ที่ผมให้เงินลิซเก็บไว้เพราะอยากให้เธอเชื่อใจผมว่าผมมีแค่เธอคนเดียวและไม่คิดที่จะนอกใจไปหาผู้หญิงคนอื่น ผมมีแค่เธอคนเดียวจริงๆ และไม่เคยคิดที่จะทำอะไรลับหลังเธอด้วย
แค่เธอคนเดียวกูแม่งก็ดูแลยากอยู่แล้วคงไม่เอาตัวเองไปผูกมัดกับใครแล้วล่ะ ลิซยิ้มให้ผมแต่เธอกลับไม่เอาเงินของผมเธอยื่นเงินคืนให้แล้วบอกให้ผมเก็บไว้เอง
เชื่อป่ะตั้งแต่ที่เราอยู่ด้วยกันมาลิซไม่เคยรับเงินจากผมเลยสักบาท เงินเดือนผมออกทีไรผมก็จะให้เธอเป็นคนเก็บเพื่อพิสูจน์ผมแม่งโคตรจริงจังกับเธอเลย
ผมก็เป็นของผมแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ไม่ได้โรแมนติกพูดคำหวานๆ กับเมีย ไม่ได้มีของหรูหราราคาแพงมาเซอร์ไพรส์
ถ้าถามว่าผมมีอะไรที่เทียบกับผู้ชายคนอื่นได้นั่นคือผมยอมเป็นทุกอย่างให้คนที่ผมรัก ไม่ว่าเธออยากให้ผมเป็นอะไรผมก็พร้อมที่จะเป็นให้เธอ ที่ผมทำงานหนักก็เพื่อให้เธอสุขสบายไม่ขัดสนเรื่องเงินถ้าหากว่าเธอต้องการที่จะใช้
“พี่คิณณ์เก็บไว้เถอะค่ะมันเป็นเงินที่พี่หาได้ไม่ใช่เหรอ?” ผมไม่ค่อยได้ใช้เงินเท่าไหร่หรอก แต่ลูกคุณหนูอย่างลิซถ้าไม่ใช้เงินคงอยู่ไม่ได้แน่ๆ ล่ะ
เพราะงั้นการที่ผมให้เงินเธอใช้มันก็ถูกต้องแล้วเดี๋ยวครอบครัวของเธอจะหาว่าผมดูแลเธอไม่ดี และที่สำคัญผมกลัวว่าลิซจะไม่ต้องการผู้ชายจนๆ อย่างผมดูแล
“ถ้าวันไหนหนูต้องการจะใช้เงินหนูจะขอพี่คิณณ์นะคะ”
“อ่า เอางั้นก็ได้”
เมียกูแม่งโคตรน่ารักเลยว่ะ
[AKIN : SAID END]
“วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะ
พรุ่งนี้ให้น้องๆ มาให้เร็วกว่านี้หน่อยนะเพราะจะถึงวันแข่งแล้ว” ตุ๊กตาสั่งรุ่นน้องที่มาซ้อมเต้นหลีดด้วยน้ำเสียงที่เข้มจัดเพื่อให้ดูน่ากลัว
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่ฉันต้องมาดูน้องๆ ซ้อมเต้นและก็เลิกดึกดื่นจนทำให้พี่คิณณ์ต้องมารับ บางทีฉันเองก็เกรงใจเขานะถึงแม้ว่าเราจะเป็นแฟนกันแล้วแต่ฉันก็เกรงใจอยู่ดี
เพราะเขาต้องทำงานทั้งวันพอทำงานเสร็จก็ต้องมารอฉันอีกแทนที่จะได้กลับไปพักผ่อนได้แล้ว ที่จริงฉันก็บอกพี่คิณณ์แล้วนะว่าไม่ต้องมารับเดี๋ยวฉันจะให้เพื่อนไปส่งเองแต่เขาก็ไม่ยอมเขาบอกว่าเขามารอฉันได้
“พี่ลิซกลับยังไงคะ?” จัสมินเดินเข้ามาถามเมื่อเห็นว่าฉันอยู่คนเดียว
ฉันหันหลังกลับไปมองคนตรงหน้าที่มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาเต็มใบหน้า น่าสงสารเหมือนกันนะที่ซ้อมหนักขนาดนี้ เพื่อนฉันมันเข้มวงดเรื่องกิจกรรมหนักมาก ตอนที่ฉันอยู่ปีหนึ่งก็ซ้อมหนักเหมือนน้องแหละ
“พี่คิณณ์มารับหรือเปล่าคะ?”
“อืมใช่แล้วล่ะ ทำไมเหรอ?” จัสมินยิ้มให้ฉันแล้วหน้าแดงขึ้นมาเหมือนเธอกำลังเขินฉันอยู่ ฉันเลิกคิ้วถามทันทีว่าเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมถึงถามถึงพี่คิณณ์ด้วย จัสมินเงยหน้าขึ้นมามองฉันแล้วพูดขึ้นมา
“คะ...คือหนูไม่ได้เอารถมาพี่ลิซจะว่าอะไรมั้ยคะถ้าหนูจะขอติดรถไปด้วย”
ก็นึกว่าเรื่องอะไร ฉันให้พี่คิณณ์ไปส่งจัสมินได้นะไม่มีปัญหาอะไรหรอก ฉันพยักหน้าแล้วเดินไปหาพี่คิณณ์ที่ยืนรออยู่ข้างๆ รถมอเตอร์ไซต์ของเขา
จริงสิฉันลืมไปเลยว่าเราไม่ได้นั่งรถยนต์มาแต่นั่งมอเตอร์ไซต์มา แล้วจะนั่งกันยังไงล่ะเนี่ย จะซ้อนกันไปยังไง
“สวัสดีค่ะพี่คิณณ์” จัสมินเดินตามฉันหลังมาเอ่ยทักพี่คิณณ์
“อ่า หวัดดี”
พี่คิณณ์รับไหว้จัสมินก่อนจะเดินมาเอากระเป๋าสะพายฉันไปถือให้พร้อมหนังสือที่อยู่ในมือด้วย รู้มั้นว่าตั้งแต่ที่เขาขึ้นเสียงใส่ฉันวันนั้นเขาก็ดูเอาใจฉันมากขึ้นจากที่ไม่เคยทำมาก่อนเลย เขาทำตัวน่ารักมากกว่าเดิมเลยล่ะ
“วันนี้เลิกดึกนะเนี่ย”
“ใกล้จะถึงวันแข่งแล้วนี่คะก็เลยต้องซ้อมหนัก น้องๆ เองก็ต้องอดหลับอดนอนเหมือนกันน่าสงสารมากเลยนะคะ”
“กลับกันเลยป่ะ?”
“พี่คิณณ์คะจัสมินไม่ได้เอารถมาแวะไปส่งเธอด้วยนะคะ” พี่คิณณ์เลิกคิ้วเหมือนงงๆ แต่ก็พยักหน้าแล้วให้ฉันนั่งหน้าส่วนจัสมินนั่งหลัง
พี่คิณณ์แวะส่งฉันก่อนเพราะว่าหอพักของเราอยู่ใกล้และเขาอยากให้ฉันขึ้นไปพักผ่อนก่อน พี่คิณณ์ก็เลยอาสาไปส่งจัสมินคนเดียว
ที่จริงฉันกะว่าจะไปด้วยแต่ก็เห็นว่าพี่คิณณ์น่าจะขี่รถลำบากเลยยอมให้เขาไปส่งน้องคนเดียว ฉันไม่ได้ระแวงพี่คิณณ์กับจัสมินหรอกนะแต่ฉันแค่อยากไปกับเขาเท่านั้นเอง
ฉันกลับเข้ามาที่ห้องและเข้าไปอาบน้ำรอพี่คิณณ์กลับมา หลังจากอาบน้ำเสร็จออกมาจากห้องพี่คิณณ์ก็ยังไม่ได้กลับมา ฉันก็เลยโทรหาเขาด้วยความเป็นห่วงโทรไปสายแรกเขาไม่รับ
เลยโทรอีกสายไม่รู้ว่าเป็นอะไรหรือเปล่า นี่ถ้าสายนี้เขาไม่รับฉันจะออกไปตามหาเขาจริงๆ นะ แต่ไม่นานเขาก็กดรับสายทำให้ได้ยินเสียงลมแทรกเข้ามาในสายด้วย แสดงว่าเขากำลังขี่รถอยู่แน่ๆ
[ว่าไงลิซพี่กำลังกลับ]
“เปล่าค่ะหนูเป็นห่วงเลยโทรหา”
ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกที่พี่คิณณ์กำลังจะกลับมา ฉันเก็บเสื้อผ้าของพี่คิณณ์ที่ถอดทิ้งไว้เข้าตะกร้าแต่กลับมีของบางอย่างหล่นออกมาจากกระเป๋ากางเกงของเขาซะอย่างนั้น
ฉันหยิบมันขึ้นมาดูก็ต้องตกใจเมื่อมันคือถุงยางอนามัยนั่นเอง มีของสิ่งนี้อยู่ในกระเป๋ากางเกงของพี่คิณณ์ได้ยังไง ฉันจะไม่แปลกใจเลยนะหากว่ามันยังไม่ได้แกะใช้แล้ว
“มาได้ไงเนี่ย”
กริ๊ก!
เสียงไขกุญแจเข้ามาในห้อง แสดงว่าพี่คิณณ์กลับมาแล้วฉันชูซองถุงยางที่ใช้ถูกแกะซองแล้วให้คนตรงหน้าดูเพื่อที่จะถามเขาว่ามันมาจากไหน
พี่คิณณ์ทำหน้าตกใจแล้วส่ายหน้าปฏิเสธไม่รู้เรื่องว่าของสิ่งนี้มันมาได้ยังไง เขาจะไม่รู้ได้ไงก็มันอยู่ในกระเป๋ากางเกงของเขาอ่ะ
ถ้าเขาไม่รู้เรื่องแล้วใครจะรู้เพราะกางเกงตัวนี้มันคือตัวที่เขาใส่ไปทำงานเมื่อวานนี้ตอนกลางคืนและเป็นตัวเดียวกับเขาไปเจอผู้หญิงที่เขาคุยไลน์ด้วย ถ้าจะโกหกก็ควรโกหกให้เนียนกว่านี้หน่อยนะ
“มาได้ไงวะ?”
คนตรงหน้าทำหน้าไม่รู้ได้เนียนมาก ทำเอาฉันเกือบเชื่อไปเลยแต่โทษทีฉันไม่มีทางเชื่อแน่เพราะเดี๋ยวนี้เขาทำตัวมีพิรุธยังไงไม่รู้ ไหนจะแชทที่เขาคุยกับผู้หญิงคนนั้นอีก มันทำให้ฉันเื่อเขาไม่ได้เลยจริงๆ
ไอ้ที่ตกใจเพราะอะไรรู้ป่ะเพราะเขาไม่เคยมีประวัตินอกใจฉันมาก่อนเลยตลอดระยะเวลาที่เราคบกันมา
เขาจะไม่โรแมนติกฉันไม่ว่าเลยแต่ขออย่างเดียวอย่านอกใจฉัน อย่าทำเหมือนฉันไม่มีความสำคัญกับเขา ฉันไม่อยากถูกมองข้าม
“มันไม่ใช่ของพี่นะลิซ”
“งั้นเหรอคะ?” ฉันโยนมันทิ้งลงพื้นพร้อมกับใช้เท้าเหยียบมันอย่างนึกรังเกียจ
บ้าจริงถ้าไม่ใช่ของพี่คิณณ์แล้วใครเอามันมาใส่ในกระเป๋าของเขาได้ล่ะก็ในเมื่อกางเกงที่เขาใส่มันอยู่กับเขาตลอดเวลาเลยไม่ใช่เหรอ ฉันเองก็ไม่อยากเชื่อหรอกนะว่าพี่คิณณ์จะนอกใจฉันอ่ะ ไม่อยากเชื่อจริงๆ นะ
“พี่สาบานได้นะลิซว่าถุงยางนี่ไม่ใช่ของพี่” เขามองหน้าด้วยสีหน้าที่จริงจังมาก
พี่คิณณ์น่ะหากว่าเขาไม่ได้ทำจริงๆ เขาก็จะไม่ยอมรับเด็ดขาด มันเลยทำให้ฉันเริ่มเชื่อเขาแล้วว่าถุงยาง นั่นไม่ใช่ของเขาจริงๆ
พี่คิณณ์หยิบถุงยางขึ้นมาแล้วเอาไปทิ้งที่ถังขยะก่อนจะถอดเสื้อเพื่อจะอาบน้ำ แต่พอฉันทำหน้าไม่ไว้ใจพี่คิณณ์ก็เดินเข้ามากดจูบปากฉันเบาๆ
“เชื่อใจพี่ป่ะ?”
