SOMEBODY 28
******************************
ชินต์คว้ามือฉันให้หลบอยู่หลังพุ่มไม้เมื่อมีคนเดินมาทางนี้พอดี ฉันเงยหน้ามองคนที่เดินผ่านมาก็เห็นว่าเป็นคุณพ่อกับคุณย่านั่นเอง
ทำไมจะต้องให้ฉันหลบด้วยล่ะ ทั้งคนสองก็เป็นคนที่ฉันรู้จัก
ชินต์บอกให้ฉันเงียบเพื่อฟังบทสนทนาที่ทั้งสองคนกำลังจะพูดคุยกัน ฉันมองหน้าทั้งสองคนที่ดูมีสีหน้าซีเรียสมากเหมือนว่าเรื่องที่จะคุยกันเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
“ไม่อยากรู้ไงว่าย่ากับพ่อเธอจะคุยกันเรื่องอะไรถึงได้มาแอบคุยกันตรงนี้?”
ชินต์หันมาถามฉันที่ทำเหมือนไม่ได้อยากรู้ เพราะตอนนี้ฉันโคตรอยากจะกลับไปหาพี่คิณณ์เลย
อย่าลืมนะว่าเมื่อเช้าพี่คิณณ์โกรธฉันอยู่อ่ะ แต่พอชินต์พูดขึ้นบวกกับสีหน้าจริงจังของพ่อกับคุณย่ามันก็ทำให้ฉันอยากรู้ขึ้นมาว่าจะคุยเรื่องอะไร
“...” ชินต์ให้ฉันขยับตัวให้เข้าไปชิดกับเขาเพื่อไม่ให้คนอื่นเข้ามาเห็นเราเข้าไม่งั้นงานเข้าแน่เลย ชินต์โอบไหล่ฉันเอาไว้แน่นจนเหมือนว่าตอนนี้เรากอดกันอยู่
ฉันเงียบเพื่อรอฟังว่าคุณพ่อกับคุณย่าจะคุยกันเรื่องอะไร โดยที่ตัวเองกำลังอยู่ในอ้อมกอดของชินต์และหน้าฉันแนบชิดอยู่ที่หน้าอกของเขาได้ยินเสียงหัวใจเขาเต้นแรงด้วย
นี่ก็ไม่รู้ว่าจะได้ยินเสียงย่ากับพ่อคุยกันหรือเปล่าหรือว่าได้ยินแค่เสียงหัวใจของชินต์ที่มันกำลังเต้นอยู่ ไม่ใช่แค่หัวใจของเขาหรอกนะที่เต้นแรงหัวใจฉันก็เต้นแรงด้วยเหมือนกัน
“เรื่องที่แม่ให้แกไปจัดการแกจัดการเสร็จหรือยัง?”
“ยังครับลิซไม่ยอมอยู่ห่างจากมันเลย แต่ไม่ต้องห่วงนะครับผมไม่ให้ไอ้สวะนั่นเข้ามาเป็นครอบครัวเราแน่”
พ่อกำลังพูดถึงพี่คิณณ์อยู่ใช่หรือเปล่า นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะที่พูดให้พี่คิณณ์แบบนั้น ฉันกำลังจะลุกเดินออกไปปกป้องพี่คิณณ์แต่ชินต์ก็กอดฉันเอาไว้แน่นจนฉันขยับตัวไม่ได้เหมือนเขาไม่อยากให้ฉันออกไปตอนนี้
“นายไม่ได้ยินหรือไงว่าคุณพ่อดูถูกพี่คิณณ์อ่ะ?” ฉันต่อว่าชินต์ที่ห้ามฉันแบบนี้ แต่แล้วเขาก็ทำหน้าดุใส่ฉันแล้วพูดเตือนสติฉันไม่ให้ทำอะไรที่มันผิดมากไปกว่านี้
“แล้วไงนั่นพ่อเธอนะลิซ เธอเห็นผู้ชายดีกว่าพ่อตัวเองหรือไง?” คำพูดของชินต์ทำให้ฉันนิ่งไป
ฉันไม่เถียงหรอกนะเพราะลูกทุกคนก็ต้องเห็นพ่อแม่ดีกว่าคนอื่นเสมอ แต่ฉันก็รักพี่คิณณ์เหมือนเขาเป็นคนในครอบครัวเหมือนกัน
ฉันอยากให้พ่อแม่ยอมรับพี่คิณณ์ว่าเขาเป็นคนดี เขาไม่จำเป็นต้องรวยล้นฟ้าก็ได้แค่เขาปกป้องดูแลฉันได้ก็น่าจะพอแล้วไม่ใช่หรือไง
“แม่อยากให้ลิซเลิกกับมัน ทำยังไงก็ได้ให้มันออกไปจากชีวิตของลิซซะ แม่ไม่อยากให้ตระกูลของเราต้องแปดเปื้อนเพราะมัน”
“ได้ครับแม่ ลิซจะต้องกลับบ้านเราผมไม่ยอมให้ลูกสาวคนเดียวของผมต้องไปคว้าไอ้สวะคิณณ์นั่นมาแน่นอน และผมก็ไม่ยอมรับมันเป็นลูกเขยด้วย ที่ไม่พูดก็เพราะกลัวว่าลิซจะเตลิดไปกันใหญ่เลยยอมให้ลูกไปอยู่กับมันก่อน”
“งั้นก็จัดการให้เร็วๆ ทำยังไงก็ได้ให้ลิซกลับมา”
“ครับ”
ฉันออกมาจากพุ่มไม้พร้อมกับชินต์เมื่อคุณย่ากับคุณพ่อเดินออกไปจากตรงที่เราหลบอยู่แล้ว นี่คิดจะทำร้ายจิตใจฉันแบบนี้จริงๆ น่ะเหรอ
ทำไมพวกเขาถึงใจร้ายได้ขนาดนี้ ทำไมต้องทำลายความรักของฉันด้วย ปล่อยให้ฉันได้ตัดสินใจทำอะไรเองไม่ได้หรือไง ฉันโตแล้วนะไม่ใช่เด็กๆ ที่คอยทำตามคำสั่งคนนั้นคนนี้
ฉันอยากมีชีวิตเป็นของตัวเองมันผิดมากเลยหรือไง ฉันเพิ่งรู้ว่าคุณย่ากับคุณพ่อเป็นคนที่ใจร้ายมาก
ฉันหันหน้าไปมองชินต์เพราะเมื่อกี้เขาเองก็ได้ยินที่พ่อกับย่าฉันพูดแล้ว เขาจะช่วยฉันหรือเปล่าหรือว่าจะร่วมมือกับพ่อเพื่อทำลายความรักของฉันกับพี่คิณณ์อีกคน แล้วตอนนี้ฉันยังไว้ใจเขาได้หรือเปล่า
“ชินต์...”
ฉันที่กำลังจะพูดกับเขาก็ถูกเขาพูดสวนขึ้นมาซะก่อนเหมือนไม่อยากให้ฉันพูดเรื่องเมื่อกี้กับเขา ทำไมล่ะทำไมต้องทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วย นี่เขายังเห็นฉันสำคัญกับเขาอยู่หรือเปล่า ทำใจคนรอบข้างฉันต้องใจร้ายกับฉันขนาดนี้
“กลับกันเถอะเดี๋ยวไปส่ง” ชินต์ไม่พูดถึงเรื่องเมื่อกี้ ฉันเลยคว้าชายเสื้อของเขาเอาไว้
ฉันอยากให้เขาช่วยฉันมากกว่าพ่อ จริงอยู่ที่พ่อของฉันมีบุญคุณกับเขามากแต่เขาไม่จำเป็นที่จะต้องทำเรื่องไม่ดีให้พ่อฉันไม่ใช่เหรอ เห็นใจฉันบ้างเถอะอย่างน้อยเราก็เคยมีความรู้สึกดีๆ ให้กันอยู่
“นายจะไม่ทำร้ายฉันให้มั้ยชินต์?”
มันเป็นคำถามที่เห็นแก่ตัวมากเกินไปที่อยากให้เขาช่วยเหลือฉัน แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะยอมช่วยฉันหรือเปล่า เพราะถ้าพ่อฉันสั่งให้เขาไปทำเรื่องไม่ดีเขาก็คงต้องทำเพราะปฏิเสธไม่ได้
“ร้องไห้ทำไมเด็กดื้อ” ชินต์เอื้อมมือมาเช็ดน้ำตาให้ฉัน
จู่ๆ มันก็ร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้อยู่กับพี่คิณณ์ ทำไมนะความรักของเราสองคนถึงได้มีอุปสรรคขนาดนี้ ไม่เข้าใจจริงๆ จะทำร้ายกันไปถึงไหน ชินต์ดึงฉันเข้าไปกอดเอาไว้เพื่อปลอบโยน
“มันไม่ใช่เรื่องร้ายแรงไรหรอกอย่าคิดมากดิ”
“ฉันไม่อยากให้พ่อทำลายความรักของฉันกับพี่คิณณ์ ฉันเป็นห่วงเขา”
ชินต์มองหน้าฉันก่อนที่เขาพูดประโยคที่ฉันไม่คิดว่าจะได้ยินจากเขาด้วยซ้ำ เพราะเขาไม่ได้พูดคำนี้มานานแล้วตั้งแต่ที่เขาเปลี่ยนไปเขาก็ไม่เคยพูดอะไรแบบนี้กับฉันเลย
“ฉันก็เป็นห่วงเธอ”
“...” ได้ยินอย่างนั้นฉันก็เงียบไป
ชินต์ไม่เคยพูดคำนี้กับฉันมาก่อน ฉันเลยไม่รู้ว่าเขาคิดยังไงกับฉันกันแน่ เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาตีตัวออกห่างจากฉัน ไม่ยอมพูดกับฉัน ไม่ยอมอยู่ใกล้ฉัน
พอฉันถามว่าเขาคิดยังไงกับฉันเขาก็บ่ายเบี่ยงที่จะตอบและเดินหนีไปแทน ฉันก็เลยไม่รู้เลยว่าในใจของเขาเคยมีฉันอยู่ในนั้นบ้างหรือเปล่า
ตอนที่เราอยู่ด้วยกันเขามีความรู้สึกดีๆ ให้ฉันมั้ยหรือว่าฉันคิดไปเองคนเดียว ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ เขาก็เป็นคนที่ใจร้ายมากเลยนะที่ทำกับฉันได้ลงอ่ะ
ฉันกลับเข้าห้องมาด้วยดวงตาที่แดงก่ำเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก พอเปิดประตูเข้ามาก็เห็นพี่คิณณ์นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะคอม
เขาหันหน้ามามองฉันแล้วปิดคอมก่อนจะเดินมาหาฉันเหมือนเขายังรอให้ฉันมาอธิบายเรื่องเมื่อเช้าว่าทำไมถึงเลือกที่จะไปกับชินต์ ทำไมไม่ยอมให้เขาไปส่ง แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ถามอะไรฉันก็โผเข้ากอดเขาก่อน
“หนูรักพี่คิณณ์นะคะ” ฉันบอกรักคนตรงหน้า ฉันไม่รู้ว่าพ่อคิดจะทำอะไรกับเราสองคน ฉันแค่อยากอยู่กับเขาให้ได้นานที่สุดเท่านั้นเอง
พี่คิณณ์ทำหน้างงไม่เข้าใจว่าฉันเป็นอะไร ฉันเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าฉันเป็นอะไร ตอนที่ชินต์มาส่งฉันเขาได้เสนอทางออกที่ดีที่สุดให้กับฉันและพี่คิณณ์
ถ้าไม่อยากเสียพี่คิณณ์ไปฉันจะต้องทำตามที่ชินต์บอกทุกอย่าง ต่อให้ไม่อยากทำมากแค่ไหนฉันก็คงต้องทำ
“ร้องไห้ทำไมใครทำอะไรหรือเปล่า?” น้ำเสียงที่ฟังดูแล้วเหมือนพี่คิณณ์เป็นห่วงฉันมากทำให้ฉันยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม ถ้าเราจะต้องจากกันฉันจะทำใจได้ยังไงนะ ฉันยังไม่พร้อมที่จะเสียเขาไปตอนนี้ ไม่พร้อมเลยจริงๆ
“หนูแค่เหนื่อยค่ะเลยอยากได้กำลังใจ”
ฉันผละจากพี่คิณณ์แล้วเช็ดน้ำตาตัวเองออก เรื่องที่คุณย่ากับพ่อวางแผนกันฉันจะไม่มีวันให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด
ฉันจะไม่ยอมให้พ่อได้มาทำลายความรักของฉันแน่ แล้วมาดูกันว่าพ่อจะกล้าทำร้ายลูกตัวเองหรือเปล่า ยิ่งพ่อมีฉันเป็นลูกสาวคนเดียวด้วยแล้วพ่อจะกล้าทำให้ฉันเสียใจมั้ย
“มีอะไรอยากจะเล่าให้พี่ฟังป่ะ?” ฉันส่ายหน้าใครจะบอกเรื่องที่ครอบครัวฉันดูถูกเขากันล่ะ อีกอย่างฉันไม่อยากให้พี่คิณณ์คิดน้อยใจตัวเองที่เอาชนะใจพ่อแม่ฉันไม่ได้ด้วย
ฉันรู้ว่าพี่คิณณ์ทำเต็มที่แล้ว และเขาก็ทำทุกอย่างให้ฉันแล้ว ถ้าจะให้เขาทำมากกว่านี้มันก็คงไม่ไหวแล้วล่ะ
แค่นี้เขาก็เหนื่อยจนสายตัวแทบขาด เวลานอนยังไม่มีเอาแต่ทำงาน เห็นอย่างนั้นฉันก็อดสงสารไม่ได้
ต่อไปนี้เขาไม่ต้องทำอะไรเพื่อฉันแล้วล่ะเพราะฉันจะทำเพื่อเขาบ้าง