ตอนที่ 9

1586 คำ
“ฉันไม่ยอมให้แกแต่งงานกับนังเดือนหรอกนะ ตาจัก!” เจนสุดาแผดเสียงเกรี้ยวกราดดังลั่นคฤหาสน์ของตระกูลอนันต์ทรัพย์ หล่อนโมโหจนหน้ามืดเมื่อลูกชายมาบอกว่าจะจัดงานแต่งใหญ่โตกับผู้หญิงยากจนต่ำต้อยอย่างเดือนกันยา “เราตกลงกันแล้วนี่ครับคุณแม่” “ฉันไปตกลงกับแกตอนไหน” “ก็ที่ผมบอกคุณแม่ไงครับว่าผมจะแต่งงานกับน้องเดือนเพื่อจะฟันเท่านั้น เบื่อเมื่อไหร่ผมก็เขี่ยทิ้งทันที” เจนสุดาเบ้หน้ามองลูกชายอย่างเดือดดาล “นี่ถ้าแกเกิดอยากฟันผู้หญิงสักร้อยคน ฉันมิต้องจัดงานแต่งใหญ่โตให้แกร้อยรอบเหรอไอ้ลูกไม่รักดี” “ไม่มีผู้หญิงคนไหนเล่นตัวเท่าน้องเดือนหรอกครับ” “มันเล่นตัวก็ไม่ต้องไปยุ่งกับมันสิ” “ก็ผมอยากได้นี่ครับ เล่นตัวแบบนี้แหละยิ่งกระตุ้นให้ผมต้องการมาก ถ้าผมไม่ได้น้องเดือน ผมต้องตายตาไม่หลับแน่ๆ” เจนสุดาจ้องลูกชายตาเขม็ง “ปกติแกมันเก่งไม่ใช่เหรอ เรื่องลากผู้หญิงปล้ำผู้หญิงน่ะ แล้วทำไมไม่เอามาใช้กับมัน ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเงินเสียทองจัดงานแต่ง” “ผมลองแล้วครับแต่มันพลาด และผมแน่ใจว่าน้องเดือนจะต้องระวังตัว และไม่เปิดโอกาสให้ผมได้ใส่ยานอนหลับอีก ดังนั้นทางเดียวที่ผมจะได้ตัวของน้องเดือนเร็วที่สุด ก็คือการแต่งงานครับ” “แต่ฉันไม่เห็นด้วย” “ผมไม่ได้มาขอความเห็นคุณแม่นะครับ ผมมาขอให้คุณแม่จัดงานแต่งให้ต่างหาก” “ไอ้ลูกทรพี!” จักรินจะเดินหนี แต่เจนสุดาเดินมาขวางหน้าเอาไว้ “ฉันไม่น่าคลอดแกออกมาเลย ทำไมวันๆ สร้างแต่เรื่องปวดหัวให้ฉันนะ ไอ้ลูกไม่รักดี” “ผมไม่สนหรอกว่าคุณแม่จะคิดยังไง จะพอใจหรือไม่พอใจ แต่ผมจะแต่งงานกับน้องเดือน และคุณแม่ต้องจัดงานแต่งให้ผมด้วย ผมมาบอกแค่นี้ล่ะครับ” จักรินพูดจบก็เดินออกไป ไม่สนใจเสียงตะโกนด่าจากปากของเจนสุดาเลยแม้แต่น้อย “ฉันน่าจะเอาขี้เถ้ายัดปากแกให้ตายๆ ไปซะ ไอ้จักริน!” ขณะที่เจนสุดากำลังเต้นแร้งเต้นกาด้วยความโมโหอยู่นั้น พุดจีบก็วิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาหาพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ “คุณผู้หญิงคะ โทรศัพท์ค่ะ” “ใคร?” “ไม่ทราบค่ะ รู้แต่ว่าเป็นผู้ชายค่ะ” พุดจีบรีบยื่นโทรศัพท์ไร้สายสีดำให้เจนสุดา “ปกติเสือกทุกเรื่อง ทีเรื่องนี้ทำเป็นไม่เสือกนะนังพุด” พุดจีบหน้าเจื่อน ค่อยๆ ถอยออกห่าง เจนสุดายกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู “บ้านอนันต์ทรัพย์ค่ะ” “สวัสดีครับคุณเจนสุดา” เสียงนี้ น้ำเสียงแบบนี้...? เจนสุดาเบิกตากว้าง ตกใจจนแทบช็อก “ไอ้...ไอ้แม็ก...” “ขอบคุณนะครับที่ยังจำผมได้” “แก...แกโทรมาทำไม” “ผมก็แค่โทรมาทักทายน่ะครับ อีกไม่นานเราคงได้เจอกัน” “ไม่ต้อง...