“...” คำถามของพี่คิณณ์ทำให้ฉันตอบเขาไม่ได้ เพราะเขาทำตัวให้ฉันไม่เชื่อเขาเอง
ที่ผ่านมาฉันเชื่อใจเขามาตลอดไมาเคยระแวงเรื่องผู้หญิงเลย แม้กระทั่งมือถือของเขาฉันก็ไม่เคยเช็คเลย แต่ตอนนี้ฉันเองก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขายังเหมือนเดิมกับฉันอยู่หรือเปล่า
“ถึงพี่จะดูไม่น่าเชื่อใจแต่พี่ก็ไม่ได้เลวมากพอที่จะนอกใจลิซนะ ที่ผ่านมาพี่เคยทำให้ลิซไม่เชื่อใจไง?”
ฉันเองก็คิดแบบนั้นแต่ฉันแค่อยากรู้ว่าใครกันที่แกล้งเราได้ขนาดนี้ เหมือนอยากจะให้ฉันกับพี่คิณณ์ทะเลาะกันยังไงไม่รู้ หรือว่าจะมีใครสักคนต้องการที่จะให้ฉันเลิกกับพี่คิณณ์อย่างนั้นเหรอ
งั้นก็คงไม่ต้องคิดไปไกลแล้วล่ะ ก็คงจะมีแต่พ่อแม่ฉันเท่านั้นที่ไม่อยากให้ฉันคบกับพี่คิณณ์ก็เลยจงใจกลั่นแกล้งแบบนี้ ก็ไม่ได้อยากใส่ร้ายพ่อแม่ตัวเองหรอกนะ แต่มันก็นึกถึงคนอื่นไม่ได้เลยนอกจากพ่อแม่ของฉันที่อยากจะให้ฉันเลิกกับพี่คิณณ์มากที่สุด
“พรุ่งนี้หนูจะกลับบ้านนะคะ”
พี่คิณณ์หันกลับมามองฉันทันทีเหมือนเขาไม่อยากให้ฉันกลับบ้านตัวเองเพราะกลัวว่าจะที่บ้านจะไม่ยอมให้ฉันกลับมาหาเขา พ่อกับแม่ไม่กล้าขัดใจฉันหรอกหากว่าฉันคิดจะกลับมาหาพี่คิณณ์
“เดี๋ยวพี่ไปด้วย”
“หนูไม่รบกวนพี่คิณณ์หรอกค่ะ”
ที่จริงฉันก็อยากให้พี่คิณณ์ไปด้วยนะแต่ว่าถ้าเขาไปด้วยพ่อแม่และญาติๆ ของฉันคงไม่ชอบใจแน่เลย ฉันไม่อยากให้พี่คิณณ์โดนต่อว่าจนทำให้รู้สึกไม่ดี
“คือหนูมีธุระที่ต้องไปทำ ไปเองน่าจะสะดวกกว่า”
“อื้อ เอางั้นก็ได้”