SOMEBODY 07
****************************
[AKIN : SAID]
ผมกำลังจะวิ่งตามลิซออกไปเพราะกลัวว่าเธอจะตกใจที่ผมเผลอตวาดใส่เธอแบบนั้น ผมแค่ไม่ชอบให้ใครมาทำแบบนี้เท่านั้นเองเพราะเราก็ตกลงกันแล้วว่าจะเชื่อใจกันและกัน
แต่ที่เธอทำมันเหมือนว่าเธอกำลังจับผิดผมอยู่เลย ผมแม่งไม่ชอบ เข้าใจแหละว่าเธอระแวงแต่เธอก็ควรถามผมป่ะไม่ใช่มาแอบดูมือถือผมแบบนี้
ผมก็บอกไปแล้วว่าผมไม่คิดที่จะนอกใจแต่ที่ผมไม่อยากให้ลิซมาเห็นว่าผมอยู่กับผู้หญิงคนอื่นเพราะกลัวว่าเธอจะเข้าใจผิดแล้วกลายเป็นแบบนี้ไง
การที่ผมไม่บอกไม่ใช่ว่าผมไม่จริงใจหรือไม่ซื่อสัตย์กับเธอนะ แต่ผมเป็นห่วงความรู้สึกเธอมากกว่า การที่เธอไม่รู้แล้วทำให้เธอสบายใจมันเป็นเรื่องที่คนเป็นแฟนกันควรทำไม่ใช่เหรอวะ
อีกอย่างถ้าผมไปบอกเธอว่ามีผู้หญิงมาขอคุยกับผมเธอก็คงไม่สบายใจและระแวงขึ้นมาอีก เคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ลูกค้าแอดไลน์ผมมาแล้วทักมาคุยด้วยผมเลยบอกลิซว่ามีผู้หญิงมาขอคุย
แต่ตอนนั้นผมไม่ได้คิดจะคุยก็แค่บอกเธอเอาไว้ก่อนเผื่อมีคนมาเล่าอะไรให้เธอฟัง แต่รู้ป่ะว่าเกิดไรขึ้น เธอแม่งโวยวายคิดว่าผมนอกใจไงทั้งที่ดูแม่งโคตรบริสุทธิ์บอกเธอทุกเรื่อง ตั้งแต่นั้นมาผมก็เลือกที่จะไม่บอกเธอเรื่องการทำงานของผมอีกเลย
ส่วนเรื่องที่ผู้หญิงคนนั้นส่งข้อความมาที่ว่าขอบคุณที่ผมอยู่คุยเป็นเพื่อนเธอก็เพราะผมบังเอิญเห็นเธอก่อนที่จะกลับห้องเธอนั่งอยู่คนเดียวและกำลังร้องไห้อยู่ที่ร้านเหล้าผมก็เลยตัดสินใจเข้าไปหาและพูดคุยกับเธอ
เธอบอกว่าเธอมีปัญหาเรื่องงานที่มหาลัยและหาทางออกไม่ได้ เธอโดนบังคับให้ทำในสิ่งที่เธอไม่อยากทำและถูกกดดันจากคนรอบข้างมันเลยทำให้เธออึดอัดมันก็เท่านั้น
ไม่ได้มีอะไรแอบแฝงเลย ผมก็เลยให้เบอร์โทรไปเผื่อว่าเธอมีเรื่องอยากปรึกษาและเราก็แยกย้ายกัน อีกอย่างเธอเองก็เป็นคนที่ผมรู้จักมาก่อนด้วย