ไม่ต้องมาเลยนะ ที่นี่ไม่มีใครต้อนรับแก ไอ้คนขี้คุก ไอ้คนสันดานบาป” เจนสุดาระรัวคำด่าเข้าใส่ไม่ยั้ง แต่แม็กซิมัสยังคงหัวเราะร่วนมาตามสาย “ที่นั่นคือบ้านของผม” “ไม่ใช่ ไม่มีอะไรเป็นของแกแล้ว พ่อแกยกทุกอย่างให้ฉันกับจักรินหมดแล้ว รู้เอาไว้ด้วย” “งั้นเราก็คงต้องสู้กันสักตั้ง” “นี่แกจะทำอะไร” “เอาไว้ผมจะบอก ตอนที่ผมไปหาคุณนะครับ คุณเจนสุดา” ชื่อของเจนสุดาที่ดังออกมาจากลำคอของแม็กซิมัสแผ่วเบาฟังแทบไม่ได้ยิน แต่มันเลือดเย็นเหลือเกิน เจนสุดาตัวสั่น ตาเหลือกถลน “แก...แกไม่ต้องมานะ ไม่ต้องมานะไอ้แม็ก” แม็กซิมัสวางสายไปแล้ว ขณะที่เจนสุดายังคงตะโกนใส่กระบอกโทรศัพท์ไม่หยุด “ทำยังไงดี...ทำยังไงดี...ไอ้แม็ก...ไอ้แม็กมันกำลังจะกลับมา” เจนสุดาพึมพำราวกับคนเสียสติ ก่อนจะนึกได้ “ใช่ มือปืน ฉันจะฆ่าแก ให้ตายตามพ่อแกไป ไอ้แม็ก” มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาที่ไหลออกมาอาบแก้มทิ้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่คราบน้ำตาก็ยังคงเปรอะเปื้อนบนนวลแก้มไม่คลาย เสียงสะอื้นแผ่วเบาดังเล็ดลอดออกมาจากเรียวปากอิ่มตลอดเวลา ทำไมชีวิตของหล่อนจะต้องมาเผชิญกับสิ่งเลวร้ายเช่นนี้ด้วย แค่ความยากจนข้นแค้นก็เหลือบ่ากว่าแรงที่จะตั้งรับแล้ว ทำไมจะต้องมาเผชิญหน้ากับจักริน ผู้ชายหยาบช้าคนนั้นอีก ความสูญเสียทำให้หล่อนร้องไห้มาตลอดทั้งวัน ตอนแรกหล่อนมั่นใจว่าตัวเองยังไม่ด่างพร้อย แต่พอจักรินยืนยันออกมา ความมั่นใจกลายเป็นศูนย์ขึ้นมาภายในทันที “นี่เรา...เรามีราคีแล้วจริงๆ เหรอ” หญิงสาวที่มานั่งเหม่ออยู่ภายในสวนสาธารณะเงยหน้าขึ้นมองแผ่นฟ้ามืดครึ้มทั้งน้ำตา “ฉันคงไม่มีค่าพอที่จะรอพี่อีกแล้วล่ะ” ความทรงจำในวัยเด็กย้อนกลับมาอีกครั้ง ความสุขเพียงอย่างเดียวของหล่อนก็คือการได้พบเจอและพูดคุยกับพี่ชายคนนั้น แต่หลังจากที่เจอกันได้ไม่นาน เขาก็หายหน้าไป นี่มันกี่ปีแล้วนะที่หล่อนไม่ได้เจอเขา แต่กระนั้นหล่อนก็ยังเฝ้ารอ รอคอยแม้ว่าจะแทบไม่มีหวังเลยก็ตาม มือเล็กยกขึ้นจูบสร้อยเงินที่ห้อยจี้รูปหัวใจครึ่งดวงแผ่วเบา หล่อนแขวนมันติดคอตลอดเวลา เฝ้ารอหัวใจอีกครึ่งดวงเพื่อที่จะได้มาหล่อหลอมกันให้เป็นหนึ่งเดียว แต่มันคงไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เมื่อหล่อนกำลังจะแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ผู้ชายร้ายกาจที่ใช้เล่ห์เหลี่ยมเอาเปรียบหล่อน ผู้ชายที่หล่อนแสนขยะแขยง ร่างเล็กลุกขึ้นจากชิงช้า แต่คงเป็นเพราะนั่งนานเกินไป ทำให้หล่อนเซคล้ายจะเป็นลม “อุ๊ย...” ฝ่ามืออบอุ่นของใครบางคนตวัดรวบรอบเอวเล็กของหล่อนจากทางด้านหลัง “ขอบ...ขอบคุณค่ะ” หล่อนหันไปมองเขา แต่ความมืดมิดทำให้เห็นใบหน้าของเขาไม่ชัดเลย “คุณ...” “เป็นสาวเป็นแส้มานั่งเล่นในที่เปลี่ยวๆ แบบนี้ได้ยังไงกัน มันมืดค่ำแล้วนะครับ” เขาตำหนิหล่อนด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมกับถอยออกห่างไปหลายก้าว หล่อนรู้สึกได้ถึงไออุ่นบางอย่างที่น่าหลงใหล ผู้ชายคนนี้เป็นใครกัน และเข้ามาที่นี่ได้ยังไง สวนสาธารณะที่แทบจะร้างผู้คน เพราะไร้การดูแลเอาใจใส่จากคนในชุมชน “เดือน...เอ่อ ฉันกำลังจะกลับค่ะ” “ก็รีบไปสิ เดี๋ยวถูกข่มขืนขึ้นมาจะยุ่ง” หล่อนรีบถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัว คำขู่ของผู้ชายร่างสูงที่ยืนอยู่ในเงามืดจนมองไม่เห็นหน้าค่าตาทำให้หล่อนตื่นตระหนก “กำลัง...กำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” หล่อนกำลังจะวิ่งหนีไป แต่เสียงห้าวหยุดเอาไว้เสียก่อน “คนที่เธอรอ อีกไม่นานจะได้พบ” “คุณ...” หล่อนหันกลับไปมองเขาอย่างแปลกใจ กำลังจะเอ่ยถามว่าเขารู้ได้ยังไงว่าหล่อนกำลังรอใคร แต่เขาออกปากไล่เสียก่อน “ไปได้แล้ว ก่อนที่ฉันจะแปลงร่างเป็นผู้ร้ายข่มขืนเธอเสียเอง” แม็กซิมัสยืนอมยิ้มขบขัน เมื่อเห็นร่างเล็กของเดือนกันยาวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว “ยังขี้กลัวเหมือนเดิมนะ แม่นางฟ้า” ลีโอนาโดบ่นกระปอดกระแปดกับเพื่อนสนิททันทีเมื่อรู้ว่าแม็กซิมัสจะเดินทางลงใต้ในเช้าวันนี้ “นายจะไปสงขลาวันนี้เลยหรือแม็ก” “อืม เป็นห่วงไร่น่ะ” “แต่นายเพิ่งออกมาจากคุกแค่สามวันเองนะ น่าจะอยู่เที่ยวกับฉันอีก นี่ยังมีที่เที่ยวมหัศจรรย์ที่ฉันยังไม่ได้พานายไปตั้งหลายที่เชียวนะ เสียดายว่ะ” “เอาน่า เดี๋ยวฉันก็ต้องกลับขึ้นมาใหม่อยู่ดี นายก็รู้นี่ว่าฉันจะต้องขึ้นมาสะสางบัญชีแค้นกับเจนสุดา” ลีโอนาโดพยักหน้ารับอย่างไม่ชอบใจนัก “ฉันห้ามนายไม่ได้อยู่แล้วนี่” แม็กซิมัสอมยิ้มตบบ่าเพื่อนเบาๆ “อย่าทำหน้าแบบนี้สิลีโอ เดี๋ยวคนอื่นก็นึกว่านายกับฉันเป็นคู่รักกันพอดี” “จะบ้าหรือไง ฉันไม่ใช่พวกชอบไม้ป่าเดียวกันสักหน่อย” ลีโอนาโดเบ้ปาก และก็อดหันไปมองรอบๆ ตัวไม่ได้ ซึ่งก็ได้เห็นสายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เขากับแม็กซิมัสเป็นตาเดียวกัน “สงสัยคนพวกนี้ไม่เคยเห็นคนหล่อคุยกันมั้ง” ลีโอนาโดเค้นเสียงหงุดหงิด “แล้วนี่เมื่อไหร่นายจะขึ้นมากรุงเทพฯ อีกล่ะ” “ยังไม่รู้เลย แต่คงไม่นานหรอก” “ฉันยังไม่หายคิดถึงนายเลยนะแม็ก” แม็กซิมัสหัวเราะร่วน ก่อนจะประชด “คิดถึงฉันก็ไปใต้ด้วยกันสิ ไปทำไร่กาแฟด้วยกัน สนใจไหมพ่อนายธนาคาร” ลีโอนาโดส่ายหน้าพรืด “ไม่ไหวหรอก ฉันไม่ชอบแดดร้อนๆ สักเท่าไหร่ ชอบอะไรที่อยู่ในร่มมากกว่า” “นายก็เป็นซะแบบนี้” “ก็ใครจะเถื่อนแบบนายวะ” สองหนุ่มหัวเราะร่วน ขณะนั่งจิบกาแฟภายในคอฟฟี่ช็อปหรูแห่งหนึ่งกลางเมืองหลวง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม