"โธ่เว้ย!" จัสตินฟาดมือเข้ากับพวงมาลัยสุดแรง เขาหงุดหงิดตัวเองที่รู้สึกผิดกับการกระทำเมื่อครู่ ภาพใบหน้าสวยคมของนันทิชาที่อาบไปด้วยน้ำตาทำให้เขาอยากระเบิดตัวเองทิ้ง
"อาห์..." ยิ่งคิดถึงนันทิชามากเท่าไหร่ ลำกายที่ก็ขยายขึ้นเรื่อยๆ จัสตินปลดเข็มขัดและใช้มือล้วงเข้าไปกอบกุมลำกายและเลื่อนมันขึ้นลง
"แนท..." เขาห้ามใจไม่ให้คิดถึงเธอไม่ได้จริงๆ
"อ๊ะ... แนท" ลำกายกระตุกหงึกเร็วขึ้นเรื่อยๆ
"แนท แนทจ๋า จะออกแล้วแนท แนท แนท อู้..." น้ำสีขาวขุ่นพุ่งออกมาเลอะมือของเขาและเปียกกางเกงในจนชุ่ม จัสตินหยิบกระดาษทิชชู่มาซับน้ำที่พ่นออกมาจากความกระหื่นหายในตัวนันทิชาจนหมด เขานึกสมเพชที่ต้องช่วยตัวเองแบบนี้ ถ้าใครรู้ว่าเขาหลงชื่นชมตัวเองที่นันทิชาคิดถึง ทั้งๆ ที่เธอหมายถึงสุนัขสี่ขา บรรดาลูกน้องต้องหมดความยำเกรงเขาแน่
วันต่อมา...
"แนทไปทำงานไหวแน่นะลูก" ป้าจิตถามด้วยความเป็นห่วง
"พักอีกวันไหมลูก จัสตินบอกป้าว่าให้หนูหยุดได้สองวันนะ" เธออยากให้หลานสาวพักอีกสักหน่อย เพราะท่าทางของเธอดูไม่สดใสร่าเริงขึ้นเลย
"แนทไหวค่ะป้า ขอบคุณนะคะ แนทไปก่อนนะ" นันทิชาสวมกอดป้าจิตด้วยความรัก เธอตัดสินใจว่าวันนี้จะไปยื่นใบลาออกที่ฝ่ายบุคคลของโรงแรมอย่างเป็นทางการเพื่อที่จะไม่ได้เจอเขาอีก ยังมีโรงแรมในเมืองนี้ฃอีกตั้งหลายแห่งที่เรียกตัวเธอไปสัมภาษณ์ เธอเชื่อมั่นว่าเธอจะมีงานทำตามที่วางแผนไว้ ขอเพียงแค่เธอไม่ต้องทำงานที่ The Heaven ก็พอ
"ถ้าไม่ไหวก็โทรมาบอกป้านะลูก เดี๋ยวป้าให้ลุงเบนขับรถไปรับ"
"ค่ะ ขอบคุณนะคะ"
"ตามสัญญาที่เซ็นไว้ สามารถลาออกได้นะคะ แต่ว่าต้องจ่ายเงินค่ายกเลิกสัญญาจ้าง เพราะในเอกสารก็ระบุไว้ว่าชัดเจนว่าต้องทำงานให้ครบหนึ่งปี" นันทิชาหน้าซีดขึ้นมาทันที เพราะลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย เงินที่เธอต้องจ่ายถ้ายกเลิกสัญญาคิดเป็นเงินไทยก็ราวๆ เกือบสามแสนบาท
"ดิฉันทำงานต่อค่ะ" นันทิชาบวกลบคูณหารในใจก็พบว่าหากเธอต้องเสียเงินจำนวนนี้เพียงเพราะแค่อยากหลบหน้าผู้ชายคนเดียว เธอไม่ทำดีกว่า เธอขอสู้กับเขาสักตั้ง!
"ดีค่ะ แล้ววันนี้จะทำงานต่อเลยหรือใช้สิทธิ์ลาอีกวันคะ"
"ทำงานต่อเลยค่ะ" ระหว่างอยู่ในลิฟต์เพื่อตรงไปยังห้องทำงานของจัสติน นันทิชาพยายามสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงท่าทีอ่อนแอหรือหวาดกลัวผู้เป็นเจ้านาย
"เอาวะ!" นันทิชาให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะใช้มือแตะที่กระจกดำมืดซึ่งเป็นประตูทางเข้าห้องทำงานของจัสติน เธอหวังว่าจะไม่เข้าไปขัดจังหวะอะไรอีก
"สวัสดีค่ะ" เธอทักทายจัสตินที่กำลังก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารอยู่ เขาเงยหน้ามองเธอด้วยสีหน้าเรียบเฉยโดยไม่พูดจาอะไรสักคำ
"พี่เอ็มม่าบอกว่าวันนี้คุณมีประชุมตอนบ่ายโมง ฉันต้องอ่านข้อมูลทั้งหมดก่อนเข้าประชุมกับคุณ ไม่ทราบว่าแฟ้มเอกสารอยู่ตรงไหนคะ" นันทิชาตัดสินใจถามเพราะมองไปทางไหนก็เห็นเพียงแค่ห้องโล่งๆ ไม่มีชั้นเก็บเอกสารใดๆ เลย จัสตินไม่ตอบคำถาม เขากดรีโมทที่วางอยู่ข้างๆ จากนั้นส่วนที่กลืนไปกลับกระจกก็เปิดออกไปทางซ้ายและขวา จนเผยให้เห็นชั้นเอกสารขนาดใหญ่และสูงเกินศีรษะของเธอกว่าสองเมตร นันทิชาอ่านชื่อแฟ้มต่างๆ ก็พบว่าแฟ้มที่เธอต้องการนั้นอยู่ในระดับที่สูงเกินกว่าเธอจะเอื้อมถึง เธอจึงเดินไปยกเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างๆ เขามาวางที่หน้าชั้นและถอดรองเท้าส้นสูงก่อนจะเหยียบเบาะเก้าอี้และหาเอกสารที่ต้องการจนครบถ้วน เธอแอบแปลกใจที่ทำไมถึงต้องประชุมงบประมาณของโรงแรมที่ผ่านมาตั้งห้าปีแล้วด้วย ก่อนจะยกเก้าอี้มาเก็บที่เดิมให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้
"เอ่อ... คือว่าฉันยังไม่มีโต๊ะทำงานเป็นของตัวเอง ฉันเอาลงไปอ่านข้างล่างได้ไหมคะ" นันทิชาเอ่ยถามเบาๆ จัสตินมองไปทางโซฟาเพื่อบอกให้เธอนั่งอ่านเอกสารตรงนั้น
"อ่านตรงนี้เลยเหรอคะ" นันทิชาแปลกใจ ก็พี่เอ็มม่าบอกว่าเขาชอบความเป็นส่วนตัวนิ
"ของที่ผมสั่ง ยกขึ้นมาได้เลย" จัสตินไม่สนใจคำถามของนันทิชา เขากดโทรศัพท์สั่งงานและอ่านเอกสารต่อไปอย่างเคร่งเครียด นันทิชาตัดสินใจเดินไปที่โซฟา เธอรู้สึกขยะแขยงภาพในความทรงจำที่ผุดขึ้นมาเมื่อต้องนั่งบนโซฟาที่เขาพลอดรักกับนางแบบสาวสวยเมื่อวาน และคงไม่ใช่แค่นางแบบคนนี้คนเดียวแน่
เวลาผ่านไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เอ็มม่าเดินเข้ามาในห้องทำงานของจัสตินพร้อมกับชายที่แต่งตัวเหมือนช่างอีกสี่คนที่ยืนรออยู่ด้านนอก
"วางที่มุมห้องตรงนั้นเลย" เขาชี้บอกเอ็มม่า และไม่กี่อึดใจบรรดาโต๊ะ เก้าอี้ รวมถึงคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดก็ถูกจัดอย่างมีระเบียบอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของจัสตินไม่กี่เมตร
"โต๊ะทำงานของน้องแนทจ๊ะ" เอ็มม่าบอกด้วยเสียงหวานหยดย้อยที่นันทิชาฟังแล้วก็รู้สึกได้ว่าเธอประดิษฐ์มันขึ้นมาเพื่อให้เจ้านายของเธอได้ยิน
"ตรงนี้เลยเหรอคะ" นันทิชาถามย้ำ เพราะไม่อยากเชื่อว่าตัวเองจะซวยถึงขั้นต้องทำงานตรงข้ามกับเขา
"ใช่ค่ะ ตรงนี้เลย ทำงานให้เต็มที่นะคะ" เธอยิ้มกว้างเห็นฟันสามสิบสองซี่ก่อนจะเดินออกไป นันทิชาเดินเข้ามานั่งบนเก้าอี้นุ่มที่ตอนนี้เป็นของเธอ เธอสำรวจอุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ บนโต๊ะอย่างสนอกสนใจ เพราะรู้ว่าถ้าเงยหน้าไปจะต้องเห็นหน้าผู้บริหารโรคจิต ก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารต่อจนจบ นันทิชาสรุปทุกอย่างจนเสร็จและง่ายต่อการเข้าใจ
"แล้วต้องทำอะไรต่อล่ะ" เธอถามตัวเองในใจ คนสอนงานอยู่ข้างล่าง แต่โต๊ะทำงานเธออยู่ตรงนี้ จะถามเขาก็ดูไม่มืออาชีพเอาซะเลย เธอไม่ได้เตรียมตัวมาเป็นผู้ช่วยใครซะด้วย
"ถ้าอ่านจบแล้วก็เตรียมไปเดินตรวจงานกับฉัน" จัสตินพูดทำลายความเงียบ
"ค่ะ" เธอหยิบสมุดโน้ตและปากกาที่เตรียมมา เดินตามเขาออกจากห้องทำงานทันที
'มันเตรียมตรงไหนฮะ' เธอคิดในใจเพราะทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็ลุกออกจากเก้าอี้ นันทิชาเดินตามจัสตินไปที่แผนกต่างๆ ของโรงแรม เมื่อพนักงานเห็นหน้าเขา ทุกคนต่างหยุดทำกิจกรรมต่างๆ และก้มหัวให้เขาอย่างทำความเคารพและเกรงอกเกรงใจ ไม่มีใครกล้าสบตาเขาแม้แต่คนเดียว เธอจดสรุปงานตามคำพูดของเขาและคู่สนทนามือเป็นระวิง
"ไปกินข้าวกับฉัน" เขาเดินล้วงกระเป๋าและหันมาบอกเธอเมื่อเดินออกจากห้องอาหารของโรมแรม
"ฉันไปกินกับพนักงานคนอื่นๆ ดีกว่าค่ะ" นันทิชาปฎิเสธอย่างใจเย็น ตลอดชั่วโมงที่ผ่านมาเธอได้รับสายตาสงสัยและการจ้องมองปานจะกินเลือดกินเนื้อจากพนักงานผู้หญิงแทบจะทั้งโรงแรมแล้ว
"นี่คุณ... ฉันจะกินข้าวที่นี่" เธอกระซิบกระซาบบอกจัสติน เมื่อเขาคว้าข้อมือของเธอให้เดินตามไป สายตาของพนักงานเริ่มจดจ้องมาที่เธอและเขาอีกครั้ง
"ได้" จัสตินหันหลังกลับเข้าห้องอาหารของโรงแรมโดยไม่ลืมที่จะลากนันทิชากลับมาด้วย
"คุณ! ฉันหมายความว่าฉันจะกินคนเดียวที่นี่ ที่ห้องอาหารของพนักงาน" นันทิชาย้ำความคิดของเธอเมื่อเขาตีมึนทำเป็นไม่เข้าใจ
"โอเค!" เขาหมุนตัวกลับอีกครั้ง
"นี่คุณ ปล่อยได้แล้ว คนมองกันใหญ่แล้วนะ" นันทิชาพยายามแกะมือเขาออกจากข้อมือเล็กของเธอ
"ถ้าไม่อยากให้คนมองมากไปกว่านี้ ก็ออกไปกินข้าวกับฉันข้างนอก"
"ไม่ไปค่ะ มันอยู่ในเวลางาน ฉันออกไปข้างนอกไม่ได้" นันทิชารีบหาข้ออ้าง
"นี่เป็นคำสั่งจากเจ้านาย!" เขาส่งสายตาดุให้เธอ พร้อมกับออกแรงบีบข้อมือมากขึ้น
"ค่ะ!" นันทิชาตกลงตามหน้าที่อย่างขัดใจเจ้านายไม่ได้
"กินสิ" เขาบอกนันทิชาและมองไปตามอาหารที่วางอยู่เต็มโต๊ะ
"...คุณสั่งมาทำไมเยอะแยะคะ" นันทิชาถามอย่างสงสัย เพราะอาหารเจ็ดอย่างกับคนเพียงแค่สองคน ไม่มีทางกินหมดแน่ๆ
"หยุดสงสัยสักห้านาทีได้ไหม" เขาบอกพร้อมกับเริ่มตักอาหารบนโต๊ะก่อนจะวางลงในจานข้าวตัวเอง นันทิชาสังเกตว่าเขาชื่นชอบอาหารไทยเป็นพิเศษในบรรดาอาหารหลายสัญชาติที่วางอยู่บนโต๊ะ และดูเหมือนเขาจะเอร็ดอร่อยกับข้าวสวยร้อนๆ ในจานนั้นด้วย ทั้งสองไม่พูดจาอะไรเลยจนกระทั่งจัสตินรวบช้อนไว้ที่กลางจาน นันทิชาเห็นว่าเขาอิ่มแล้วจึงตัดสินใจวางช้อนลง แม้ว่าจะเสียดายอาหารที่เหลืออยู่เกือบเต็มโต๊ะก็ตาม
"อิ่มแล้วเหรอ" เขามองหน้านันทิชา
"ค่ะ" เธอบอกพลางหยิบแก้วน้ำที่วางอยู่ด้านขวามือขึ้นมาดื่ม
"กิน" จัสตินตักผักวางในจานข้าวของนันทิชา
"ไม่กินค่ะ ไม่กิน" เธอปฏิเสธเขาพัลวัน เมื่อเห็นว่าเขากำลังจะตักมันเพิ่ม
"เธอไม่กินผักเลยสักชิ้น มันมีประโยชน์ กินซะ" เขายื่นผักในช้อนมาใกล้ปากนันทิชา แทนที่จะวางมันลงบนจาน
"ฉันไม่ชอบกินผักค่ะ" นันทิชาจับช้อนในมือเขาวางลงบนจานของเธอ
"มันดีต่อสุขภาพ ไม่ชอบก็ต้องกิน" เขาหยิบช้อนที่จานขึ้นมาและพยายามจะยัดมันเข้าปากนันทิชาให้ได้
"ไม่กิน คุณ! มันจะเกินไปหน่อยหรือเปล่า!" นันทิชาทนไม่ไหวกับความจุ้นจ้านของเขา แค่เธอยอมทำงานต่อทั้งที่ต้องเสี่ยงชีวิตกับเจ้านายที่เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เดี๋ยวหื่น เธอก็กังวลมากพอแล้ว นี่ต้องมาถูกบังคับแม้กระทั่งเรื่องกินด้วย เธอต้องเป็นบ้าแน่ๆ ส่วนจัสตินที่ได้ยินคำพูดขัดหูที่ออกมาจากปากคนตรงข้ามถึงกับวางช้อนและเรียกพนักงานมาชำระเงินค่าอาหาร
"จัสติน!" เสียงผู้หญิงไม่คุ้นหูดังขึ้นจากด้านหลังของนันทิชา
"ดีใจจังเลยค่ะที่ได้เจอคุณ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะคะ" สาวสวยหุ่นนางแบบเดินเข้ามาทักทายจัสติน เธอโน้มตัวลงจนบั้นท้ายโค้งโก่งและหอมแก้มเขาเบาๆ ตามการทักทายของประเทศนี้ จัสตินไม่มีท่าทางหรือสีหน้าดีใจที่ได้พบเธอเหมือนที่เธอดีใจ เขาทำแค่เพียงส่งยิ้มให้เธอ และถอยตัวเองออกห่างเท่านั้น
"แล้วนี่มากับใครคะ" เธอถามเขาเสียงหวานและยิ้มจนปากแทบจะฉีกถึงหูให้นันทิชา
"ถ้าไม่มีเรื่องสำคัญอะไร ผมขอตัวก่อนนะครับ" เขาบอกพลางลุกจากเก้าอี้และส่งสายตาออกคำสั่งให้นันทิชาทำตาม
"รีบกลับจังเลยนะคะ ที่เมื่อก่อนคุณยังมีเวลาให้ลิลลี่ทั้งวัน... ทั้งคืน..." ลิลลี่สาวสวยหุ่นนางแบบไม่พูดเปล่า เธอใช้นิ้วเรียวไล่ไปตามเสื้อเชิ๊ตที่ปกปิดหน้าอกกำยำเอาไว้ จัสตินสะบัดมือเธอออกอยากรำคาญ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่นันทิชาเดินออกจากร้านอาหารเงียบๆ เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ควรยืนเป็นส่วนเกิน ลิลลี่ชำเลืองมองนันทิชาด้วยหางตาก่อนจะสำรวจเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
"เดี๋ยวนี้เจ้าของโรงแรมอย่างคุณ ต้องพาพนักงานมาทานอาหารกลางวันด้วยตัวเองเลยเหรอคะ" เธอถามและพยายามใช้ตัวเบียดเสียดเขาให้มากขึ้น
"เอ๊... หรือว่าจะไม่ใช่พนักงานธรรมดาๆ คะ" ลิลลี่ถามด้วยความยั่วยวน แต่จัสตินกลับรู้สึกว่ามันเป็นคำถามยั่วโมโหซะมากกว่า เขาล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อสูทออกมา และในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาที บอดี้การ์ดร่างใหญ่ของเขาก็ดึงตัวลิลลี่ออกจากตัวเจ้านาย เขาเดินออกจากร้านไปโดยไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย
"ปล่อยฉัน!" ลิลลี่พยายามสะบัดตัวออกจากการกักขังของชายที่ตัวใหญ่กว่าเธอถึงสองเท่า เขาปล่อยเธอตามคำสั่ง จนเธอร่วงไปกองที่พื้น...
"ฉันจะเอาคืนพวกแกให้หมดทุกคนเลย คอยดูสิ!" ลิลลี่บอกอย่างโกรธจัด แม้คนที่เธอหมายจะเอาเรื่องไม่ได้อยู่ตรงนั้นแล้ว เธอกดโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว พร้อมกับจัดทรงผมและเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง
"ลิลลี่เจอจัสตินแล้วนะคะ แต่ว่าจัสตินมากับพนักงานของโรงแรมคนนึง..."
จัสตินออกจากร้านอาหารอย่างเร่งรีบ เขามองหานันทิชาจนพบว่าเธอยืนอยู่ไม่ใกล้จากหน้าร้าน เขากำลังจะเดินเข้าไปหาเธอ แต่ก็ถูกใครสักคนเข้ามาทักทายเธอก่อน
"แนท?" ชายหนุ่มตัวสูงเอ่ยถามนันทิชาที่กำลังมองผู้คนที่กำลังเดินไปเดินมา
"คะ?" นันทิชามองหน้าผู้มาเยือนอย่างพิจารณา
"แนทใช่ไหม" หนุ่มตัวสูงถอดแว่นกันแดดออก และมองหน้านันทิชาใกล้ๆ
"เจค? เจคใช่ไหม" นันทิชาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
"ใช่ๆ นี่แนทจริงๆ ใช่ไหม" เขาจับหน้านันทิชาหันไปมาเพื่อให้แน่ใจว่าจำคนไม่ผิดไป
"ใช่! แนทเองๆ" ทั้งสองกระโดดโผเข้ากอดกันอย่างดีใจ
"เฮ้ยๆ หยุดๆ" นันทิชาร้องห้ามเมื่อเขาจุ๊บเธอเบาๆ ที่ริมฝีปากและทั่วใบหน้าของเธอ
"ขอโทษๆ เจคลืมว่าคนไทยถือเรื่องนี้" เขารีบขอโทษขอโพยนันทิชา
"ไม่เป็นไรหรอก" นันทิชาบอกให้เขาสบายใจ แม้หน้าจะร้อนผ่านขึ้นมาก็ตาม
"ดีใจที่ได้เจอแนทจัง ขอกอดอีกทีได้ไหม" เขากางแขนออกเพื่อต้อนรับตัวของนันทิชา เธอโผเข้ากอดเขาอย่างเต็มใจ
"คิดถึงแนทจังเลย เจคบอกแล้วใช่ไหมว่าถ้ามาที่นี่ให้โทรหาเจค" เขาบอกอย่างน้อยใจ เจค หรือ เจค็อบ ทอมป์สัน นักบาสหนุ่มหล่อแห่งทีมบาสเก็ตบอลชื่อดังของอเมริกา ผู้มีส่วนสูงกว่าร้อยเก้าสิบเอ็ดเซนติเมตร ตัดพ้อกับนันทิชาอย่างน้อยใจ เขารู้จักกับเธอเมื่อครั้งไปพักผ่อนที่เมืองไทยแบบส่วนตัวหลังจากทีมของเขาคว้าแชมป์สูงสุดของประเทศ ส่วนนันทิชาเป็นนักศึกษาฝึกงานอยู่ที่โรงแรมที่เขาพัก เธอมีโอกาสได้ดูแลเขาและครอบครัวตลอดการพักผ่อน และเนื่องจากนันทิชาสนใจในกีฬาบาสเก็ตบอล รวมทั้งเธอยังมีโอกาสไปหาป้าจิตที่แอลเอเกือบทุกปี เธอจึงมีเรื่องให้คุยกับเขาและครอบครัวอย่างสนุกสนาน
"แนทขอโทษนะ โทรศัพท์เครื่องเก่าแนทมันพัง เบอร์โทรศัพท์เจคก็หายไปด้วย แนทเลยไม่รู้จะติดต่อเจคยังไง" เธอบอกอย่างรู้สึกผิด
"ส่งข้อความว่าในอิสตราแกรมสิ"
"แหม! นักบาสดาวรุ่งระดับโลก มีคนติดตามเป็นสิบๆ ล้านคน เราส่งไปเจคจะได้อ่านไหมล่ะ อีกอย่างก่อนหน้านี้แนทยุ่งๆ ด้วย... นี่ แนทเรียนจบแล้วนะ" เธอบอกเขาอย่างอารมณ์ดี เพราะเจอกับเขาครั้งล่าสุด เธอยังเป็นนักศึกษาอยู่เลย
"จริงไหมเนี่ย! ยินดีด้วยนะแนท เย็นนี้ไปกินข้าวที่บ้านเราไหม พ่อกับแม่เราต้องดีใจแน่ๆ ที่ได้เจอแนทอีก" เขาบอกอย่างตื่นเต้น
"ได้สิ อ่ะๆ ขอเบอร์หน่อย" นันทิชาหยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ายื่นให้เจค็อบ เขารับมาและกดอย่างคล่องมือ
