มือใหญ่คว้าร่างนางไป แล้วเบียดหญิงสาวแนบชิดกำแพง หน้าอกนางแนบกับผนัง ใบหน้าหวานหยาดเยิ้มสัมผัสความชื้นของตะไคร้น้ำที่เกาะเต็มไปหมด
ยามนั้น หัวใจหยวนรุ่ยฟงสั่นไหวรุนแรง นางกลัวจนแทบหยุดหายใจชั่วขณะ กระทั่งได้ยินเสียงของคนที่อยู่ด้านหลังตน ฝ่ายนั้นช่างเป็นคนชั้นต่ำ มารยาททราม เขาถลกกระโปรงผ้าสีขาวเนื้อหยาบขึ้นสูง จนเผยให้เห็นต้นขาเรียวเสลาและขาวผ่อง
อ๊ะ... นางไม่ทันได้ขัดขืน หรือร้องห้ามปราม ถึงจะอ่อนต่อโลก แต่ก็คาดเดาได้ว่าเขาเป็นผู้มีวรยุทธ์ และมือไม้ใหญ่ๆ นั้นคล่องแคล่วนัก
ยามนี้ ผิวขาวราวกับไข่มุกล้ำคาถูกมือใหญ่ลูบไล้สัมผัส ต้นขา และบั้นท้ายนางที่งอนงาม
พอนางดิ้นขัดขืน เขาก็หวดบั้นท้ายนางไปหนึ่งที หวดอย่างไม่คิดว่านางจะเจ็บ หรือรู้สึกอับอายที่ถูกกระทำอย่างจาบจ้วง ยามนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องน่าละอาย แต่หยวนรุ่ยฟงกำลังจะถูกชายแปลกหน้าข่มเหงกลางวันเสกๆ
บัดซบ ชีวิตนางมีเคราะห์กรรมอันใดใหญ่หลวงนัก สวรรค์ไม่เห็นใจนางสักนิด ก่อนหน้านั้นก็คนหยาบช้าเผด็จการ ตอนนี้กลับต้องถูก ขอทาน หรือ พวกโจรป่าย่ำยีเยี่ยงนั้น
อึดใจต่อมา ริมฝีปากอวบอิ่มเผยออ้า นางเตรียมหวีดร้องให้ดัง ทว่าความคิดโง่เขลาถูกอีกฝ่ายขัดขวางไว้ด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“อย่าร้องเชียว ข้าอนุญาต ให้เจ้าทำได้แค่ส่งเสียงคราง ยิ่งครางดังเท่าใด ก็จะรอดพ้นจากการถูกพวกนั้นจับตัวไปรุมโทรม”
คนผู้นี้คิดช่วยนางหรือ ช่วยอย่างไรถึงได้กระทำสิ่งที่ต่ำช้า ราวกับเป็นคนสถุน
และเขาว่าจบ จึงเป่าลมหายใจร้อนๆ รดหลังใบหูนาง มือใหญ่ข้างหนึ่ง เคลื่อนไหวอยู่บริเวณบั้นท้ายหญิงสาว ก่อนทำในสิ่งที่นางอดสูยิ่ง
เขาใช้นิ้วล้วงลึกๆ จนมาถึงด้านหน้า และวาดนิ้วยาวๆ ไปมาเหนือกลีบอวบอูมของนาง แม้จะมีกางเกงชั้นในปกปิดไว้ แต่ชายผู้นี้คงชำนาญในเรื่องข่มเหงผู้อื่น เขาถึงได้แทรกนิ้วเข้าไปถึงปากทางของกลีบเกรสที่แน่นชิดของหยวนรุ่ยฟงได้
และนางยอมรับว่า หลังจากเกิดเรื่องก่อนหน้านี้ ตัวนางนั้น มีความต้องการสูงกว่าปกติ สิ่งที่เกิดขึ้น น่าละอายนัก
“อ๊ะ... ทะ ท่านจะทำสิ่งใดข้า”
“แม่นางน้อย รู้จักการร่วมรักแบบภายนอกหรือไม่... สิ่งนี้ข้าปรารถนาทำกับเจ้า เพื่อช่วยให้รอดพ้นจากชายกลุ่มนั้น เสร็จภายนอก ไม่เรียกว่าการข่มเหงน้ำใจหรอกนะ เพราะอีกไม่นานเจ้าจะเป็นฝ่ายร้องข้าให้ข้ากระทำซ้ำๆ อย่างไม่ออมมือ...”
ได้ยินคำที่เขากล่าวแล้ว ร่างของหยวนรุ่ยฟงก็แข็งทื่อ นางอยากกัดลิ้นตัวเองแล้วตายๆ ไปจากโลกนี้เสีย ทว่าความคิดดังกล่าวถูกปัดทิ้งไป นางต้องมีชีวิตรอด ไม่ใช่เพื่อแก้แค้นให้บิดา แต่เพราะนางรู้ว่า หากร่างนี้ไร้ลมหายใจเมื่อใด คงถูกคนใจอำมหิตกระทำเรื่องชั่วช้ายิ่งกว่านี้ หลายวันที่ผ่านมา นางได้ยินผู้อื่นเล่าว่า ร่างกายของหนุ่มสาวจะถูกซื้อขายไปเล่นสนุกอย่างวิตถาร
ขณะที่นางกำลังนิ่งงัน คิดหาคำตอบอยู่นั้น บุรุษตัวโตที่มีกลิ่นถุงหอมก็หายใจรินรดร่างกายนาง และเขาได้เอ่ยถามสิ่งที่ชวนให้ครั่นคร้ามใจยิ่งกว่าเดิม
“เหตุใด มือปราบผู้นั้นถึงได้ติดตามเจ้า แอบไปทำความผิดใดเอาไว้ หากเล่าให้ข้าฟัง คนผู้นี้ ก็พอมีน้ำใจช่วยเหลือ”
เขาคงหมายถึงไป๋เฉินฉี คนที่ปล่อยตัวนางก่อนหน้านี้
“ทะ ท่านแอบสะกดรอยตามข้าหรอกหรือ”
นางถามอย่างคนอับจนปัญญา
“ช้าก่อน แม่นางน้อย เจ้ามีความสำคัญอันใด ให้ข้าเสียเวลากระทำเยี่ยงนั้น ตอบมาเสียดีๆ เจ้าทำความผิดใดเอาไว้”
หยวนรุ่ยฟงตระหนักได้ว่า นางไม่ควรปิดบังอีกฝ่าย จึงเล่าไปตามความจริง
“เอ่อ ใต้เท้าผู้นั้น เพียงแต่เข้าใจผิด หาไม่แล้วข้าคงต้องไปอยู่ในคุก ส่วนท่านก็สมควรปล่อยข้าเสียที”
“ปล่อยเจ้า โถ ปล่อยให้เจ้าถูกชายฉกรรจ์พวกนั้นจับไปเป็นของเล่นหรืออย่างไร พวกมันล้วนกลัดมัน เจ้าไม่กลัวว่าจะร่างบอบบางนี้ จะเปื้อนน้ำกาม ทั้งทางปาก ก้น และกลีบงามๆ นี้หรอกหรือ ซ้ำร้ายอาจกลายเป็นศพตายโหง มีสภาพอนาถเป็นที่น่ารังเกียจต่อสายตาผู้คน”
เขาไม่ว่าเปล่า หากนิ้วยาวๆ นั้นสัมผัสเกรสของหยวนรุ่ยฟง บีบบี้พอนางตัวสั่นน้อยๆ แล้วตามด้วยการจูบที่หลังต้นคอที่มีไรผมอ่อนๆ
และผิวนางบอบบางยิ่ง เพียงแค่จูบเบาๆ ก็เป็นรอยแดง
หยวนรุ่ยฟงอ่อนระทวย นางสับสน สมองว่างเปล่าไปหมด และแม้กลายเป็นคนบ้านแตกชั่วข้ามคืน บิดาเสียชีวิต ท่านย่าก็ไม่รู้ชะตากรรมว่ามีคนปองร้ายหรือไม่ แต่นางเป็นคุณหนูผู้หนึ่ง ไม่ใช่คนไร้หัวนอนปลายเท้า ย่อมไม่ยอมให้ใครข่มเหงย่ำยีง่ายๆ เป็นหนที่สอง
“ทะ ท่าน... ประสงค์สิ่งใดต่อผู้น้อย สตรีคนนี้ ด้อยข้าที่ท่านจะหาความสุขด้วย ปล่อยยั้งมือเถิด”
นางเอ่ยปากอย่างนั้น ด้วยต้องการเอาตัวรอด อย่างไรเสียจะให้ตนทำเรื่องเสื่อมเสียในที่เช่นนี้มิได้ และยังอาจส่งอันตรายใหญ่หลวงต่อนาง
“ฮึ... ข้าบอกแล้วอย่างไรว่ากำลังช่วยเจ้า อดทนสักหน่อยเถิด และจงครางเสียงให้ดังเข้าไว้ นี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่ข้าจะลดตัว ลงมาเอากับสตรีข้างทางเช่นเจ้า”
โอ้... หัวใจหยวนรุ่ยฟง หดเกร็ง เขากำลังดูถูกนาง
อีกฝ่าย นั้นมีวาจาน่ารังเกียจ และจิตใจหยาบช้า!
“ฮึ ข้างผู้น้อยเป็นสุนัขข้างทาง แล้วคนประเภทใดถึงได้ ลดตัวลงมาสมสู่”
นางไม่ใช่คนร้ายกาจโดยพื้นนิสัย พูดจาก็นุ่มนิ่มปานนั้น ทว่ายามใดที่ต้องเอาตัวรอด นางก็สู้ยิบตา ดังนั้นหากไม่ปกป้องตนเอง หรือร้ายให้ผู้อื่นเห็นบ้าง นางคงเป็นคนสมองนิ่มเกินไป ช่วงเวลาที่อยู่ในจวนเจ้ากรมโยธา นางถูกกลั่นแกล้งสารพัดจากแม่เลี้ยง และน้องห้า หลายหนที่ไม่อาจอดทนได้ ก็หาทางแก้แค้นคืนอย่างแสบสันต์ กระนั้นด้วยยังเป็นเด็ก จึงถูกสวีตันจับขังอดข้าวอดน้ำ ฝ่ายหยวนอีอี ผู้เป็นน้องสาวก็คอยเป็นลูกมือมารดา คอยซ้ำเติมตลอด
คนตัวสูงเคราหนาหน้าชาไปเล็กน้อย เขาสูงส่งเพียงใด สตรีผู้นี้รนหาที่ตายโดยแท้
“ฮ่าๆ ๆ คนอย่างข้า คือชายที่ว่างงานที่สุดในใต้หล้าเยี่ยงข้าเช่นไรเล่า ชอบทำสิ่งตามอำเภอใจที่สุด และไม่ว่าจะเป็นสุกร หมาตัวเมีย หากข้าอยากจะเย่อมัน ก็เป็นสิ่งที่ข้าใคร่ครวญดีแล้ว รวมถึงเจ้าด้วย แม่นางน้อย...” เขาว่าจบก็ดูดหลังต้นคอนางอย่างแรง