“นี่ยายซูซี่ ถ้าเธอสงสารไอ้บ้านนอกคนนั้นมาก เธอก็ไปแต่งงานกับเขาแทนฉันสิ เอาไหมล่ะ ฉันจะยกเงินหนึ่งล้านที่พ่อเลี้ยงภพธรรมโอนมาให้ฉัน ให้เธอทั้งหมดเป็นของแถมที่เธอยอมไปแต่งงานกับไอ้บ้านนอก”
ชาครียาตวาดเสียงดัง โมโหจับใจที่เพื่อนรักแปรพรรคไปเห็นใจคนอื่น แทนที่จะเห็นใจเธอซึ่งต้องแต่งงานกับคนบ้านนอกป่าเถื่อนเหมือนพ่อเลี้ยงกฤตย์
ทางด้านซูซี่ พอถูกเพื่อนรักยกเจ้าบ่าวอันไม่พึงต้องการให้ก็รีบปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“ว้าย! คุณหนูครีม เรื่องอะไรมายกเจ้าบ่าวบ้านนอกให้ฉันกันล่ะ หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่เอาหรอก”
“ฉันก็ไม่เอาเหมือนกัน หัวเด็ดตีนขาดยังไงฉันก็ไม่ยอมแต่งงานกับไอ้พ่อเลี้ยงบ้านนอก เธอลองนึกภาพตามนะซูซี่ ฉันว่าวันๆ ไอ้พ่อเลี้ยงบ้านนอกคลุกอยู่แต่กับวัว เหม็นกลิ่นสาบไปทั้งตัว เสื้อผ้าที่สวมก็คงมอซอ สกปรกไปทั้งตัว ยี้...คิดแล้วขยะแขยง ยังไงๆ ฉันก็ไม่ยอมแต่งงานแน่ๆ”
ไม่ได้เผยความรังเกียจแค่จากถ้อยวาจาที่ดูถูกถากถางเท่านั้น ทว่าชาครียาได้ทำท่าขยะแขยงให้เพื่อนรักเห็นด้วย และยิ่งคิดถึงความสกปรกความบ้านนอกของว่าที่เจ้าบ่าว หญิงสาวก็รู้สึกขยะแขยงจนขนลุกซู่
“เธอจะเริ่มทำตามแผนเมื่อไรครีม”
“หลังจากงานเลี้ยงเริ่มไปแล้วสักชั่วโมง” ชาครียายิ้มเย็นขณะบอกแผนการที่ตระเตรียมมอบให้กับว่าที่เจ้าบ่าว
ซูซี่เลิกคิ้วขึ้นสูงกับคำตอบของเพื่อนรัก “ทำไมเธอต้องรอให้งานเลี้ยงเริ่มไปแล้วล่ะ”
ดวงตากลมโตคู่งามไหววูบด้วยความสะใจ ขณะเจ้าตัวเอ่ยตอบเสียงเย็น
“เพราะตอนนั้นคงมีแขกมาร่วมงานเลี้ยงแต่งงานเป็นร้อยๆ คนแล้ว คราวนี้ไอ้พ่อเลี้ยงบ้านนอกคงขายหน้าจนแทบเอาปี๊บคลุมหน้าได้”
“ร้ายกาจมากเลยนะครีม” ซูซี่เหน็บเพื่อนสาว ทว่าชาครียากลับไม่รู้สึกรู้สา
“ฉันถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกันนะซูซี่”
ชาครียาหัวเราะร่วนอย่างสนุกสนาน อยากเห็นหน้าของพ่อเลี้ยงบ้านนอกในขณะนั้นมากที่สุด
“ฉันว่าเราเลิกพูดถึงไอ้พ่อเลี้ยงบ้านนอกดีกว่าไหม พูดแล้วฉันอารมณ์เสีย พาลจะกินข้าวไม่ลง”
ว่าที่เจ้าสาวซึ่งเตรียมเบี้ยวงานแต่งงาน เตรียมหักหน้าว่าที่เจ้าบ่าว เอ่ยชวนเพื่อนสาวพูดเรื่องอื่นแทน และเรื่องที่ชาครียาสนใจมากที่สุด ซึ่งทำให้เธอตื่นเต้นแทบเนื้อเต้นก็ไม่พ้นเรื่องของไฮโซหนุ่มเจ้าของงานปาร์ตี้วันเกิดในคืนนี้
“ซูซี่ เธอว่าคืนนี้ฉันใส่ชุดสีไหนไปดี ฉันจะได้เด่นเตะตาคุณชายพัตรมากที่สุด”
“ไม่มีคำตอบ ไม่ข้อเสนอแนะ เพราะฉันก็จะแต่งตัวให้สวยที่สุด เพื่อให้คุณชายพัตรมองฉันคนเดียว”
“ยายซูซี่!” ชาครียาขึงตาตวาดเพื่อนสาวดังลั่น “ฉันจองคุณชายพัตรแล้วนะ เธอห้ามมาแย่งของๆ ฉันเด็ดขาด”
“เสียใจยะ งานนี้ใครดีใครได้” ซูซี่หัวเราะร่วน แล้วแกล้งพูดให้เพื่อนรักอารมณ์เสียต่อ “เธอหมดสิทธิ์เหล่ผู้ชายคนอื่นแล้ว เพราะเธอมีว่าที่เจ้าบ่าวบ้านนอกรออยู่ทั้งคนแล้ว”
“ซูซู่!”
คราวนี้ชาครียาตวาดเรียกเพื่อนสาวเสียงดังกว่ารอบแรกหลายเท่า ใบหน้างามแดงก่ำเพราะความโกรธจัด ดวงตาวาววับด้วยความโมโหสุดขีด
“หยุดพูดถึงไอ้บ้านนอก หยุดยัดเหยียดไอ้บ้านนอกที่โง่กว่าลาให้ฉัน เข้าใจไหม!”
“โอเคๆ ไม่พูดก็ไม่พูด”
ซูซู่รับคำกลั้วหัวเราะ จริงๆ อยากยั่วให้เพื่อนรักโกรธมากกว่านี้ แต่กลัวจะถูกอีกฝ่ายฟาดหัวแตกซะก่อน
“อารมณ์เสีย พูดถึงไอ้พ่อเลี้ยงบ้านนอก โง่เต่าตุ๋นแล้วอารมณ์เสียทุกที”
ชาครียาหงุดหงิดทุกคราที่นึกถึงว่าที่เจ้าบ่าวที่เธอไม่ต้องการ และคราวใดที่พูดถึงพ่อเลี้ยงหนุ่ม เธอก็เยาะเย้ยถากถาง คิดว่าคนบ้านนอกคอกนาอย่างพ่อเลี้ยงกฤตย์คงไร้ปัญญา มีแค่แรงไว้ต่อสู้กับพวกวัวพวกม้าที่เขาเลี้ยงไว้เป็นโขยง
ทว่าสิ่งที่ชาครียาคิดไว้มันผิดถนัด เพราะพ่อเลี้ยงกฤตย์ไม่ได้โง่ดักดาน แต่เขาฉลาดเป็นกรดแถมยังมีดีกรีจบปริญญาโทมาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังอันดับต้นๆ จากอเมริกาเสียด้วย
และในขณะชาครียาวางแผนเตรียมทำให้พ่อเลี้ยงกฤตย์ขายหน้าคนทั้งจังหวัด ตัวพ่อเลี้ยงกฤตย์เองก็เตรียมลงทัณฑ์ว่าที่เจ้าสาวกลัวฝนเช่นเดียวกัน!
“งานเลี้ยงจะเริ่มแล้ว เจ้าสาวแต่งตัวยังไม่เสร็จอีกหรือคะพ่อเลี้ยงกฤตย์”
“เมื่อไรเจ้าสาวจะออกมารับแขกสักทีล่ะคะ พวกเรารอนานแล้วนะคะ”
“เจ้าสาวไม่สบายหรือเปล่าครับ ถึงไม่ออกมาต้อนรับแขกเลย”
“เอ๋...เจ้าสาวเบี้ยวงานแต่งงานหรือเปล่าคะพ่อเลี้ยง”
หลายเสียงของแขกที่มาร่วมงานเลี้ยงแต่งงาน ต่างก็แข่งกันถามพ่อเลี้ยงกฤตย์และพ่อเลี้ยงภพธรรม ถึงเจ้าสาวจากเมืองกรุงซึ่งไม่มีทีท่าว่าจะออกมาปรากฏโฉมเดินเคียงคู่กับเจ้าบ่าวสุดหล่อ
ว่าที่เจ้าบ่าวอย่างพ่อเลี้ยงกฤตย์ คาดเดาอยู่แล้วว่าสถานการณ์ต้องออกมาในรูปนี้ จึงพยายามสะกดความโกรธไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉย ผิดกับผู้เป็นบิดาที่หน้าซีดเผือดทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่นึกว่าจะถูกเพื่อนรักและว่าที่ลูกสะใภ้หักหลังเอา
“ฤกตย์ เอายังไงดีลูก ป่านนี้แล้วหนูครีมยังเดินทางมาไม่ถึงงานเลี้ยงเลย”
พ่อเลี้ยงภพธรรมเอ่ยถามเสียงร้อนรน สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้มใจ สายตาจับจ้องมองไปยังทางเข้าฟาร์ม เผื่อว่าจะเห็นชาครียาเดินทางมาถึงในนาทีใดนาทีหนึ่ง
ในขณะผู้เป็นบิดาเป็นเดือดเป็นร้อนที่งานแต่งงานไม่ปรากฏเจ้าสาว ผู้เป็นเจ้าบ่าวกลับนิ่งเฉย ไม่แสดงอาการใดๆ ให้แขกเหรื่อได้เห็น คงมีแค่เพียงเสียงกัดฟันดังกรอดๆ เท่านั้นที่บอกให้รู้ว่าพ่อเลี้ยงกฤตย์กำลังโกรธจวนคลั่ง
“ไม่มีเจ้าสาว ก็ล้มโต๊ะ ยกเลิกงานแต่งงานสิครับ ไม่เห็นจะยาก”
ว่าแล้วพ่อเลี้ยงกฤตย์ก็เดินขึ้นไปบนเวที หยิบไมค์มาประกาศให้แขกเหรื่อทุกคนทราบพร้อมกับเอ่ยขอโทษผู้หลักผู้ใหญ่ที่ทำให้ทุกคนต้องเสียเวลา
“สวัสดีครับ แขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้ทุกท่านเสียเวลาในวันนี้ เผอิญว่าที่เจ้าสาวของผมกำลังทำตัวเป็นเจ้าสาวกลัวฝน หนีการแต่งงาน เลยทำให้ผมไม่มีเจ้าสาวมาร่วมงานแต่งงานในคืนนี้ด้วย ถ้ายังไงผมต้องกราบขอโทษทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ”
ในเมื่อชาครียาไม่รักษาหน้าของคนที่จะเป็นสามีในอนาคตของเธอ พ่อเลี้ยง
กฤตย์เองก็ไม่จำเป็นต้องรักษาหน้าชาครียาเช่นเดียวกัน เขาจงใจบอกให้แขกเหรื่อทุกคนรู้ว่าเพราะเหตุใดงานแต่งงานถึงล่มไม่เป็นท่า