เจ้าจะหย่ากับข้าไหม

1693 คำ
นึกว่าวันนี้จะกล้ากว่าเมื่อวาน ใบหน้าที่เคยเรียบเฉยซีดขาวบัดนี้กลับมีสีแดงระเรื่อเหมือนเด็กสาว “องค์ชาย หว่านหนิงออกไปก่อนแล้วองค์ชายค่อยไปอาบน้ำ” “ข้าไม่อาบแล้ว”พาตัวเองออกจากผ้าม่านลืมเสียสนิทว่าเปลือยอยู่ พอโผล่ออกมาก็นึกได้ หว่านหนิงเขินเหมือนกันจึงหลับตาเสีย ใจลี่หยางเต้นแรงยิ่งกว่ากลองศึก หว่านหนิงพาตัวเองออกมาจากห้องน้ำ คนอะไรไม่ประสาเรื่องแบบนี้บ้างเลยหรือ หว่านหนิงอมยิ้มนึกขำ “เสี่ยวกู้ดูแลองค์ชายอย่างไรกันถึงให้องค์ชายอาบน้ำเพียงลำพัง”หว่านหนิงแก้เก้อโดยการว่ากล่าวเสี่ยวกู้ที่ยืนเก้กังอยู่ตรงนั้น “องค์ชายบอกไม่คุ้นชินกับการปรนนิบัติ พระชายาโปรดอภัย”หว่านหนิงถอนหายใจ ชีวิตที่ผ่านมาคงเคยชินแต่การใช้ชีวิตลำพัง ลี่หยางหย่อนตัวลงในน้ำ ทอดถอนหายใจยาวเหยียด นางเป็นภรรยา ทำไมเขาถึงต้องเขินอายขนาดนั้นด้วย เครื่องเสวยเย็นรสชาติถูกปากอีกตามเคย เป็นเพราะเขาไม่เคยได้กิน ของดีหรือว่าของที่กินมีแต่ของเหลือจากเครื่องเสวยจากตำหนักต่างๆ ที่แอบไปหยิบมาจากห้องเครื่อง ค่ำคืนหนึ่งในวันครบรอบวันตายของมารดาเขาจุดธูปกลิ่นฟุ้งไปไกล ไม่มี งานครบรอบไม่มีการรำลึกถึง ฮ่องเต้ให้กงกงนำป้ายชื่อมารดามาวางไว้ในตำหนักให้เขาดูต่างหน้า กลางดึกคืนนั้น หลังจากที่ร้องไห้จนเผลอหลับไป ครึ่งหลับครึ่งตื่นเห็นเหมือนเงาของใครบางคนเดินจากไปข้างหน้า เขาพบอาหารมากมาย ตรงหน้ามีแต่ของดีดีทั้งหมูและไก่ ปูตัวใหญ่ถูกแกะเอาแต่เนื้อวางไว้ในกระดอง เขาไม่สนใจว่าอาหารมาได้อย่างไรหยิบมันขึ้นมากินด้วยความเอร็ดอร่อย นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้กินของดีดีจนป่านนี่ลี่หยางยังไม่รู้ว่าใครกันที่นำอาหารมาให้ หลังจากวันนั้นก็มีเสียงร่ำลือเรื่องมีคนเห็นวิญญาณของพระสนม ในตำหนักร้อยดาว จากที่ไม่มีใครย่างกรายเข้ามาใกล้ยิ่งทำให้ไม่มีใคร กล้าเข้ามาอีกตลอดไป “องค์ชายชอบเครื่องเสวยเหล่านี้ไหม”หว่านหนิงชวนคุย “กินได้”เอ่ยเพียงสั้นๆ แต่ในใจกลับคิดว่าหากนางคิดว่าไม่ชอบแล้ว ไม่ทำให้อีกเล่า “ความจริง ข้าไม่เคยกินของพวกนี้ส่วนมากอาหารของข้ามักจะเป็นของ...ที่เหลือจากห้องเครื่องของแต่ล่ะตำหนัก”หลบตาด้วยความที่รู้สึกว่าเปิดเผยเรื่องราวน่าอายให้หว่านหนิงฟังจนเกินไป หว่านหนิงนิ่งฟังไม่แสดงความเห็น “เจ้า จะหย่ากับข้าก็ได้แต่ต้องขอประทานอนุญาตกับฝ่าบาท หากจะหย่าต้องรีบขอให้เร็วหน่อย”พูดรัวเร็ว หว่านหนิงเลิกคิ้วสูง ลี่หยางอยากบอกเหลือเกินว่าหากนานวันเข้าเขาก็จะต้องเคยชินกับการที่มีนางอยู่ข้างกาย และจะต้องทนใช้ชีวิตลำพังอีก สู้นางไปเสียตอนนี้เขาจะได้ไม่ต้องทรมานกับความผูกพัน หว่านหนิงยิ้มบางๆ “คงต้อง…. ให้องค์ชายเป็นคนทูลฝ่าบาทเรื่องนี้” “เจ้าต้องการเช่นนั้นหรือ”หว่านหนิงยังยิ้ม “หว่านหนิง.. ไม่ต้องการแต่….หากองค์ชายต้องการคงต้องทูลฝ่าบาทเอง”เผลอยิ้ม ด้วยความปีติเพียงเสี้ยววินาทีหว่านหนิงไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มพิสุทธิ์นั้นด้วยซ้ำ หัวใจเริ่มรู้สึกอบอุ่น เช้าสดใส นกหู่ผีอิงอู่ (นกหงส์หยก) ส่งเสียงร้องสดใส หว่านหนิงชันตัวลุกขึ้น อีกคนยังนอนขดตัวอยู่ข้างๆ ว่าด้วยเรื่องการนอนขดตัวเป็นลักษณะของคนขาดคนคอยเอาใจใส่ ต้องการความรักเหมือนคนขาดความอบอุ่น แต่ลึกๆ เป็นคนอ่อนไหว และมีความสามารถซ่อนอยู่ในตัวมากมาย หว่านหนิงดึงผ้าห่มมาห่มให้ก่อนจะออกไปจัดแจงตัวเองแล้วเดินเข้าห้องเครื่องเล็กๆ ถ้ดไป อิงไถกับกุ้ยอิงเตรียมเครื่องเสวยเหมือนทุกวัน "วันนี้ทำไมองค์ชายห้าตื่นสายกว่าปกติ"อิงไถที่ปราดเปรื่องตั้งข้อสังเกต หว่านหนิงเดินกลับไป ยกมือขึ้นแตะหน้าผาก ความร้อนจากร่างกายแผ่ซ่านเข้าสู่หลังมือ “ไม่สบายแน่แล้ว เสี่ยวกู้ตามหมอหลวง”ประโยคหลังตะโกนสั่งเสี่ยวกู้ เสี่ยวกู้วิ่งเหยาะๆ เข้ามา “พระชายา หมอหลวงแต่เดิมไม่เคยมาที่ตำหนักร้อยดาว”หว่านหนิงขมวดคิ้วมีสิ่งใดเป็นเงื่อนไขต่อจากนี้อีก “ทำไม ชีวิตคน เหตุใดถึงไม่ยอมมา” “เอ่อๆๆ องค์ชาย เคยใช้มีดไล่แทงหมอหลวง ตอนที่ฮองเฮาให้หมอหลวงนำเทียบยามาให้และบังคับให้องค์ชายกินยาแก้ไข้ที่มีรสขม ฮองเฮาทรงกริ้วตั้งแต่นั้นมารับสั่งไม่ให้หมอหลวงเข้ามา ในตำหนักร้อยดาว”หว่านหนิงส่ายหน้าไปมา “ฝากบอกฮองเฮาด้วยว่า ไม่มีใครชอบรสขม และไม่อาจบังคับให้กินของรสขมได้” “ทะ..ทะ. .ทำไมต้องฝากให้เสี่ยวกู้บอกฮองเฮาด้วย”หว่านหนิงยิ้มบางๆ “เพราะข้ารู้อยู่แก่ใจดีว่าเจ้าเป็นคนของฮองเฮา ที่เข้ามาสืบเรื่องราวในตำหนักร้อยดาว แต่ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมต้องมาสืบเรื่องราวในตำหนักในเมื่อองค์ชายห้าไม่ได้มีพิษสงอะไร หรือคงจะเป็นเพราะว่าเกรงว่าองค์ชายห้าจะติฉินนินทาอะไรฮองเฮาหรือเปล่า” “ พระชายาโปรดไว้ชีวิตด้วย เสี่ยวกู้ยอมรับผิดแต่โดยดี เสี่ยวกู้ถูกสั่งให้จับตาและรายงานเรื่องราวในตำหนักร้อยดาว” "ดีแล้ว สารภาพเสียตอนนี้ดีกว่าข้าบังคับให้พูดต่อหน้าฝ่าบาท เสี่ยวกู้ข้ามองเจ้าเป็นคนดีไม่น้อย แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมหลงผิดรวมหัวกันรังแกคนที่ไร้ทางสู้อย่างองค์ชาย ต่อแต่นี้เราอยู่กันแบบครอบครัวเข้ามาในตำหนักร้อยดาวแล้วก็เป็นคนของตำหนักร้อยดาว เรื่องไหนควรบอกก็บอก เรื่องไหนที่ไม่ควรบอกหวังว่าเจ้าจะเข้าใจ ข้าจะดีกับเจ้าตลอดไปหากคำพูดของเจ้าช่วยเหลือองค์ชายห้าได้” “พระชายาเสี่ยวกู้กลัวแล้ว จะจำคำของพระชายาไว้”น้ำเสียงจริงจังดุจคำสาบาน “ข้าดูคนออกเจ้าไม่ได้เลวร้ายอะไรเอาล่ะสายตาเจ้าเป็นห่วงองค์ชายไม่น้อยในเมื่อองค์ชายไม่สบาย อย่างนั้นไปขอยาจากหมอหลวงมาเทียบหนึ่ง บอกว่าข้าต้องการหากเขามีอะไรสงสัยให้มาถามกับข้าเอาเอง”แม้แต่ป่วยไข้ก็ไม่ให้รักษาเช่นนั้นหรือ ลี่หยางนอนขดอาการไข้รุมเร้า หว่านหนิงเอาน้ำใส่อ่างมาเช็ดตัวให้ แกะเสื้อนอนออกสัมผัสเนื้อตัวที่เต็มไปด้วยกล้ามแน่นด้วยความที่เป็นหนุ่มเต็มตัวแม้จะเขินอายเพียงใดหว่านหนิงก็ต้องทำเพราะจะปล่อยให้ตัวร้อนอย่างนี้คงไม่ดีแน่ เขาไม่รู้สึกตัวปัดป้องไปมาด้วยฤิทธิ์ไข้ ไม่ยอมให้เช็ดตัวแต่โดยดีหรือว่าไม่เคยมีใครทำให้แบบนี้ เช็ดตัวจนตัวเริ่มย็นลืมตามองหว่านหนิง “เสี่ยวกู้ บอกฝ่าบาทว่าวันนี้องค์ชาย ประชวรไปถวายงานไม่ได้”จัดแจงเสียเรียบร้อย กุ้ยอิง นำยาจากเสี่ยวกู้ไปเคี่ยวจนได้ที่ยกข้าวต้มร้อนๆ และยามาวางไว้ข้างๆ แล้วออกไป “เสวยเสียก่อนแล้วค่อย…. กินยา”ทอดเสียงอ่อนโยนเหมือนพูดกับเด็กๆ ลี่หยางชันตัวลุกขึ้นนั่งเอื้อมมือหยิบข้าวต้ม แต่หว่านหนิงกับยื้อไว้ตักข้าวต้มใส่ในช้อนยื่นจรดริมฝีปากลี่หยางที่ไม่ยอมอ้าปากด้วยความประหม่าและเขินอายแต่ใบหน้ากลับเรียบเฉย “หว่านหนิงต้มเองกับมือ ท่านห้าต้องลองชิมดูเสียหน่อยหากไม่ถูกปากหว่านหนิงจะได้ไปทำให้ใหม่”หลุบตามองข้าวต้มขนตางอนงามเหมือนผู้หญิงอ้าปากงับเอาช้อนที่มีข้าวต้มอยู่ หว่านหนิงยิ้ม ไม่ปริปากสักคำว่าอร่อยหรือไม่แต่กินเสียหมดชาม “ยารสขมเพียงนิดองค์ชายคงยังไม่รู้ว่าการผสมน้ำผึ้งลงไปแล้วจะลดความขมลงได้ไม่น้อย”สีหน้าเรียบเฉยแต่ก็ส่ายหน้าไปมา “องค์ชายท่านไม่ใช่องค์ชายตัวน้อยที่จะต้องกลัวการกินยา หากไม่กินเกรงว่าจะป่วยอีกหลายวันไปถวายงานไม่ได้” “ข้าไม่เคยกิน มันก็หายเองในไม่ช้า”พูดด้วยความคิดว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ บางครั้งเขาขดตัวด้วยความป่วยไข้เพียงสองสามคืนปราศจากยาปราศจากการรักษา แต่ก็หายแม้จะทรมานหน่อยแต่ในที่สุดก็หายได้เองโดยไม่ต้องพึ่งหมอหลวง “องค์ชาย มันไม่ได้ขมอย่างที่ควรจะเป็นหว่านหนิงชิมให้ดู”ยกถ้วยยาขึ้นทำท่าจิบรสขมมากกว่ารสหวาน อยากทำหน้าเหยเกแต่ก็ต้องแสร้งทำเป็นว่าไม่ขม “ตาท่านแล้ว”ยื่นถ้วยยาไปตรงหน้าลี่หยางส่ายหน้าไปมา หว่านหนิงดึงถ้วยยามากระดกเข้าไปในปากก้มหน้าลงประกบริมฝีปากเข้ากับปากของลี่หยางที่ตกตะลึง ปล่อยยาไหลผ่านลงคอ ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกใจปากนุ่มกับยารสขมหวาน ริมฝีปากเบียดชิดแนบแน่นไม่ให้ยาหกรดเสื้อและลำคอกลายเป็นบดเบียดริมฝีปากไปมา ทำเอาลี่หยางเตลิดไปไกลเผลอยกมือขึ้นกอดร่างบางของหว่านหนิงไว้ ยาหมดไปแล้วแต่ลี่หยางยังดึงตัวหว่านหนิงไว้อย่างนั้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม