะ คุณน่ะไม่เคยมองใครเลย พอมาเจอศรี คุณก็บอกว่าตกหลุมรักจังเบ้อเริ่ม รักศรีจนถอนตัวไม่ขึ้น แล้วก็ขอแต่งงาน ศรีก็ใจอ่อนยอมแต่งงานกับคุณแล้วด้วย แต่คุณก็ยังทำตัวให้ศรีไม่ไว้ใจด้วยการไปมีข่าวกับลูกน้องคนสวยอย่างแม่ธาราทิพย์นั่นน่ะ” ธีรัชยิ้มเมื่อเห็นว่าที่เจ้าสาวในอีกไม่กี่วันพูดจายาวเหยียดผิดจากธรรมชาติของหล่อน ก่อนจะดึงเข้าไปกอดให้แนบแน่นมากยิ่งขึ้น แล้วเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยนอยากให้ไว้ใจเขามาก ๆ “ไม่มีอะไรหรอก วางใจที่ผมแล้วก็ขอให้วางใจไปตลอดชีวิตได้เลย ผมไม่มีทางมีเล็กมีน้อยให้คุณต้องระคายเคืองหัวใจเป็นอันขาด ผมสัญญา” อาภาศรีดันตัวออกแล้วแสร้งทำเสียงอ่อนลง ถามย้ำไปกับหนุ่มใหญ่ผู้ร่ำรวยที่มั่นใจว่าครอบครองเขาได้แล้ว “แน่นะคะ” “แน่นอนที่สุดเลยครับ” อาภาศรีลูบไล้มือไปตามจุดก่อกำหนัดของธีรัชก่อนถามถึงเรื่องงาน “แล้วเรื่องที่ว่าจะตั้งรองประธานกรรมการกับเรื่องที่จะให้หลานสาวของศรีมาเป็นพรีเซนเตอร์ที่เครือของคุณละคะ ว่ายังไง” “เราจะพูดเรื่องงานเวลานี้ได้ยังไงกันที่รัก” ธีรัชบ่ายเบี่ยงเสียงกระเส่าก่อนช้อนร่างงามของอาภาศรีที่แม้จะอายุเข้าหลักสี่มาหลายปีแล้ว ขึ้นอุ้มแนบอกพาลงนอนที่โซฟาตัวใกล้ ๆ หลังจากนั้น คนที่หายไปจากวิลลาเพราะอยากปลีกวิเวกไปอยู่เกาะที่ไกลจากผู้คนกำลังเดินลงจากบ้านเพื่อสำรวจรอบนอกบ้าง หลังจากสำรวจในบ้านจนพอใจแล้ว และตอนนี้คนอื่น ๆ ในบ้านก็หายไปไหนกันหมดแล้วไม่รู้ ธาราทิพย์มองไปทางไหน เห็นแต่ต้นไม้สูงใหญ่ราวกับอยู่ในป่าดงดิบ หากไม่มีบ้านที่สร้างจากไม้ซุงพวกนี้ที่ตกแต่งอย่างทันสมัยพร้อมเครื่องเรือน ข้าวของเครื่องใช้ไม้สอยที่ล้วนแล้วแต่ยุคสมัยใหม่แทบทั้งสิ้น ก็อาจเข้าใจได้ว่าเธอคงกำลังติดอยู่ในป่า ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเธอถูกกักตัวมาสามวันแล้วในบ้านหลังนี้ เดินเข้า ๆ ออก ๆ สำรวจไปรอบ ๆ ก็ไม่เห็นหนทางจะหนีไปไหนได้เลย อยากรู้จริง ๆ ว่าที่นี่มันที่ไหน ทีวีรุ่นใหม่จอบางและใหญ่เกือบเต็มผนังของบ้านฝั่งนั้น เครื่องเรือนที่ลงตัวกับวัสดุที่ทำบ้าน ของตกแต่งทั้งหมดก็ดูสวยงามลานตาดี หากไม่ติดว่าเธอกำลังถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวอยู่ก็คงจะนอนเล่นน้ำที่ลำธารหน้าบ้านนี่ไปแล้ว ยกมือเท้าเอวเดินไปนั่งลงแช่ขากับสายน้ำใสและเย็นฉ่ำที่ไหลผ่านไปเรื่อย ๆ มองไปรอบ ๆ ไม่เห็นว่ามีใครคอยเฝ้าจึงทำทีเป็นลุกแล้วเดินไปยังทางที่เป็นถนนเส้นเล็กที่น่าจะใช้สัญจรออกไปยังด้านนอก ขณะก้าวขาไปตรงทางนั้นเองก็ต้องชะงักสะดุ้งตกใจกับเสียงที่ด้านหลัง “จะไปไหน” เสียงถามดังมาจากนายหัวหน้าฝรั่งแน่นอน ไม่ต้องหันไปมองหรอกธาราทิพย์ เธอจำเสียงนั้นได้ หญิงสาวบอกกลับด้วยน้ำเสียงเซ็ง ๆ “ฉันจะไปไหนได้ ป่ากว้างใหญ่ออกขนาดนี้” บอกเขาไปแล้วก็ถือโอกาสถามเสียเลย “ยายส้มจ้างคุณมาเท่าไร” ร็อกมองเธอนิ่งด้วยสายตาสำรวจ มุมปากของเขาขยับยกขึ้นนิด ๆ ก่อนถามกลับ “จะให้กี่เท่าลองบอกมา” ธาราทิพย์กวาดสายตามองขึ้น ๆ ลง ๆ อย่างประเมินราคาแล้วเอ่ยไปว่า “ให้สองเท่าเลย เอาไหม” “น่าสนใจดีนี่เดี๋ยวจะคิดดูอีกที” ร็อกบอกราวกับจะให้ความหวังเธอแล้วเดินจากไป ธาราทิพย์มองตามหลังแล้วพึมพำบ่นไล่หลังไปด้วย เขาไม่ได้กักขังเธอ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม