ฉันเงยหน้ามองคนที่ยืนพิงรถมอเตอร์ไซต์ของตัวเองอยู่ตรงหน้า ฉันมองไม่ค่อยเห็นว่าเขาเป็นใครเพราะน้ำตามันบดบังเอาไว้
ฉันปาดน้ำตาตัวเองออกแล้วเงยหน้ามองอีกครั้งก่อนจะพบว่าเขาเป็นคนที่ฉันรู้จัก พี่มินทร์ยิ้มให้ฉันแล้วเดินเข้ามาลูบผมฉันไม่ให้ฉันร้องไห้
รู้มั้ยทีแรกฉันคิดว่าเป็นพี่คิณณ์แต่กลายเป็นว่าเป็นคนอื่นแทน
“พี่มินทร์?”
พี่มินทร์ดึงฉันเข้าไปกอดปลอบเหมือนเขาไม่อยากเห็นฉันร้องไห้แบบนี้ แต่รู้อะไรมั้ยว่าฉันอยากให้คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนฉันมากอดปลอบฉันแทน
ไม่ใช่ให้คนอื่นมากอดปลอบแบบนี้ พี่มินทร์ลูบผมปลอบใจฉันเพื่อให้ฉันหยุดไห้แล้วบอกว่าน้ำตาไม่เหมาะกับคนอย่างฉันเลย
ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะร้องไห้หรอกนะแต่พอมันเก็บกดมานานสุดท้ายมันก็รับไม่ไหวแล้ว
“ไอ้คิณณ์มันให้พี่มารับลิซแทนน่ะ งานมันยังไม่เสร็จ”
พี่คิณณ์ไม่เคยปล่อยฉันทิ้งไว้แบบนี้เลยสักครั้ง แต่นี่เขากลับทิ้งฉันแล้วให้คนอื่นมารับฉันแทน อยากรู้จังว่าอะไรที่ทำให้เขาทิ้งฉันให้กลับเองแบบนี้
อะไรที่มันสำคัญมากกว่ากัน แล้วงานอะไรที่มันสำคัญมากขนาดนี้หรือเป็นงานที่ต้องดูแลผู้หญิงคนนั้นเหรอ เธอให้เขาเท่าไหร่ฉันจะให้มากเธอสองเท่าเลย
ปากบอกว่าหวงฉันนักหนาแต่การกระทำมันช่างสวนทางกับคำพูดสิ้นดี ฉันยิ้มให้พี่มินทร์ก่อนจะขึ้นรถเพื่อให้เขาไปส่งที่หอพัก ระหว่างทางเราสองคนก็ไม่ได้คุยอะไรกันเลย
ที่จริงเขาก็ชวนคุยนะแต่ฉันไม่มีอารมณ์มาคุยเล่นกับเขาหรอก ทำให้พี่มินทร์จอดรถข้างทางแล้วหันมาถามฉันด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นว่าฉันเงียบไป
ปกติแล้วฉันเป็นคนที่พูดเก่งมากและยิ้มแย้มตลอด ถ้าใครที่มาเจอเหตุการณ์แบบนี้ก็คงฝืนยิ้มไม่ได้หรอก
“แวะกินไรก่อนป่ะ?”
“ก็ดีเหมือนกันค่ะ”
พี่มินทร์แวะที่ตลาดโต้รุ่งที่จะเปิดถึงตีสาม เรามานั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันแต่ฉันกินไม่ลงหรอก ถึงปากจะบอกว่าหิวแต่มันกลับกลืนไม่ลงจนต้องวางตะเกียบลง ฉันเงยหน้ามองพี่มินทร์ที่กำลังคีบเส้นก๋วยเตี๋ยวในชาม
“หนูขอถามอะไรพี่มินทร์หน่อยได้มั้ยคะ?”
“เรื่องไรอ่ะ?”
คนตรงหน้าเงยหน้าจากชามก๋วยเตี๋ยวมามองหน้าฉันที่มองหน้าเขาอยู่ก่อนแล้ว ฉันมีเรื่องอยากถามเขาเรื่องเดียวเท่าไหร่แหละ เพราะฉันคิดว่าเขาจะต้องรู้เรื่องนี้แน่ๆ
“เรื่องพี่คิณณ์” ทันทีที่ฉันพูดชื่อพี่คิณณ์พี่มินทร์แทบจะสำลักเส้นออกมาจากปากเลยทีเดียว
ทำไมจะต้องตกใจขนาดนั้นด้วย ฉันแค่ถามเรื่องแฟนตัวเองเท่านั้นนะไม่ได้ถามเรื่องคนอื่นให้เขาตกใจแบบนี้ ถ้าฉันถามเรื่องผู้ชายคนอื่นแล้วตกใจฉันจะไม่ว่าอะไรเลย
“วันนี้พี่คิณณ์ไม่ได้ทำงานที่อู่ใช่มั้ยคะ?”