ผมไม่คิดว่าลิซจะมาเห็นข้อความที่ผู้หญิงคนนั้นส่งเข้ามา ผมกะว่าจะลบทิ้งแต่มันไม่ทัน
ผมกดพิมพ์ข้อความไปหาเธอคนนั้นเพื่อบอกว่าวันนี้ไม่ว่างไปเจอเพราะต้องแก้ปัญหาเรื่องของตัวเองก่อน
เธอตอบกลับมาว่าเข้าใจและรอให้ผมว่างเราค่อยเจอกัน เรื่องตัวเองยังเอาไม่รอดเลยเรื่องคนอื่นผมก็คงช่วยห่าไรไม่ได้หรอก
“คิณณ์กูว่ามึงพูดแรงไปป่ะ?” มินทร์พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิผมที่ต่อว่าลิซไปแบบนั้น
เพื่อนผมมันไม่เห็นด้วยที่ผมโมโหใส่ลิซ เพราะลิซเป็นผู้หญิงที่บอบบางน่าทะนุถนอม ผมเองก็ไม่ได้อยากทำแบบนั้นหรอกแต่แม่งอารมณ์ตอนนั้นคือโกรธและโมโหไง
ผมรู้ว่าผมพูดแรงเกินไป และผมก็เข้าใจลิซด้วยว่าที่เธอทำแบบนั้นเพราะเธอระแวงในตัวผมและมันก็ไม่ใช่ความผิดของเธอหากว่าเธอจะขอดูมือถือผมเพื่อเช็ค
อาจจะเป็นเพราะว่าลิซไม่ได้ดูมือถือผมมานานแล้วพอเธอมาเช็คดูมันเลยทำให้ผมคิดว่าเธอระแวงผมไง แต่เมื่อกี้ผมเหนื่อยกับงานที่ทำบวกกับยังไม่ได้นอนมันก็เลยทำให้ผมหงุดหงิดมากไปหน่อย
“ลิซแม่งเป็นผู้หญิงไงเธอก็เลยมีอารมณ์งี่เง่าไปบ้าง มึงคบกันไงวะไม่รู้เรื่องของกันและกันเลยไอ้สัส”
เออได้ทีก็รุมกูเลยนะเว้ย พอเห็นลิซร้องไห้แล้ววิ่งหนีไปแบบนั้นมันก็ทำให้ผมคิดได้มากตัวเองแม่งพูดแรงจริงและไม่ควรไปใส่อารมณ์กับเธอ เพราะเธอไม่ใช่ที่รองรับอารมณ์ของผมแต่เธอคือเมียผมที่ผมควรดูแลให้ดีที่สุด
“กูว่าคนที่งี่เง่าเป็นมึงมากกว่าว่ะ”
เพื่อนผมทั้งสองคนมองหน้าผมแล้วด่าเหมือนลิซเป็นเมียพวกมันงั้น เออผมก็คิดงั้นคนที่มันงี่เง่ามันเป็นผมมากกว่า ผมหยิบกุญแจรถแล้วขี่ออกไปหาลิซที่วิ่งหนีออกมาเมื่อกี้ แต่ก็ไม่เจอเธอแล้วไวชิบหายเลยว่ะ
ผมขับรถวนหาเธออยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจกลับมาที่ห้องเผื่อว่าลิซจะกลับมาที่ห้อง แต่ปรากฎว่าเธอไม่ได้อยู่ที่ห้อง ผมกดโทรหาเธอทันทีแต่ติดต่อไม่ได้คิดว่าเธอน่าจะปิดเครื่องเพื่อไม่ให้ผมติดต่อเธอได้
“ไปไหนวะ?”