"อ่ะ เซฟเบอร์ไว้ให้แล้ว" เขายื่นโทรศัพท์คืนให้นันทิชา เธอหลุดขำออกมาเมื่อเห็นเขาพิมพ์ชื่อตัวเองและต่อท้ายด้วยรูปหัวใจสีแดงและลูกบาส
"เดี๋ยวแนทโทรหาหลังเลิกงานนะ... เอ่อ..." นันทิชาเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า เมื่อรู้สึกว่ามีสายตาหลายคู่มองมายังเขาและเธอ เธอมองรอบๆ ก็พบว่ามีบรรดาคนทุกเพศทุกวัยที่เดินผ่าน ต่างยิ้มให้เจค็อบ และผู้หญิงที่รุ่นราวคราวเดียวกับเธอก็ยืนอยู่ไม่ไกล ในมือถือโทรศัพท์ไว้แน่น เธอลืมไปเลยว่าอยู่ที่นี่เขามีชื่อเสียงโด่งดัง เพราะเขาคือนักกีฬาคนสำคัญของทีมและเก่งกาจเป็นไหนๆ
"พวกเค้าก็แค่มองเฉยๆ น่ะ" เจค็อบบอกให้นันทิชาสบายใจ เขาชินกับสถานการณ์แบบนี้แล้ว
"แต่เราไม่ชินน่ะสิ ไว้เย็นนี้เราโทรหานะ" เธอรู้สึกไม่ดีเลยที่มีคนมาจ้องมองแบบนี้
"อะแฮ่ม..." จัสตินเดินล้วงกระเป๋าและกระแอมเบาๆ ตรงเข้ามาหาทั้งสองคน นันทิชาและเจค็อบมองตามไปยังที่มาของเสียง จัสตินพิจารณาใกล้ๆ ก็รู้ทันทีว่าคนที่ยืนอยู่กับนันทิชาคือใคร เขาคือผู้เล่นดาวเด่นในทีมบาสเก็ตบอลสุดโปรดของเขา
"สวัสดีครับคุณจัสติน" เจค็อบยื่นมาทักทายผู้มาเยือน เพราะจัสตินคือหนึ่งในเจ้าของธุรกิจที่สนับสนุนทีมของเขา
"สวัสดีครับ ดีใจที่ได้เจอกันนอกสนามบาสนะ" เขาตอบอย่างคล่องแคล่ว
"แล้วรู้จักแนทด้วยเหรอครับ" นักบาสหนุ่มถามอย่างสงสัย
"แนททำงานเป็นผู้ช่วยของคุณจัสตินน่ะ" เธอรีบตอบ เพราะกลัวเจ้านายจะให้ข้อมูลผิดๆ
"ว๊าว! บังเอิญจัง ถ้างั้นคุณจัสตินมีงานที่สนามบาส อย่าลืมพาแนทไปด้วยนะครับ เธอชอบทีมของเราสุดๆ แต่ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้ผมยังเป็นคนที่เธอชอบที่สุดในทีมหรือเปล่า" เจค็อบบอกจัสตินอย่างตื่นเต้น
"ครับ แต่ตอนนี้ผมกับผู้ช่วยของผมคงต้องไปทำงานกันต่อนะครับ เสียเวลามามากแล้ว" เขาเน้นเสียงประโยคหลังให้หนักขึ้นนิดหน่อย และจับข้อมือของนันทิชาไว้ ก่อนจะดึงเธอเข้ามาใกล้ตัว เจค็อบมองภาพตรงหน้าและน้ำเสียงของจัสตินก็รู้สึกแปลกในใจ...
"เชิญครับ... เลิกงานแล้วโทรมานะแนท" เขาบอกจัสตินสั้นๆ ก่อนจะหันไปบอกนันทิชา พร้อมกับยกมือทำท่าโทรศัพท์แนบหู นันทิชาแกะมือใหญ่ที่หุ้มอยู่รอบข้อมือของเธอออก แต่เหมือนยิ่งแกะ มันก็ยิ่งเกาะแน่นขึ้นทุกที
"บายนะเจค เย็นนี้แนทจะโทรหานะ" เธอบอกและปล่อยตัวตามแรงที่จัสตินดึงเธอออกมา