“...” พี่มินทร์ทำหน้าเลิ่กลั่กเหมือนไม่อยากจะพูด
นี่จะช่วยกันปิดบังเรื่องนี้ไปถึงไหน เห็นฉันเป็นควายหรือไงที่จะหลอกสวมเขาให้ฉันเมื่อไหร่ก็ได้อ่ะ เห็นใจฉันบ้างสิที่ต้องมาเจอกับอะไรก็ไม่รู้ ฉันแค่ไม่อยากโดนเขาหลอกอีกแล้ว
ถ้าเกิดว่าเขานอกใจฉันจริงๆ ฉันจะได้รู้ไงว่าตัวเองควรจะทำยังไงต่อไป เข้าใจนะว่าเป็นเพื่อนกันก็ต้องช่วยกันปิดบังฉัน แต่เขาไม่คิดจะสงสารฉันหน่อยเหรอ
“อย่าเงียบสิคะพี่มินทร์ พี่ไม่สงสารหนูบ้างเหรอ?” ขอบตาฉันร้อนผ่าว
สงสารตัวเองยังไงไม่รู้ที่ต้องมาทนทำเหมือนไม่ได้เป็นอะไรทั้งที่ในใจมันเจ็บปวดแค่ไหน ถ้าเป็นคนอื่นจะนิ่งเหมือนฉันมั้ยป่านนี้ก็คงไปอาละวาดแฟนตัวเองแล้วล่ะ
พี่มินทร์วางตะเกียบลงแล้วถอนหายใจก่อนจะเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฉันฟังเขาคงเห็นว่าน้ำตาฉันเอ่อล้นเตรียมจะไหลออกมาแล้วเลยยอมเล่า
“วันนี้มันแวะมาจอดรถไว้ที่อู่เท่านั้น หลังจากนั้นพี่ก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันไปไหน อีกอย่างเมื่อกี้มันก็เพิ่งโทรมาบอกให้พี่มารับลิซแล้วให้บอกกับลิซว่างานมันยังไม่เสร็จ มันเองก็ไม่ได้บอกว่าไปไหนเหมือนกัน”
เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้จริงๆ ด้วย พี่คิณณ์ไม่ได้ไปทำงานวันนี้แต่เขาหลอกฉันโดยการเอารถไปจอดไว้ที่อู่เพื่อทำให้ดูเหมือนว่าเขามาทำงานตามปกติ
แล้วพอฉันไปหาก็โวยวายกลบเกลื่อนเรื่องที่ฉันไปจับผิดเขาทั้งที่คนที่มันผิดมันไม่ใช่ฉันไงแต่เป็นเขามากกว่า
แล้วตอนนี้เขาก็ไม่ได้ทำงานอยู่ที่นั่นด้วย แล้วเขาไปอยู่ที่ไหน ไปอยู่กับใครล่ะ ทำไมถึงเลือกคนอื่นมากกว่าแฟนตัวเอง ทำไมเขาเป็นแฟนที่ใจร้ายกับฉันจังเลยนะเขาไม่สงสารฉันบ้างเหรอที่รอให้เขากลับเข้าห้องทุกคืนอ่ะ
“ไม่ใช่แค่ลิซหรอกนะที่สงสัยพี่กับไอ้อ้อนก็สงสัยเหมือนว่าทำไมพักนี้ไอ้คิณณ์มันทำตัวแปลกๆ”
“แปลกยังไงคะ?”
“ตอนทำงานบางทีก็เห็นมันนั่งคุยแชทกับใครไม่รู้แล้วยิ้มอยู่กับหน้าจอมือถือตัวเอง บ้างก็เดินไปคุยโทรศัพท์ไกลๆ เพราะกลัวว่าพวกพี่จะได้ยิน ทีแรกพี่ก็นึกว่าเป็นลิซที่โทรหามันแต่มันไม่ใช่เมื่อพวกพี่ขอยืมมือถือมันโทรหาอาจารย์เจ้าของอู่ และเห็นว่าเป็นเบอร์แปลกน่ะ”
ไม่ใช่ฉันแน่ที่พี่คิณณ์คุยแชทและคุยโทรศัพท์ พวกเรานับครั้งได้เลยที่จะคุยผ่านทางแชทกัน และมันก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคุยกันแบบนี้เป็นประจำเพราะเราอยู่ห้องด้วยกันและเจอหน้ากันทุกวันอยู่แล้ว
แล้วใครกันล่ะที่ทำให้เขายอมทิ้งงานเพื่อนั่งคุยแชทอย่างอารมณ์ดีแบบนั้น เวลาที่ฉันทักหาเขาเขาแทบไม่เคยตอบกลับเลย ถ้าผู้หญิงคนนั้นดีกว่าฉันสำคัญมากกว่าฉันก็เลิกกับฉันสิแล้วไปคบกับเธอไม่ใช่มาคบซ้อนแบบนี้
“ที่พี่ไม่บอกลิซเพราะพี่สงสาร...”
“สงสารเหรอคะ?” ฉันถามกลับ
ถ้าไอ้การสงสารของเขามันเป็นการปิดบังเรื่องนี้กับฉันขอร้องเหอะอย่าสงสารฉันเลย แต่เอาเถอะอย่างน้อยตอนนี้ฉันก็พอจะรู้แล้วว่าพี่คิณณ์ไม่ได้เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
บางทีเขาอาจจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเดิมก็ได้ ผู้ชายที่ให้คำมั่นสัญญากับฉันว่าจะดูแลฉันและทำทุกอย่างเพื่อฉันคนเดียวมันอาจจะไม่มีอยู่จริงก็ได้ เพราะเขาคงไม่ได้ทำเพื่อฉันคนเดียวแล้วล่ะ
“แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะที่เล่าให้หนูฟัง”
“แต่มันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้นะ มันอาจจะคุยกับพ่อแม่ของมันก็ได้ หรือไม่ก็เป็นเพื่อนสนิทที่ไม่ได้เจอกันนานไรงี้”
“พ่อแม่พี่คิณณ์เสียชีวิตไปนานแล้วค่ะ และพี่คิณณ์ก็ไม่ได้มีเพื่อนสนิทที่ไหนนอกจากพี่มินทร์และพี่อ้อน”
ฉันคบกับพี่คิณณ์มาตั้งสองปีเชียวนะทำไมฉันจะไม่รู้ประวัติของเขาล่ะ ก่อนที่เราจะคบกันเขาเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ฉันฟังเยอะมากเลยนะ
ฉันไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เขาพูดให้ฟังนั้นมันใช่ความจริงหรือเปล่าแต่ตอนนั้นฉันรักเขาไงเลยเลือกที่จะเชื่อเขาหมดเลย แต่ตอนนี้ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เขาบอกฉันนั้นมันมีเรื่องไหนที่เป็นเรื่องจริงบ้าง
“เรากลับกันเถอะค่ะ”
ฉันไม่อยากกินต่อแล้วเพราะกินไม่ลง พี่มินทร์เอื้อมมือมากุมมือฉันเอาไว้แล้วบอกให้ฉันใจเย็นอย่าเพิ่งคิดไปเองแบบนี้ บางทีพี่คิณณ์อาจจะมีเหตุผลที่ทำลงไปก็ได้ ฉันว่าเขาไม่มีเหตุผลอะไรหรอก
ที่เขาทำผิดต่อฉันมันเป็นเพราะว่าเขามันมักง่ายไง ไม่แปลกหรอกที่เขาจะนอกใจฉันอ่ะเพราะเราคบกันมาสองปีแล้วเขาก็อาจจะเบื่อฉันก็ได้
เรากำลังจะเดินไปที่รถแต่ยังไม่ทันที่จะได้ขึ้นรถด้วยซ้ำพี่คิณณ์ก็โทรเข้ามาในมือถือของฉัน ฉันปล่อยให้มันดังอย่างนั้นโดยไม่คิดที่จะหยิบมันขึ้นมากดรับ
ฉันอยากให้เขารู้สึกเหมือนฉันบ้างว่าความรู้สึกของคนที่รอมันเป็นยังไง และไม่นานเสียงมือถือของพี่มินทร์ก็ดังขึ้น
ฉันบอกให้พี่มินทร์กดรับและโกหกพี่คิณณ์ไปว่าฉันไม่ได้อยู่ที่มหาลัยแล้ว และให้เขาเป็นสปีกเกอร์โฟนให้ฉันได้ยินด้วย พี่มินทร์ไม่เห็นด้วยเพราะเขาก็เป็นเพื่อนพี่คิณณ์เหมือนกัน
ฉันเลยขู่ไปว่าถ้าเขาไม่ทำตามที่ฉันบอกฉันจะไม่ยอมกลับกับเขา คนตรงหน้าถอนหายใจแล้วยอมทำตามที่ฉันขอร้อง
[มินทร์มึงไปรับลิซยังวะ?]
น้ำเสียงดูร้อนรนของพี่คิณณ์ดูเหมือนว่าเขาร้อนใจที่ติดต่อฉันไม่ได้ ไม่รู้ว่าฉันควรจะดีใจหรือเสียใจดีที่เขาทำเหมือนเป็นห่วงฉันมากขนาดนี้ ก็ถ้าเป็นห่วงฉันขนาดนี้ทำไมตัวเองไม่มารับฉันเองล่ะ ทำไมจะต้องให้คนอื่นมารับฉันด้วย
“ลิซไม่ได้อยู่ที่มหาลัยแล้วกูขับรถตามหาก็ไม่เจอ”
พี่มินทร์มองหน้าฉันแล้วตอบพี่คิณณ์ ที่ฉันให้พี่มินทร์โกหกแบบนั้นเพราะฉันอยากให้พี่คิณณ์รู้สึกผิดที่ทิ้งฉันให้กลับเอง
ก็ไม่ได้อยากทำให้แฟนตัวเองต้องเป็นห่วงหรอกนะแต่การกระทำของพี่คิณณ์ที่ทำให้ฉันเสียใจนั้นมันทำให้ฉันอยากเอาคืนเขาบ้างเขาจะได้รู้ไงว่าไม่ควรทิ้งฉันไว้คนเดียวแบบนี้อีก
“ลิซน่าจะกลับห้องนานแล้วนะเพราะที่มหาลัยไม่มีคนอยู่เลย”
[ลิซไม่ได้อยู่ห้องว่ะ ตอนนี้กูก็อยู่ที่ห้องติดต่อลิซไม่ได้]
พี่มินทร์หันหน้ามาหาฉันเหมือนเขาสงสารเพื่อนของเขามาก แล้วฉันล่ะฉันโดนหลอกมาตลอดเขาไม่สงสารฉันบ้างเหรอ
[กูไม่น่าทิ้งลิซไว้คนเดียวเลยว่ะ ถ้าลิซเป็นไรขึ้นมากูแม่งคงรู้สึกผิดที่ทิ้งเธอให้กลับเอง]
“ก็ถ้ามึงรักลิซมากขนาดนั้นทำไมแม่งทิ้งลิซให้กลับเองวะคิณณ์ กูแม่งโคตรไม่เข้าใจมึงเลยไอ้สัส”
พี่มินทร์เหมือนจะโกรธแทนฉันเลยกระแทกเสียงเข้าไปในสายแล้วต่อว่าเพื่อนตัวเองที่ทิ้งแฟนให้กลับเองแบบนี้ทั้งที่เป็นห่วงจนไม่เป็นอันทำอะไร
"ก็ถ้ามึงไม่รักเธอแล้วก็บอกเธอดีๆ ดิวะ มึงแม่ง"
[ทำไมกูจะไม่รักลิซ ถ้ากูไม่รักเธอกูแม่งจะยอมเหนื่อยขนาดนี้ป่ะ มึงคิดบ้างดิวะ]
คำพูดของพี่คิณณ์มันทำให้ฉันนิ่งไป ยังจำที่ฉันบอกได้มั้ยว่าเขาไม่ใช่ผู้ชายที่โรแมนติกเขาจะไม่เคยบอกรักฉันต่อหน้าคนอื่น
แต่เมื่อกี้ที่เขาพูดกับพี่มินทร์มันคือการบอกรักฉัน ถึงแม้มันจะดูห้วนก็เถอะ ก็ถ้ารักฉันแล้วเลือกคนอื่นทำไม
ทำไมไม่เลือกฉันล่ะ หรือเห็นว่าฉันเป็นของตายไปจากเขาไม่ได้อย่างนั้นเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาก็ใจร้ายกับฉันมากเลยนะ
“แล้ววันนี้มึงไปไหนมาล่ะทำไมปล่อยเมียมึงให้อยู่คนเดียว”
พอเห็นว่าพี่คิณณ์เงียบไปฉันก็บอกให้พี่มินทร์ถามพี่คิณณ์ไปว่าวันนี้เขาไปไหนมาทำไมปล่อยฉันไว้คนเดียวแบบนี้ฉันเชื่อว่าเขาจะไม่โกหกเพื่อนตัวเองแน่ เพราะถ้าให้ฉันถามเองฉันไม่มีทางได้รู้ความจริงจากเขาหรอก
[มึงจะบอกว่ากูแม่งเลวก็ได้นะ วันนี้กูไปดูแลผู้หญิงอีกคนมา]
“ไอ้สัส มึงว่าไงนะ?”