ผมรู้สึกไม่สบายใจคิดจะขับรถไปหาเธอที่บ้านแต่ก็ไม่กล้า เพราะที่บ้านของเธอรังเกียจผมอย่างกับอะไรดี แถมยังบอกอีกว่าตอนนี้ลิซแค่หลงผมเท่านั้นเมื่อไหร่ที่ลิซเบื่อผมผมมันก็เป็นแค่หมาที่รอวันโดนเขี่ยทิ้ง
ผมไม่มีวันได้เป็นลูกเขยของมหาเศรษฐีได้เพราะพวกเขาไม่ยอมรับผม แต่ถึงอย่างนั้นผมก็พร้อมที่จะโดนเขี่ยทิ้งหากว่าวันนั้นมาถึง แค่เธอลดตัวลงมาคบกับผมมันก็ดีแค่ไหนแล้วแต่ผมกลับทำร้ายจิตใจเธอแบบนี้
กูแม่งโคตรไม่เอาไหนเลยว่ะ
“พี่คิณณ์” จัสมินเดินเข้ามาในห้องที่ผมเปิดทิ้งไว้
ผมหันไปมองเธออย่างตกใจที่เห็นว่าเธอเดินเข้ามาในห้อง เธอรู้ได้ไงว่าผมกับลิซพักอยู่ที่ห้องนี้ ผมเลิกคิ้วกำลังจะถามเธอแต่เธอก็พูดขึ้นมาก่อน
“คือหนูมาส่งพี่ลิซอ่ะค่ะ”
“ลิซเหรอ?”
ลิซเดินเข้ามาในห้องใบหน้าซีดเผือกทำให้ผมวิ่งเข้าไปประคองร่างเธอเอาไว้กลัวว่าเธอจะเป็นลม
เธอดูอ่อนปวกเปียกมากเหมือนไม่มีแรงจะยืนเลย เป็นไรวะตอนอยู่ที่อู่รถเธอยังดีๆ อยู่เลย ผมหันไปถามจัสมินทันทีว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมเมียผมแม่งมีสภาพแบบนี้วะ
“จัส ลิซเป็นอะไร?”
“เป็นล้มน่ะค่ะพี่ลิซกำลังจะข้ามถนนหนูเห็นเข้าพอดีเลยรีบคว้าตัวเอาไว้ได้ทัน”
นี่ถ้าไม่ได้จัสมินลิซจะเป็นยังไงนะ มันเป็นความผิดของผมเองที่ไม่ดูแลเธอให้ดีกว่านี้ ถ้าเธอจะเลิกกับผมเพราะผมดูแลเธอไม่ดีผมก็เข้าใจ และพร้อมที่จะปล่อยให้เธอไปเจอคนที่ดีกว่าผมโดยไม่รั้งเธอเอาไว้เลย
“หนูเห็นพี่ลิซร้องไห้ด้วยนะคะ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“อื้อ เราทะเลาะกันน่ะ” ผมตอบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ เพราะต้นเหตุที่ทำให้ลิซต้องเป็นแบบนี้มันก็เป็นเพราะผมทำให้เธอโกรธแล้ววิ่งหนีออกไป ลิซเป็นคนที่ค่อนข้างแพ้อากาศร้อน ถ้าอากาศร้อนมากเธอจะหน้ามืดแล้วเป็นลม
“มีอะไรค่อยๆ พูดจากันก็ได้นี่คะ”
จัสมินมองผมอย่างตำหนิที่ปล่อยให้ลิซเป็นลมแบบนี้ เห็นว่ามีคนเป็นห่วงลิซเหมือนที่ผมเป็นห่วงผมก็ดีใจ รู้ป่ะว่าคนรอบข้างไม่ว่าใครที่เข้าใกล้เธอก็ชอบในความน่ารักของเธอหมดนั่นแหละ เหมือนผมไงที่ชอบในความน่ารักของเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เราได้เจอกัน
“พี่ลิซน่ารักออก”
“ขอบใจนะที่พาลิซมาส่ง”
“ค่ะ งั้นหนูกลับก่อนนะคะ” จัสมินกำลังจะเดินออกไปจากห้องทำให้ผมเรียกเธอเอาไว้ก่อน
พอเห็นว่าตอนนี้ลิซหลับไปแล้วผมก็เลยมีเรื่องอยากพูดกับจัสมินนิดหน่อย ผมอยากให้เรื่องมันเคลียร์ๆ ไง
“เรื่องนั้นน่ะ...”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูไปนะคะ” เธอไม่อยู่รอให้ผมได้พูดต่อก็รีบเดินออกไปจากห้อง ผมเดินกลับเข้ามาก็เห็นลิซนั่งอยู่ที่เตียงจ้องหน้าผม เมื่อกี้เธอไม่ได้หลับเหรอ
เชี่ยแล้วกู!
“เป็นไงบ้างลิซ?”
“ยังไม่ตาย แล้วเรื่องที่คุยกับจัสเรื่องนั้นมันคือเรื่องอะไรคะ?”
ผมนั่งลงข้างลิซก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟังเพราะผมไม่อยากมีความลับกับเธอ ที่จริงก็กะว่าจะไม่เล่านั่นแหละเพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรแต่ถ้าลิซอยากรู้ผมก็จะเล่าให้เธอฟัง
“หลายวันก่อนรถของจัสมินเสียกลางดึกน่ะแล้วพี่บังเอิญไปเห็นเลยช่วยไว้ จัสกลัวว่าถ้าบอกเรื่องนี้กับลิซลิซอาจจะเข้าใจผิดก็ได้เลยขอให้พี่เก็บเรื่องนี้เอาไว้”
ลิซพยักหน้าและดูเหมือนเธอไม่ได้คิดมากกับเรื่องนี้ ผมเองก็ช่วยผู้หญิงมาหลายคนและไม่คิดที่จะสานต่อ จัสมินเองก็เป็นรุ่นน้องของเธอเธอก็คงดีใจที่ผมช่วยรุ่นน้องคนนี้เอาไว้
“เรื่องมันก็มีแค่นี้”
“ไม่เห็นต้องเก็บเป็นความลับเลยนี่คะเรื่องแค่นี้เอง”
ลิซยิ้มให้ผมแล้วก็หุบยิ้มเมื่อนึกขึ้นได้ว่าผมดุเธอก่อนหน้านี้ ทำให้เธอทำหน้าบึ้งใส่ผมเหมือนเดิม นี่ถ้าขอโทษเธอตอนนั้นแม่งจะทันมั้ยวะ
“เมื่อกี้พี่คิณณ์ดุหนูเพราะผู้หญิงในไลน์นั่น ดูเหมือนเธอคนนั้นจะสำคัญมากเลยสินะคะ”
“ขอโทษพี่ผิดเองแหละ เรื่องมันไม่ได้มีห่าไรเลยนะลิซ พี่เห็นเธอนั่งร้องไห้ในร้านเหล้าก็เลยเข้าไปคุยด้วยแค่นั้น”
แต่เธอก็ยังทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ผมยื่นหน้าเข้าไปจูบหน้าผากเธอเบาๆ ผมรู้ว่ามันเชื่อยากเพราะข้อความที่เธอส่งเข้ามามันทำให้เข้าใจผิดได้ง่ายมากเลย
ผมเองก็ไม่ชอบให้พิมพ์แบบนั้นเหมือนกัน ไอ้ที่บอกว่าผมแม่งรอบคอบอะไรนั่นน่ะ การที่ผมให้เธอกลับไปก่อนเพราะไม่อยากให้ลิซไม่สบายใจเท่านั้นเอง
“สาบานได้ไม่โกหก”
“สาบานแล้วนะคะ”
ลิซทำหน้าดุใส่ ผมเลยดึงเธอเข้ามากอดและหยิบเงินที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงจำนวนหนึ่งออกมาให้เธอ มันเป็นเงินเดือนของผมเอง
ผมอยากให้เธอเชื่อใจผมเหมือนเดิมไม่ผมแม่งไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เมื่อก่อนเป็นยังไงตอนนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ไอ้ที่ทำงานหนักๆ ทุกวันนี้ก็เพื่อเธอทั้งนั้น
ผมไม่ใช่ผู้ชายที่โรแมนติกเหมือนแฟนคนอื่นแต่ผมให้คำมั่นสัญญาว่าถ้าใครที่ได้เป็นเมียผม ผมแม่งจะไม่ยอมให้เธอลำบาก
“สองหมื่นพี่ให้ลิซเก็บไว้”